“เท้ง” ขอรอความชัดเจน ปัดเห็นต่าง ภท. ยื่นซักฟอกนายกฯ

รัฐสภา 30 มิ.ย.- “เท้ง” ยันไม่ได้เห็นต่างหรือคัดค้าน “ภูมิใจไทย” แต่มองมุมกลับ ถ้ายื่นซักฟอกแล้วนายกฯ โดนศาล รธน.สอย จะเสียของหรือไม่ ขอรอความชัดเจน ติงม็อบ! ยึดมั่นในหลักการ ห้ามเอากระบวนการนอกระบบ เปิดช่อง “รัฐประหาร” บอกถ้า “แพทองธาร” ใช้สัมพันธ์รัฐต่อรัฐคุยเขมร สถานการณ์คงไม่เป็นแบบนี้


นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมในการเปิดสมัยประชุมสภาของฝ่ายค้าน ว่า วันพุธนี้ (3มิ.ย.68) จะมีการประชุมวิปฝ่ายค้านนัดแรกหลังจากเปิดสมัยประชุมสภา จากนั้นจะประชุมหัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้านในวันพฤหัสบดี (4 มิ.ย.68) ซึ่งจะต้องมีการพูดคุยกันถึงกรณีที่พรรคภูมิใจไทยจะยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามมาตรา 151 โดยมีหลายทางเลือกในการใช้กลไกของสภาในการตรวจสอบรัฐบาล

ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าไม่เห็นต่างหรือคัดค้านเรื่องการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจแต่จังหวะการยื่น จะยื่นอย่างไรให้แม่นยำ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องประเมินสถานการณ์ทางการเมืองในระหว่างพรรคร่วมฝ่ายค้านด้วยกันเอง เช่น ในวันพรุ่งนี้จะมีความชัดเจนเรื่องตัวคดีนายกรัฐมนตรี ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณารับหรือไม่รับคำร้องของ สว. และสั่งหยุดปฎิบัติหน้าที่หรือไม่ ตนคิดว่าสถานการณ์ทางการเมืองตอนนี้ยังมีความไม่แน่นอน พรรคประชาชนยืนยันว่าสิ่งที่อยากเห็นคือการมีรัฐบาลชุดใหม่ ที่สามารถบริหารประเทศ แก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้ พร้อมย้ำว่าการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจทำได้แค่เพียงครั้งเดียวต่อสมัยประชุม ดังนั้น หากยื่นตั้งแต่ตอนนี้ ต้องรอถึงเดือน ก.ค.ปีหน้า


ส่วนหากยื่นช้าไปจะเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองก่อนหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เรื่องนี้สามารถคิดได้ในมุมกลับ หากยื่นญัตติไป แล้วเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองต่อตัวนายกรัฐมนตรี เราก็ไม่สามารถบอกได้ 100%ในการตีความว่าจะเป็นการเสียของหรือไม่ ดังนั้นในสถานการณ์ตอนนี้ควรจะประเมินและดูเวลาอีกระยะหนึ่ง ต้องรอความชัดเจนจากศาลรัฐธรรมนูญและเรื่องอื่นๆ เมื่อถึงเวลาค่อยยื่นอย่างแม่นยำ ตนเชื่อว่าไม่ทำให้เสียเวลาแต่อย่างใด

เมื่อถามว่าประเมินร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 อย่างไร หากไม่ผ่าน นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า งบประมาณก็เป็นกฎหมายสำคัญ แต่เชื่อว่าร่างกฎหมายทุกฉบับที่รัฐบาลจะผลักดันหลังจากนี้ มีโอกาสสูงที่จะเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองได้ตลอดเวลา ตราบใดที่รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ เพราะบรรดาพรรคร่วมรัฐบาลสามารถส่งข้อเรียกร้องต่างๆนานาได้ทุกครั้ง เนื่องจากเสียงของรัฐบาลเกินจากฝ่ายค้านแค่ 10 เสียงเท่านั้น

