กลุ่มสามมิตร เตรียมรับมืออภิปรายไม่ไว้วางใจ

กรุงเทพฯ 5 ก.พ.-กลุ่ม 3 มิตร ทั้งแกนนำ อาทิ “สมศักดิ์ สุริยะ” และสมาชิกว่า 40 คน รับประทานอาหารกลางวัน เตรียมรับมืออภิปรายไม่ไว้วางใจ ยันไม่ใช่เรื่องการแสดงพลัง หรือต่อรองอะไรทั้งสิ้น 


ที่โรงแรมศุโกศล กลุ่มสามมิตร พรรคพลังประชารัฐกว่า 40 คน อาทิ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี  นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ  นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม รวมทั้ง ส.ส.ทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ต่างจังหวัด ในกลุ่มสามมิตร มารวมตัวกันที่โรงแรมสุโกศล เพื่อหารือ วางแผนเตรียมรับมืออภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีทั้ง 6 คน 

นายอนุชา นาคาศัย รองหัวหน้าพรรค กล่าวว่า การนัดรับประทานอาหารกลางวันในครั้งนี้ไม่ได้มีวาระอะไรเป็นพิเศษแต่ก็คาดว่าจะมีการหารือประเด็นเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยมีแกนนำและส.ส.ของพรรคประมาณ 30-40 คนมาร่วมหารือ การนัดพบปะกันดังกล่าวไม่ใช่การแสดงพลังแต่อย่างใด


นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะแกนนำกลุ่มสามมิตร เปิดเผยว่า เดิมกลุ่มสามมิตรได้ยกเลิกไปแล้ว แต่ที่ต้องมารวมตัวกันอีกครั้ง เนื่องจากจะมีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี กลุ่มสามมิตร ก็ต้องช่วยกันระดมความคิดในฐานะที่มีประสบการณ์ทางการเมืองหลายคน ผ่านการลงมติการอภิปรายไม่ไว้วางใจมาแล้ว อย่างเท่าที่ดูญัตติของฝ่ายค้าน ใช้คำกล่าวหาว่าเถื่อน เป็นเผด็จการสืบทอดอำนาจ ทั้งที่นายกรัฐมนตรีทำรัฐประหาร เนื่องจากบ้านเมืองอยู่ในภาวะวิกฤต หากไม่ออกมาปัญหาก็ไม่จบ ประชาชนจึงเชื่อมั่นว่าสิ่งที่นายกรัฐมนตรีทำถูกต้อง และพรรคพลังประชารัฐยังได้คะแนนถึง 8 ล้านเสียง จึงมองว่าประเด็นที่ฝ่ายค้านตั้งมาไม่มีน้ำหนัก

ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า กลุ่มสามมิตรกลับมารวมตัวกัน เพื่อแสดงอำนาจต่อรอง หากปรับคณะรัฐมนตรีภายหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น นายสุริยะ กล่าวว่า การรวมตัวกันครั้งนี้เป็นการรวมตัวกันเพื่อช่วยเหลือนายกรัฐมนตรี เหตุการณ์กลุ่มสามมิตรในอดีตได้สำนึกผิดแล้ว การรวมตัวกันครั้งนี้เพื่อช่วยกันระดมความคิดเห็นและให้การบ้าน แล้วจะรวบรวมเสนอที่ประชุมพรรคพลังประชารัฐ ไม่มีการแตกแยกภายในพรรค แต่เป็นการรวมตัวกันเพื่อเสริมให้กับพรรค ไม่ได้ส่งสัญญาณไปถึงการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งต่อไป เมื่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจเสร็จสิ้น กลุ่มสามมิตรก็จะสลายไปเหมือนเดิม

ส่วนความมั่นใจในพรรคร่วมรัฐบาล นายสุริยะ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ก็ออกมาให้ความชัดเจนแล้ว ว่าจะช่วยหากเกิดกรณีฝ่ายค้านอภิปรายนอกประเด็น ส่วนกรณีที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ จะเข้าร่วมหารือการประชุมวันนี้ด้วยนั้น นายสุริยะ กล่าวว่า  ประเด็นเศรษฐกิจคงไม่น่าหนักใจ เพราะนายกรัฐมนตรีได้สั่งการบ้านอยู่แล้ว แต่ที่สำคัญคือประเด็นทางการเมือง ซึ่ง ส.ส.ต้องช่วยกัน 


