กรุงเทพฯ 5 ก.พ.- สภาทนายความชี้ “ษิทรา”ยังทำหน้าที่ต่อได้ เผยโทษหนักสุดหากผิดมรรยาท
นายนิพนธ์ จันทเวช เลขาธิการสภาทนายความ และโฆษกสภาทนายความ กล่าวถึงกรณีที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนำหมายเข้าจับกุม ฐานใช้เอกสารปลอม เบิกความเท็จ ในคดียาเสพติดว่า ขณะนี้คดียังอยู่ในชั้นสอบสวนผู้ถูกกล่าวหาเท่านั้นจึงไม่อาจก้าวล่วง หรือ สรุปความได้
ส่วนเรื่องการตรวจสอบจริยธรรมผู้ประกอบวิชาชีพทนายความ ในอำนาจของสภาทนายความ ลักษณะของเรื่องนี้จะเข้าข่ายการกระทำผิดต่อมรรยาททนายความ ซึ่งจะต้องมีผู้เสียหาย ทั้ง ผู้เป็นเจ้าของ หรือ ผู้มีอำนาจทำเอกสารดังกล่าว หรือ ศาลที่ถูกละเมิดอำนาจในชั้นพิจารณา มาร้องทุกข์เพื่อให้คณะกรรมการมรรยาททนายความนำเข้าสู่กระบวนการสอบสวน ก่อนพิจารณาลงมติชี้ขาด ส่วนบทลงโทษนั้นมี 3 สถานด้วยกันคือ
1 .ภาคทัณฑ์ 2.พักใช้ใบอนุญาตทนายความไม่เกิน 3 ปี และ 3.ลบชื่อออกจากสารบบทนายความ
โดยการกำหนดโทษจะพิจารณาจากพฤติการณ์ความผิดว่าร้ายแรงแค่ไหน ซึ่งความผิดในการใช้เอกสารปลอมเบิกความเท็จนั้น ถือเป็นข้อกล่าวหาร้ายแรง เมื่อเกิดข่าวนี้ขึ้นทางสภาทนายความก็เกิดความกังวลใจ พร้อมขอให้เพื่อนผู้ประกอบวิชาชีพทนายความทั้งเก่า ใหม่ ดำรงตนประกอบวิชาชีพด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ต่อผู้อื่นและกระบวนการยุติธรรม ที่สำคัญคือซื่อตรงต่อการรวบรวมข้อเท็จจริงทางคดีมานำเสนอโดยไม่เสริมเติมแต่ง เชื่อว่าผู้ใดทำได้จะประสบความสำเร็จในวิชาชีพ มีรายได้ มีศักดิ์ศรีและความน่าเชื่อถือตามมา
สำหรับการออกใบอนุญาตว่าความในปัจจุบันนั้น สภาทนายความมีนโยบายเข้มงวดในการตรวจสอบจริยธรรมและความรู้มากขึ้นเพื่อยกระดับวิชาชีพ และป้องกันการเกิดข้อครหากับผู้ประกอบวิชาชีพทนายความในอนาคต .-สำนักข่าวไทย