เมื่อถามว่ามองความเคลื่อนไหวของผู้ชุมนุมที่ออกมาอย่างไร เพราะมีการประเมินว่าสุดท้ายจะนำไปสู่การรัฐประหาร นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า สิ่งที่ตนยืนยันคือผู้ชุมนุมออกมาเรียกร้องด้วยความบริสุทธิ์ใจ ว่าอยากให้มีการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี แต่ก็มีหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นนายกลาออกเอง , ถูกกระบวนการนิติสงครามถอดถอน , นายกรัฐมนตรีตัดสินใจยุบสภา เพื่อเลือกตั้งใหม่ รวมถึงช่องทางที่ไม่เป็นไปตามกระบวนการประชาธิปไตยเช่นการรัฐประหาร จึงมีความเป็นห่วงว่าอาจจะมีความต้องการของบางกลุ่มบางก้อน ที่ฉกฉวยโอกาสไปเรียกร้องกระบวนการนอกรัฐธรรมนูญ หรือกระบวนการที่ไม่เป็นไปตามประชาธิปไตย แม้ว่าข้อเรียกร้องอย่างเป็นทางการจะเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก หรือให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวก็ตาม แต่ก็เห็นว่าแกนนำผู้ชุมนุมหลายคนหน้าตาเป็นกลุ่มเดิมๆ ที่เคยเรียกร้องต่อต้านและนำไปสู่การรัฐประหารในอดีต รวมถึงการขึ้นเวทีชุมนุม แม้ไม่ได้พูดอย่างชัดเจนว่าไม่ให้มีการรัฐประหาร แต่ก็ไม่ได้พูดอย่างชัดเจนเพียงพอว่าไม่ได้เห็นด้วยกับการปฏิวัติรัฐประหาร ยังเปิดช่องอยู่ว่าถ้าปฏิวัติมาก็ไม่อยากเห็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากทหารเท่านั้น ดังนั้น สิ่งต่างๆเหล่านี้ยังทำให้เป็นข้อกังวล ว่าการชุมนุมครั้งนี้ ประสงค์มีวัตถุประสงค์แอบแฝงโดยแกนนำอย่างหนึ่งอย่างใดหรือไม่ จึงขอสื่อสารกับทุกคนว่าการเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก เป็นสิ่งที่ทำได้แต่ต้องระวังไม่ให้ถูกเป็นเครื่องมือให้ใช้อำนาจนอกรัฐธรรมนูญ


เมื่อถามย้ำว่าการออกมาเคลื่อนไหวดังกล่าวจะเป็นการเข้าทางกัมพูชาหรือไม่ ที่พยายามปลุกปั่นให้เปลี่ยนรัฐบาล นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า สาเหตุหลักที่ทำให้ถึงจุดนี้ ในเรื่องของความไร้เสถียรภาพหรือความไม่แน่นอนระหว่างไทยกัมพูชาคือการขาดความชัดเจน และขาดประสิทธิภาพในการสื่อสารของรัฐบาล จะเห็นว่าหลายครั้งที่มีการเจรจากัน ทางกัมพูชาจะออกมาสื่อสารก่อนรัฐบาลไทย เพราะฉะนั้น อยู่ที่การวางตัวของนายกรัฐมนตรี ตนย้ำหลายครั้งว่าการเจรจาไม่ว่าจะหน้าบ้านหรือหลังบ้าน การพูดมีหลายช่องทาง หลายวิธี หากนายกรัฐมนตรีวางตัวและบทบาทของตัวเองว่าเป็นผู้นำของรัฐต่อรัฐ บทสนทนาก็จะไม่ออกมาเช่นนี้ แต่พอใช้ความสัมพันธ์แบบครอบครัวต่อครอบครัว บทสนทนาก็เปลี่ยนไปอีกรูปแบบหนึ่ง ที่ทำให้สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา มาหาประโยชน์จากไทยได้