ด้านนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ  กล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่จะมีขึ้น กลุ่มสามมิตรจะหารือเตรียมตัวทำการบ้าน โดยเฉพาะในส่วนที่ตนรับผิดชอบซึ่งก็คือกระทรวงยุติธรรม ส่วน สส.ที่ทำงานร่วมกับนายกรัฐมนตรีต้องช่วยกันทำการบ้านก่อนส่งข้อมูลช่วยนายกรัฐมนตรีซึ่งถือว่าครั้งนี้จะเป็นการทำการบ้านและซักซ้อมว่าจะช่วยกันรับมืออย่างไร เพราะหากนายกรัฐมนตรีพลาดพลั้งไป 1 คน ก็จะเสียหายกันไปทั้งหมดซึ่งจะไม่ยอมให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น 

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนสำคัญที่สุด คงไม่ใช่เพียงแค่พรรคพลังประชารัฐแต่พรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องร่วมกันทำการบ้านด้วย ซึ่งการมารวมตัวกันในครั้งนี้ หวังว่าจะเป็นตัวอย่าง ให้พรรคร่วมรัฐบาลเตรียมตัวสู้ศึกไปด้วยกัน และหลังจากนี้จะมีการซักซ้อมกันตลอดจนกว่าจะมีการอภิปราย ที่จะมีขึ้นในวันที่ 25 กุมภาพันธ์นี้ การนัดรวมตัวกันครั้งนี้ไม่ใช่การต่อรอง เพื่อการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งต่อไปเพราะกระทรวงยุติธรรมคงจะไปต่อรองอะไรไม่ได้อยู่แล้ว เรามาในครั้งนี้เพื่อเตรียมข้อมูลและแสดงน้ำใจต่อกันและหวังให้เป็นจุดเริ่มต้นให้กับพรรคร่วมรัฐบาลใครจะไปต่อรองก็เรื่องของเขา

เมื่อถามว่า ประเด็นการอภิปราย เป็นเรื่องเก่า คิดว่าประชาชนจะได้ประโยชน์หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ได้แจ้งประธานสภาไปแล้ว ซึ่งประธานสภาต้องช่วยดูว่าญัตติที่เขียนไว้หากเป็นเรื่องเก่าแล้วนำไปบรรจุจะเป็นปัญหา เราหลีกเลี่ยงไม่ได้จะมีการประท้วงกันมากมาย หากมีการประท้วงก็ต้องเข้าใจว่าเราได้พยายามแล้ว และเราไม่สามารถห้ามใครได้ 100% เพราะถือเป็นการรักษาสิทธิ์ของแต่ละฝ่าย

เมื่อถามว่าจะมีโอกาสเชิญพรรคร่วมรัฐบาลมาพูดคุย ด้วยหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า เห็นว่าในอนาคตน่าจะพัฒนาไปถึงตรงนั้นเมื่อใกล้เวลาที่จะอภิปราย แต่การอภิปรายครั้งนี้ ผู้ถูกอภิปรายล้วนเป็นบุคลากรสำคัญของพรรคพลังประชารัฐพรรคร่วมรัฐบาลไม่โดนเลย ก็อาจจะทำให้มองในอีกมุมหนึ่งแต่ถ้าหากไม่อยากให้มองในมุมนั้นก็ต้องมาช่วยกันรับมือกับการอภิปรายครั้งนี้ พร้อมย้ำการกลับมาใช้ชื่อกลุ่ม 3 มิตรเป็นการทำกิจกรรมที่มีประโยชน์โดยไม่ได้ต่อรองอะไรและผลประชุมในวันนี้ไม่น่าจะนำเข้าหารือในที่ประชุมใหญ่ของพรรคแต่หวังเพียงให้ขยายผลไปยังพรรคร่วมรัฐบาล 

ด้านนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การรวมตัวกันครั้งนี้จะเป็นการหารือเกี่ยวกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจเพื่อให้เป็นการอภิปรายที่สมบูรณ์ ทั้งเรื่องข้อมูลและวางตัวบุคคล ซึ่งการอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นเรื่องปกติในระบอบประชาธิปไตย ฝ่ายค้านมีหน้าที่ตรวจสอบ ฝ่ายรัฐบาลก็มีหน้าที่ชี้แจงให้เข้าใจร่วมกัน เพื่อจะได้ร่วมงานกันได้ในอนาคต  ตนและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐมาร่วมประชุมครั้งนี้ ไม่ได้ให้นโยบายอะไร แต่มาเพื่อให้กำลังใจ เพราะตนไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพรรคอยู่แล้ว

