ผุดอุโมงค์ทางด่วนลอดแม่น้ำเจ้าพระยาเส้นแรกของไทย เตรียมเสนอ คจร. เดือนมีนาคมนี้

กรุงเทพฯ 6 ก.พ. – ด่วน!!! คมนาคม เดินหน้าโปรเจคแก้วิกฤติจราจร  ผุดอุโมงค์ทางด่วนลอดแม่น้ำเจ้าพระยาเส้นแรกของไทย เตรียมเสนอ คจร. เดือนมีนาคมนี้ 


นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลัง Mr.Hirai Hideki ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น (MLIT) เข้าพบว่า ทาง MLIT ได้เข้ามารายงานโครงการศึกษาของการดำเนินงานคณะกรรมการขับเคลื่อน (Steering Committee) เกี่ยวกับโครงการศึกษาความเหมาะสมการก่อสร้างอุโมงค์ทางด่วนลอดแม่น้ำเจ้าพระยา จากถนนนราธิวาส – สำโรง ระยะทาง 8.7 กม ซึ่งโครงการดังกล่าวทางสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร หรือ สนข. ได้ร่วมกับ MLIT เพื่อศึกษาโครงการที่จะนำมาแก้ไขปัญหาจราจรในเขตกรุงเทพมหานครชั้นในออกไปยังรอบเขตกรุงเทพมหานครออกไปต่างจังหวัด ส่วนรูปแบบการลงทุนก่อสร้างนั้นมีหลายรูปแบบต้องรอจนกว่าผลการศึกษาจะแล้วเสร็จ

นายชยธรรม์ พรหมศร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กล่าวว่า สืบเนื่องมาจากกระทรวงคมนาคมมีความต้องการที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาจราจรทั้งในเขต กทม. และปริมณฑลทั้งระบบ และจะเห็นว่าการจราจรในเขตถนนสีลม  สาทร บางรัก และ ถนนนราธิวาส มีปริมาณการจราจรที่คับคั่งมาก ดังนั้น สนข.จึงได้มีความร่วมมือที่จะเข้าศึกษาในโครงการต่างๆ ซึ่งโครงการก่อสร้างทางด่วนลอดแม่น้ำเจ้าพระยาเป็น 1 หลายๆ โครงการที่จะต้องมีการดำเนินการ โดยภายในต้นเดือน มี.ค.นี้ทาง สนข. จะเสนอ คณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก หรือ คจร. ที่มีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน 


สำหรับโครงการทางด่วนลอดแม่น้ำเจ้าพระยา ระยะทาง 8.7 กม. จากถนนนราธิวาส – สำโรง ซึ่งจะเริ่มต้นเชื่อมต่อทางพิเศษเฉลิมมหานครกับถนนนราธิวาสลอดแม่น้ำเจ้าพระยาไปฝั่งตะวันออกที่ถนนสรรพาวุธเชื่อมต่อทางพิเศษเฉลิมมหานครกับสี่แยกบางนา เพื่อเชื่อมขึ้นทางด่วนออกไปทางถนนบางนา โดยถนนจะเป็น 4 ช่องจราจรไป – กลับ

ส่วนประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยว่าพระราชบัญญัติงบประมาณ ประจำปี 2563 จะเป็นโมฆะ ตามที่มีผู้ยื่นคำร้องจากกรณีมีการเสียบบัตรแทนกันของ ส.ส.หรือไม่ ในวันพรุ่งนี้  ประเด็นดังกล่าว  นายศักดิ์สยาม ระบุว่า ไม่ว่าคำวินิจฉัยจะออกมาในลักษณะใด  จะไม่ส่งผลกระทบกับแผนการลงทุนที่จะใช้งบประมาณประจำปี 2563 ในการเบิกจ่ายเริ่มต้นโครงการ  โดยจากการหารือกับพลเอกประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุว่า สำหรับโครงการที่มีความจำเป็นในช่วงเริ่มต้นของโครงการ หากยังไม่สามารถเบิกจ่ายงบประมาณได้  ก็สามารถใช้แนวทางจัดหาแหล่งเงินกู้ เพื่อนำมาเบิกจ่ายก่อน จนกว่าระบบการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2563 จะเริ่มเบิกจ่ายเข้าระบบได้  โดยนายกรัฐมนตรีระบุชัดเจนว่า  ปัจจุบันนี้เพดานหนี้สาธารณะของไทย ยังมีเหลืออยู่อีกร้อยละ 20   ที่สามารถจัดหาแหล่งเงินกู้เพิ่มได้ โดยไม่กระทบวินัยการเงินการคลัง . – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชิงทอง

สอบเครียด! คนร้ายชิงทอง 113 บาท สารภาพเอาไปจำนำบางส่วน

สอบเครียดทั้งคืน ผู้ต้องหาชิงทอง 113 บาท รับสารภาพนำทองไปจำนำบางส่วน ซื้อเบ้าหลอมเพื่อให้ยากต่อการติดตามของตำรวจ

เมียวดีระส่ำ! ปั๊มเหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน

เมียวดีระส่ำหนัก หลังไทยตัดกระแสไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมันข้ามชายแดน โดยเฉพาะน้ำมันขาดแคลนหนัก ปั๊มน้ำมันกว่า 20 แห่ง เหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน ประธานหอการค้าเมียวดี เรียกร้องรัฐบาลไทยทบทวน อยากให้ 2 ประเทศ ร่วมกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ถูกจุด

ข่าวแนะนำ

ไทยตอนบนอุณหภูมิลด 1-3 องศาฯ อีสานอากาศเย็นถึงหนาว

กรมอุตุฯ รายงานไทยตอนบนอุณหภูมิลดลง 1-3 องศาฯ กับมีลมแรง อีสานอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคเหนือ กลาง รวมทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑล ตะวันออก และภาคใต้ตอนบน อากาศเย็นตอนเช้า ส่วนภาคใต้ฝั่งตะวันออกมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง

ทำแผนชิงทอง

คุมทำแผนโจรบุกเดี่ยวชิงทอง 113 บาท

คุมตัวทำแผน โจรบุกเดี่ยวชิงทอง 113 บาท ในห้างฯ ย่านลำลูกกา สารภาพนำทองไปจำนำบางส่วน และซื้ออุปกรณ์หลอมทองเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่