นายณัฐพงษ์ ยังกล่าวถึงผลนิด้าโพล ที่มีประชาชนนิยมให้เป็นนายกรัฐมนตรีมากที่สุด ว่า ตนรู้สึกดีใจและขอบคุณประชาชนทุกคนที่มอบความไว้วางใจให้กับตนและพรรคประชาชน ขณะเดียวกันก็ไม่ประมาทและเป็นห่วงต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ต้องพูดตามข้อเท็จจริงเสนอว่าคะแนนนิยมของนายกรัฐมนตรีที่ตกลง คือการขาดความเชื่อมั่นของนายกรัฐมนตรี ย่อมส่งผลอีกด้านหนึ่ง ที่ทำให้คะแนนไม่ได้เทมาที่ตนและพรรคประชาชน แต่ยังส่งผลถึงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนอื่นด้วย เพราะส่วนหนึ่งคือการขาดความเชื่อมั่นในตัวรัฐบาล ดังนั้น ผลโพลที่ขึ้นมาแม้จะรู้สึกดีใจและขอบคุณ แต่ก็ยังไม่ประมาท และยังเป็นห่วงต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่

เมื่อถามว่าผลโพลสะท้อนถึงคะแนนเสียงของพรรคประชาชนในการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ผลโพลมีขึ้นมีลงตลอด ก่อนที่ถึงสนามการเลือกตั้งก็คิดว่าการสื่อสารและการปฎิบัติตัวโดยยืนอยู่บนหลักการ ที่นำเสนอทางออกให้กับสังคม เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน จะนำมาสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งของพรรคประชาชน จากวันนี้จนถึงวันเลือกตั้ง ผลโพลของใครก็ตามที่ได้ปรับคะแนนนิยมขึ้นมา แต่ละทิ้งหลักการและเลือกที่จะสื่อสารชี้นำสังคมไปทางใดทางหนึ่ง ที่เอาผลประโยชน์ของตัวเองในระยะสั้นเป็นหลักตนเชื่อว่าประชาชนมองออก และไม่ได้หมายความว่าผลโพลนี้จะนำไปสู่การชนะการเลือกตั้งในอนาคต

เมื่อถามว่าผลพวงที่ออกมามีชื่อของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี อันดับสาม มีนัยยะสำคัญอะไรหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่าการสำรวจโพลที่ผ่านมาไม่มีชื่อพล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในรายชื่อ ดังนั้น หากดูอย่างผิวเผินตัวเลขที่ขึ้นมา 12% เป็นเพราะพล.อ.ประยุทธ์เพิ่งมาอยู่ในรายชื่อครั้งแรก ขณะเดียวกันมองอีกมุมหนึ่งเป็นเพราะสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ความนิยมของ นายกรัฐมนตรีลดลง จึงสะท้อนไปสู่ความไม่เชื่อมั่นของประชาชนกลุ่มหนึ่ง ที่อยากมีนายกรัฐมนตรีที่เข้มแข็งมาจากทหาร เราต้องพยายามสื่อสารว่า เราไม่อยากเห็นนายกรัฐมนตรีที่เป็นผู้นำปฏิวัติรัฐประหารเอง รวมถึงการใช้การเมืองนอกระบบ ดังนั้นในสถานการณ์ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ อยากให้ทุกฝ่ายยึดมั่นในหลักการ ปฏิเสธปฏิวัติรัฐประหารให้หนักแน่นที่สุด ไม่ควรมีการเปิดช่องในการที่จะเรียกร้องนำไปสู่การปฏิวัติรัฐประหารหรือกระบวนการนอกรัฐธรรมนูญได้

สำหรับโอกาสที่จะสภาจะใช้นายกรัฐมนตรีคนนอก หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองนั้น นายณัฐพงษ์ ตอบคำถามนี้ว่า เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่เราไม่อยากเห็น เพราะถือเป็นความเลวร้ายนอกเหนือจากการรัฐประหาร สถานการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนี้ ตนก็มองว่ามีความเป็นไปได้ที่จะถึงจุดนั้น ฉะนั้นพรรคประชาชน จึงพยายามประเมินสถานการณ์ ตัดสินใจอย่างมีวุฒิภาวะละเอียดรอบคอบ รวมถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 ที่พรรคก็ยืนยันว่าจะทำอย่างเต็มที่ แต่ต้องขอประเมินสถานการณ์ที่ถูกต้อง เป็นทางออกให้สังคม ซึ่งจะมีการประชุมร่วมของพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งคาดว่าภายในสัปดาห์นี้จะได้คำตอบ