ส่วนเรื่องที่ไม่ได้ติดเป็นหนึ่งในบุคคลที่ถูกอภิปรายเรื่องเศรษฐกิจ นายสมคิด กล่าวว่า  นายกรัฐมนตรีจะตอบได้ทุกคำถามอยู่แล้ว และกระทรวงที่เกี่ยวข้องก็สามารถชี้แจงช่วยนายกรัฐมนตรีได้อยู่แล้วเป็นเรื่องปกติ นายกรัฐมนตรีมีข้อมูลอยู่ในหัวอยู่ กระทรวงการคลังและกระทรวงที่เกี่ยวข้องก็ต้องเอาข้อมูลมาช่วยเพื่อตอบให้เข้าใจกัน ส่วนจะให้ตนเองช่วยชี้แจงหรือไม่ นายกรัฐมนตรียังไม่มอบหมายให้ใครชี้แจง แต่คนที่เกี่ยวข้องก็ควรจะชี้แจงในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพราะผู้บริหารสูงสุดดูเรื่องนโยบาย ส่วนการขับเคลื่อนเป็นหน้าที่ของกระทรวง 

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ บอกว่า ในส่วนของพรคมีการเตรียมตัวกันเต็มที่ ไม่ใช่เพียงกลุ่มสามมิตรเท่านั้น แต่ทุกกลุ่มจะมีการประสานกัน รวมถึงประสานกับพรรคร่วมรัฐบาลด้วย และเริ่มดำเนินการแล้ว

ส่วนการประชุมกลุ่มสามมิตรวันนี้ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่แค่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่ต้องทำด้วยกันทั้งหมด เมื่อมีการพบปะหารือกันกับกลุ่มนี้แล้ว ก็คงจะมีการหารือกับกลุ่มอื่นอีก และคงจะมีการหารือพร้อมกัน ยืนยันว่าการรวมตัวกันครั้งนี้ ไม่เกี่ยวกับการต่อรองหากมีการปรับคณะรัฐมนตรีหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นเพียงการเตรียมความพร้อมการอภิปรายไม่ไว้วางใจเท่านั้น .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ทบ.ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน

กรุงเทพฯ 9 ส.ค. – โฆษก ทบ. ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิดขณะลาดตระเวนเส้นทาง พื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จ.ศรีสะเกษ บาดเจ็บ 3 นาย สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า วันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 กรณีกำลังพลของหน่วยกองร้อยทหารราบที่ 111 เหยียบกับระเบิด ขณะทำการลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จังหวัดศรีสะเกษ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ได้แก่ 1. จ่าสิบเอก ธานี พาหา ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ป้องกัน บาดเจ็บรุนแรง ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด2. พลทหาร ภาคภูมิ ไชยสุระ ตำแหน่งพลปืนเล็ก บาดเจ็บบริเวณแขนและด้านหลัง3. พลทหาร ธนันชัย ไกรวงค์ […]

จับผับรังสิต

สั่งเด้งผู้การปทุมธานี ขาดจากตำแหน่งเดิม เซ่นจับผับดังรังสิต

8 ส.ค. – โดนด้วย! สั่งเด้งผู้การปทุมธานี โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม พร้อมพวกอีก 5 นาย เซ่นจับผับดังรังสิต พบฉี่ม่วงเพียบเฉียด 200 คน พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ลงนามในคำสั่งตำรวจภูธรภาค 1 ที่ 209/2568 เรื่อง ข้าราชการตำรวจช่วยราชการ ใจความว่า ด้วย ตำรวจภูธรภาค 1 มีคำสั่งที่ 208/2568 ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2568 แต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในกรณีเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 เวลา 01.00 น. ชุดปฏิบัติการ พิเศษกรมการปกครอง ได้มีการจัดระเบียบสังคม โดยเปิดปฏิบัติการ (Zero Drug) โดยนำกำลังเข้าทำการ ตรวจสอบและจับกุมสถานบริการ ชื่อ ร้าน “Skin […]

ข่าวแนะนำ

วิเคราะห์แนวทางดำเนินคดีกัมพูชา

10 ส.ค. – ฟังการวิเคราะห์ปมดำเนินคดีกัมพูชา กับ รศ.ดร. ดุลยภาค ปรีชารัชช อาจารย์ประจำสาขาวิชาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จากหลักฐานที่มีชัดเจน กระสุนกัมพูชายิงตกฝั่งไทย เกิดความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินพลเรือน และมีกระสุนที่ต้องเก็บกู้มากกว่า 800 นัด ขณะที่หลังการเจรจา GBC ผ่านไป พบกัมพูชายังเสริมกำลังทหารต่อเนื่อง .-สำนักข่าวไทย