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังถามถึงการเสนอรายชื่อ เพื่อเข้ารับการเลือกเป็นรองประธานสภาคนที่สอง หรือไม่นั้น นายณัฐพงษ์ ระบุว่า พรรคประชาชนเสนอไม่ได้ เพราะขัดกับกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ว่าผู้นำฝ่ายค้านไม่สามารถมาจากพรรคการเมืองที่ดำรงตำแหน่งประธานหรือรองประธานสภาฯ ได้ ส่วนพรรคอื่นจะเสนอหรือไม่ก็เป็นสิทธิของพรรคอื่น หากว่าพรรคภูมิใจไทยจะเสนอ พรรคปราชนจะสนับสนุนหรือไม่นั้น นายณัฐพงษ์ ระบุว่า ต้องมีการประชุมในสัปดาห์นี้ก่อน แต่ยังมีความกังวลใจว่า ถ้าพรรคภูมิใจไทยเสนอชื่อและได้รับเลือกนั้น ทางนิตินัยจะถือว่าเป็นพรรคฝั่งรัฐบาล แม้ว่าทางพฤตินัยจะอยู่ในฝ่ายค้าน ซึ่งจะส่งผลถึงการนับเสียงในการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญด้วย จึงต้องพูดคุยอย่างรอบคอบ.-312 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จับรถขนส่งยาบ้า 10 ล้านเม็ด คนขับงง! ใบรายการระบุสินค้าลำโพงขนาดใหญ่

30 มิ.ย. – จับรถบรรทุก 6 ล้อ ขนยาบ้า 10 ล้านเม็ด ซุกซ่อนในลำโพง คนขับเผยเป็นพนักงานขับรถบริษัทขนส่ง บริษัทส่งรายการให้ไปรับสินค้าที่ อ.เวียงสา จ.น่าน นำไปส่งที่ จ.ลพบุรี ใบรายการระบุสินค้าลำโพงขนาดใหญ่ ด้าน รอง ผบช.ภาค 5 สั่งขยายผลตามหาผู้เกี่ยวข้อง รวมถึงตรวจสอบผู้ว่าจ้าง ที่ด่านตรวจเอกซเรย์ยาเสพติด ม.4 ต.ห้วยไร่ อ.เด่นชัย จ.แพร่ พ.ต.ท.ทัตเทพ โชติเดโชชัย พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการประจำด่านตรวจ ตรวจค้นรถบรรทุก 6 ล้อ ทะเบียนมหาสารคาม ขับเข้าด่านตรวจ โดยมีนายคำวัง ชาวมหาสารคาม เป็นคนขับ หลังตรวจเอกซเรย์แล้วพบสิ่งของต้องสงสัย เจ้าหน้าที่จึงค้นพบเป็นลำโพงขนาดใหญ่ มีผ้าใบคลุมมิดชิด ปรากฏว่าภายในลำโพงซุกซ่อนกระสอบบรรจุยาบ้าเม็ดสีส้ม มีสัญลักษณ์ wy จำนวน 1,000 ห่อ แต่ละห่อมียาบ้า 10,000 เม็ด รวมยาบ้ามากถึง 10,000,000 เม็ด คนขับรถให้การว่า […]

เพลิงไหม้หอพักพยาบาล รพ.ศิริราช

กทม. 29 มิ.ย. – เพลิงไหม้ภายในหอพักพยาบาล รพ.ศิริราช เจ้าหน้าที่คุมเพลิงได้แล้ว ช่วยผู้ติดค้างออกมาได้อย่างปลอดภัย วันที่ 29 มิถุนายน 2568 เวลา 12.30 น. รับแจ้งจากศูนย์วิทยุร่วมไทร เหตุเพลิงไหม้ภายในหอพักพยาบาล (แปดไร่) โรงพยาบาลศิริราช ถนนรถไฟ แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและกู้ภัยบางขุนนนท์ สปภ.กทม. ถึงที่เกิดเหตุ พบกลุ่มควันจำนวนมากบริเวณชั้นใต้ดิน จึงทำการตรวจสอบและอพยพผู้ที่ติดค้างด้านบนลงมา เวลา 12.55 น. พบจุดต้นเพลิงบริเวณชั้นใต้ดิน เจ้าหน้าที่ดำเนินการใช้น้ำทำการดับ มีผู้ติดค้างภายในลิฟต์ชั้นที่ 12 เจ้าหน้าที่และช่างลิฟต์ประจำอาคาร ได้ทำการช่วยเหลือออกมาได้อย่างปลอดภัย เวลา 13.04 น. เพลิงสงบ .-สำนักข่าวไทย