ชาวบ้านศรีสะเกษสุดช้ำ บ้านเรือนถูกกัมพูชายิงถล่มเหลือแต่ซาก

ศรีสะเกษ 10 ส.ค. – ชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กลับจากศูนย์อพยพเจอสภาพบ้านเหลือแต่ซาก หลังถูกลูกปืนใหญ่กัมพูชายิงถล่ม ขณะที่พบหัวจรวด BM-21 กลางทุ่งนา อีก 2 จุด ใน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เจ้าหน้าที่ EOD ทำลายเรียบร้อย ปลัดอำเภอน้ำยืน เน้นย้ำหากชาวบ้านพบหลุมลึก-ปากหลุมแคบ ให้รีบแจ้งทันที ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นนาทีกระสุนโจมตีของกัมพูชายิงตกใส่บ้านเรือนประชาชนอย่างรุนแรงจนฝุ่นฟุ้งกระจาย จากภาพจะเห็นว่ามีรถอีแต๋นคันหนึ่งวิ่งผ่านจุดที่กระสุนพุ่งตกลงมาเพียงเสี้ยววินาที เมื่อเวลา 10.00 น. ของวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา ในพื้นที่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ วันนี้ นายกุลนที อายุ 45 ปี เดินทางกลับมาบ้าน หลังอพยพออกจากพื้นที่ไปกว่า 2 สัปดาห์ ในช่วงเหตุปะทะแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ทันทีที่เห็นบ้าน นายกุลนทีถึงกับน้ำตาคลอ เพราะบ้านเสียหายอย่างหนัก ทั้งโครงสร้างไม้และปูนได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด ประตู หน้าต่าง กระจก และหลังคาถูกกระสุนถล่มจนแทบไม่เหลือสภาพเดิม […]

มทภ.2 กำชับกำลังพลเพิ่มความระมัดระวัง หลังทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด

10 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 กำชับกำลังพลเพิ่มความระมัดระวัง หลังทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวนแนวชายแดน จ.ศรีสะเกษ จากการตรวจสอบพบเป็นทุ่นใหม่ ถูกวางไว้ช่วงทหารกัมพูชาเข้ามาตั้งฐานป้องกันการเข้าโจมตีของไทย ไม่ใช่การลอบนำมาวางใหม่หลังถอนกำลัง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยภายหลังการรับมอบสิ่งของช่วยเหลือทหารและเจ้าหน้าที่ตามแนวชายแดน จากภาครัฐและเอกชน ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเจ้าหน้าที่ทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวนแนวชายแดน จ.ศรีสะเกษ เมื่อวานว่า จากการตรวจสอบพบว่าเป็นทุ่นใหม่ที่ถูกวางไว้ช่วงทหารกัมพูชาเข้ามาตั้งฐานเพื่อป้องกันการเข้าโจมตีของไทย ก่อนที่จะถอนกำลังออกไป ไม่ใช่การลอบนำมาวางใหม่หลังถอนกำลัง จึงสั่งการให้ทุกหน่วยเพิ่มความระมัดระวัง พร้อมใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักร เช่น รถไถ รถตักในการเคลียร์เส้นทางและค้นหาทุ่นระเบิดบุคคล เพื่อป้องกันไม่ให้กำลังพลได้รับอันตรายซ้ำ สำหรับพื้นที่แนวปะทะที่มีการวางกำลังของทหารกัมพูชายังถือว่าไม่ปลอดภัยสำหรับทหาร เนื่องจากมีการวางระเบิดไว้มาก ส่วนพื้นที่ชาวบ้านซึ่งอยู่นอกแนวชายแดนลึกเข้ามา ไม่น่าเป็นห่วงจากทุ่นระเบิดบุคคล แต่ยังมีความเสี่ยงจากจรวดที่ยิงเข้ามาแล้วไม่ระเบิด หากประชาชนพบเห็นให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที ห้ามเข้าไปจับ ดึง หรือเก็บเอง อย่างไรก็ตาม พื้นที่ส่วนใหญ่ เช่น ภูมะเขือ อานม้า ซำแปร และตาเมือนธม ไทยสามารถครอบครองได้ […]

นิด้าโพล เผยประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องชาติมากถึง 75%

กทม. 10 ส.ค.-นิด้าโพล เผยประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องผลประโยชน์ชาติ จากสถานการณ์ไทย-กัมพูชา มากถึง 75% แนะเปิดเจรจาทางการทูตสองฝ่ายจริงจัง รวมทั้งเห็นว่าไม่ควรรับผู้ป่วยชาวกัมพูชาทุกคน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ไปต่อแบบไหนดี” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 4-5 สิงหาคม 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป เกี่ยวกับความไว้วางใจและความพอใจต่อบทบาทของภาคส่วนต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา พบว่า -กองทัพ ตัวอย่าง ร้อยละ 75.73 ระบุว่า ไว้วางใจมาก รองลงมา ร้อยละ 19.31 ระบุว่า ค่อนข้างไว้วางใจ ร้อยละ 3.66 ระบุว่า ไม่ค่อยไว้วางใจ ร้อยละ 1.07 ระบุว่า ไม่ไว้วางใจเลย และร้อยละ 0.23 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ -กระทรวงการต่างประเทศ ตัวอย่าง ร้อยละ 41.76 […]