น้องสาว ผกก.โจ้ วอนตำรวจช่วยไขปริศนาการตายของพี่ชาย

กทม. 29 มิ.ย.-น้องสาวอดีตผู้กำกับโจ้ วอนตำรวจช่วยไขปริศนาการเสียชีวิตของพี่ชาย และเร่งทำคดี เพื่อให้ครอบครัวได้รับความเป็นธรรม หลังผ่านมา 4 เดือน คดียังไม่คืบ ส่วนบรรยากาศงานฌาปนกิจวันนี้ เป็นไปด้วยความโศกเศร้า เวลา 15.30 น. พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธีฌาปนกิจศพ นายธิติสรรค์ อุทธนผล หรือผู้กำกับโจ้ ที่วัดพระศรีมหาธาตุวรลักษณ์มหาวิหาร หลังเก็บศพมานานกว่า 4 เดือน บรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างโศกเศร้าของบุคคลในครอบครัว ขณะที่เพื่อนร่วมรุ่น ตลอดจนอดีตผู้บังคับบัญชาอย่างพลตำรวจโทสมหมาย กองวิสัยสุข อดีตผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดหรือ ป.ส. และผู้ใต้บังคับบัญชาเก่าที่สนิทสนม ได้เดินทางมาร่วมในพิธีฌาปนกิจวันนี้ด้วย ขณะที่ นางสาวศรัญญา อุทธนผล อายุ 34 ปี น้องสาวของผู้กำกับโจ้ เปิดเผยถึงความคืบหน้าในคดีดังกล่าวว่า หลังจากตนพร้อมแฟนสาวของผู้กำกับโจ้ เดินทางยื่นคำร้องขอให้ DSI รับคดีการเสียชีวิตของพี่ชายเป็นคดีพิเศษ เนื่องจากติดใจสาเหตุการการตายของพี่ชาย จนถึงขณะนี้นาน 4 เดือนแล้ว คดียังไม่คืบหน้า ซึ่งล่าสุดวันนี้ พ.ต.อ.ทวี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม […]

พระกระหน่ำยิงพระร่วมวัดมรณภาพคาห้องน้ำ

ภูเก็ต 29 มิ.ย. – พระกระหน่ำยิงพระร่วมวัดดังภูเก็ตมรณภาพคาห้องน้ำ อ้างถูกรังแกบ่อยครั้ง ฟางเส้นสุดท้าย เปิดมือถือเสียงดังรบกวนในห้องน้ำ เกิดเหตุพระลูกวัดดังใน จ.ภูเก็ต ก่อเหตุกระหน่ำยิงพระในวัด มรณภาพคาห้องน้ำ เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา ชุดสืบสวน สภ.เมืองภูเก็ต ควบคุมตัวพระจารึก อายุ 47 ปี พระผู้ก่อเหตุกระหน่ำยิงพระนิวัฒน์ อายุ 36 ปี ได้ในที่เกิดเหตุ พร้อมอาวุธปืน ขนาด.38 จำนวน 1 กระบอก และเครื่องกระสุนขนาด .38 บรรจุอยู่ในลูกโม่ 6 นัด และยังมีกระสุนขนาดปืน.38 ซุกซ่อนอยู่ในกุฏิอีก 14 นัด จากนั้นคุมตัวพระจารึกไปสึก ก่อนนำตัวไปสอบสวนที่ สภ.เมืองภูเก็ต และดำเนินคดีตามกฎหมาย เบื้องต้น ผู้ก่อเหตุอ้างว่า พระที่มรณภาพชอบข่มเหงรังแกอยู่เป็นประจำ จนกระทั่งก่อนเกิดเหตุ พระผู้ตายได้เข้าห้องน้ำโดยไม่ได้ล็อกกลอนประตู และเปิดมือถือเสียงดังรบกวน จึงเดินถือปืนไปเปิดประตูห้องน้ำพร้อมกระหน่ำยิงพระผู้ตายจนมรณภาพคาห้องน้ำ ก่อนจะบรรจุกระสุนใหม่อีก 6 นัด แล้วนำปืนไปซ่อนในกุฏิของตนเอง จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมในเวลาต่อมา .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

นายกฯ รับควบ รมว.วัฒนธรรม กังวลปมศาล รธน.

ทำเนียบ 30 มิ.ย.-นายกฯ รับควบ รมว.วัฒนธรรม อยากผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ บอกกังวลปมศาล รธน. จะสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ชี้ไม่อยากให้งานสะดุด ลั่นพร้อมรับฟังโพลทุกสำนัก มองผลโพลดีเป็นกำลังใจ ส่วนผลลบต้องพัฒนาตัวเอง ย้ำม็อบชุมนุมมีสิทธิ์แสดงออก ขอเน้นเรื่องการทำงาน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวว่าในการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งนี้ นายกฯ จะควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมด้วยใช่หรือไม่ ว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการดำเนินการ และที่จะต้องดูกระทรวงวัฒนธรรมด้วยเนื่องจากต้องดูเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ ไม่ว่ากระทรวงวัฒนธรรมจะเป็นเกรดบี หรือเกรดซี แต่เป็นกระทรวงที่สำคัญ เพราะเป็นกระทรวงที่สามารถแนะนำวัฒนธรรมของไทยได้ และส่งออกซอฟต์พาวเวอร์ของไทยได้จริงๆ เมื่อถามว่าสาเหตุที่ควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นเพราะส่วนหนึ่งมาจากความกังวลต่อคำร้องที่ขอให้ศาลวินิจฉัยให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายกรัฐมนตรีนิ่งคิด ก่อนบอกว่า “ไม่เกี่ยวนะคะ” แต่เป็นเรื่องที่จะต้องเน้นซอฟต์พาวเวอร์ไปด้วย ทำให้ต้องควบวัฒนธรรมด้วย ส่วนต้องการเน้นอะไรในกระทรวงวัฒนธรรม นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะต้องไปดูในกระบวนการต่างๆ ว่ามีอะไรที่สามารถผลักดันเพิ่มเติมได้หรือไม่ เพราะวัฒนธรรมของไทยมีความเข้มข้นและน่าผลักดันอีกเยอะ ควบคู่ไปกับการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งไปด้วยกันได้ เมื่อถามถึง กระทรวงกลาโหม ที่มีรายงานว่า จะมีการเว้นว่างตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไว้ก่อน นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอให้รอดู ขณะนี้ทุกอย่างอยู่ในกระบวนการขอให้จบขั้นตอนทุกอย่าง ก็จะเห็นรายชื่อออกมา […]

ลุยตรวจวัดตรีทศเทพฯ หลังอดีตเจ้าอาวาสลาสึกปริศนา

30 มิ.ย. – ป.ป.ท.-ปปป.-ป.ป.ช. เข้าพบรักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพฯ เพื่อร่วมตรวจสอบทรัพย์สินของวัด หลัง “เจ้าคุณอาชว์” ลาสึกปริศนาที่ จ.หนองคาย เจ้าหน้าที่ตำรวจ ป.ป.ท. บก.ปปป. และ ป.ป.ช. เดินทางเข้าพบรักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพฯ เขตพระนคร กทม. เพื่อร่วมตรวจสอบทรัพย์สินต่าง ๆ ของทางวัด ภายหลังจากพระเทพวชิรปาโมกข์ (อาชว์ อาชฺชวปเสฏฺโฐ) หรือ “เจ้าคุณอาชว์” ได้ลาสิกขา (สึก) แล้ว ที่ จ.หนองคาย ซึ่งการลาสิกขาดังกล่าวยังเป็นปริศนาว่ามีที่มาเป็นอย่างไร โดยก่อนหน้ามีรายงานด้วยว่า เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. ป.ป.ท. และ ป.ป.ช. ติดต่อขอเข้ารับทราบข้อเท็จจริง ภายหลังมีการร้องเรียนเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องทุจริตเงินของวัดฯ แต่เจ้าคุณอาชว์ ปฏิเสธการเข้าพบ ก่อนที่จะหลบไปทำพิธีลาสิกขาดังกล่าว ทั้งนี้ มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าคณะภาค 1-2-3 (ธรรมยุต) มีคำสั่งเจ้าคณะภาค […]

นายกฯ เผยผลสอบตึก สตง.ถล่ม ออกแบบ-ก่อสร้างผิด กม.

ทำเนียบ 30 มิ.ย.- นายกฯ เผยผลสอบตึก สตง.ถล่ม ครบ 90 วัน เกิดจากการออกแบบและวิธีการก่อสร้าง ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะผนังช่องลิฟต์-บันไดไม่ได้มาตรฐาน เตรียมส่งข้อมูลให้ ดีเอสไอ-ตำรวจ ชี้คนผิด ยันเรื่องนี้ต้องไม่เงียบ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมติดตามผลการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีอาคารที่อยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) อันเนื่องมาจากแผ่นดินไหว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายพงษ์นรา เย็นยิ่ง อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง และผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม เข้าร่วมประชุมด้วย นายกรัฐมนตรี กล่าวก่อนเปิดประชุมว่า วันนี้ (30 มิ.ย.) ก็ครบ 90 วัน หรือ 3 เดือนพอดีหลังเกิดเหตุการณ์ จากนั้น นายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมว่า การแผ่นดินไหวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มีนาคม […]

ครอบครัวเหยื่อเก๋งแดง เศร้ารับศพไปบำเพ็ญกุศล

กรุงเทพฯ 30 มิ.ย. – ครอบครัวเศร้ารับศพสาวเหยื่อเก๋งแดง ซิ่งชน จยย.รับจ้าง แล้วหนี ส่วนคนขี่ จยย.รับจ้าง บาดเจ็บสาหัส อาการยังโคม่า ไม่รู้สึกตัว ภาพกล้องวงจรปิดบริเวณปากซอยเพชรเกษม 19 จะเห็นรถจักรยานยนต์ขี่มาในเลนซ้ายตามปกติ ก่อนรถเก๋งสีแดงคาดดำ ทะเบียนกรุงเทพมหานคร ที่ขับตามหลังมาในเลนเดียวกันจะพุ่งมาด้วยความเร็ว ชนรถจักรยานยนต์อย่างแรง จนร่างนายดุลยวัต อายุ 27 ปี คนขี่จักรยานยนต์ และนางสาวจิตติมา อายุ 30 ปี คนซ้อนท้าย ลอยไปไกลหลายเมตร อาการสาหัส ขณะที่นางสาวจิตติมาเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนรถเก๋งแดงกลับขับรถหลบหนีโดยไม่ลงมาดู ตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามหารถคันนี้พบว่าหลบหนีมาจอดทิ้งไว้ที่คอนโดฯ ย่านถนนเพชรเกษม ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุมากนัก พบแต่รถยนต์ แต่ไม่พบผู้ก่อเหตุ ซึ่งตำรวจไปพบจอดอยู่ในคอนโดฯ แห่งหนึ่งย่านเพชรเกษม คาดว่าน่าจะอยู่ในคอนโดฯ นี้ จึงเจรจากับนิติบุคคลคอนโดฯ นำรถมาที่สถานีตำรวจนครบาลภาษีเจริญ เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุ และตามเจ้าของรถมาดำเนินคดีตามกฎหมาย นางสาวไพริน อายุ 41 ปี แฟนของผู้บาดเจ็บ เล่าทั้งน้ำตาว่า สามีมีอาขีพขี่ จยย.รับจ้างและโบลท์ […]