“เท้ง” ขอรอความชัดเจน ปัดเห็นต่าง ภท. ยื่นซักฟอกนายกฯ

รัฐสภา 30 มิ.ย.- “เท้ง” ยันไม่ได้เห็นต่างหรือคัดค้าน “ภูมิใจไทย” แต่มองมุมกลับ ถ้ายื่นซักฟอกแล้วนายกฯ โดนศาล รธน.สอย จะเสียของหรือไม่ ขอรอความชัดเจน ติงม็อบ! ยึดมั่นในหลักการ ห้ามเอากระบวนการนอกระบบ เปิดช่อง “รัฐประหาร” บอกถ้า “แพทองธาร” ใช้สัมพันธ์รัฐต่อรัฐคุยเขมร สถานการณ์คงไม่เป็นแบบนี้


นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมในการเปิดสมัยประชุมสภาของฝ่ายค้าน ว่า วันพุธนี้ (3มิ.ย.68) จะมีการประชุมวิปฝ่ายค้านนัดแรกหลังจากเปิดสมัยประชุมสภา จากนั้นจะประชุมหัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้านในวันพฤหัสบดี (4 มิ.ย.68) ซึ่งจะต้องมีการพูดคุยกันถึงกรณีที่พรรคภูมิใจไทยจะยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามมาตรา 151 โดยมีหลายทางเลือกในการใช้กลไกของสภาในการตรวจสอบรัฐบาล

ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าไม่เห็นต่างหรือคัดค้านเรื่องการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจแต่จังหวะการยื่น จะยื่นอย่างไรให้แม่นยำ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องประเมินสถานการณ์ทางการเมืองในระหว่างพรรคร่วมฝ่ายค้านด้วยกันเอง เช่น ในวันพรุ่งนี้จะมีความชัดเจนเรื่องตัวคดีนายกรัฐมนตรี ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณารับหรือไม่รับคำร้องของ สว. และสั่งหยุดปฎิบัติหน้าที่หรือไม่ ตนคิดว่าสถานการณ์ทางการเมืองตอนนี้ยังมีความไม่แน่นอน พรรคประชาชนยืนยันว่าสิ่งที่อยากเห็นคือการมีรัฐบาลชุดใหม่ ที่สามารถบริหารประเทศ แก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้ พร้อมย้ำว่าการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจทำได้แค่เพียงครั้งเดียวต่อสมัยประชุม ดังนั้น หากยื่นตั้งแต่ตอนนี้ ต้องรอถึงเดือน ก.ค.ปีหน้า


ส่วนหากยื่นช้าไปจะเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองก่อนหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เรื่องนี้สามารถคิดได้ในมุมกลับ หากยื่นญัตติไป แล้วเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองต่อตัวนายกรัฐมนตรี เราก็ไม่สามารถบอกได้ 100%ในการตีความว่าจะเป็นการเสียของหรือไม่ ดังนั้นในสถานการณ์ตอนนี้ควรจะประเมินและดูเวลาอีกระยะหนึ่ง ต้องรอความชัดเจนจากศาลรัฐธรรมนูญและเรื่องอื่นๆ เมื่อถึงเวลาค่อยยื่นอย่างแม่นยำ ตนเชื่อว่าไม่ทำให้เสียเวลาแต่อย่างใด

เมื่อถามว่าประเมินร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 อย่างไร หากไม่ผ่าน นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า งบประมาณก็เป็นกฎหมายสำคัญ แต่เชื่อว่าร่างกฎหมายทุกฉบับที่รัฐบาลจะผลักดันหลังจากนี้ มีโอกาสสูงที่จะเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองได้ตลอดเวลา ตราบใดที่รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ เพราะบรรดาพรรคร่วมรัฐบาลสามารถส่งข้อเรียกร้องต่างๆนานาได้ทุกครั้ง เนื่องจากเสียงของรัฐบาลเกินจากฝ่ายค้านแค่ 10 เสียงเท่านั้น

เมื่อถามว่ามองความเคลื่อนไหวของผู้ชุมนุมที่ออกมาอย่างไร เพราะมีการประเมินว่าสุดท้ายจะนำไปสู่การรัฐประหาร นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า สิ่งที่ตนยืนยันคือผู้ชุมนุมออกมาเรียกร้องด้วยความบริสุทธิ์ใจ ว่าอยากให้มีการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี แต่ก็มีหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นนายกลาออกเอง , ถูกกระบวนการนิติสงครามถอดถอน , นายกรัฐมนตรีตัดสินใจยุบสภา เพื่อเลือกตั้งใหม่ รวมถึงช่องทางที่ไม่เป็นไปตามกระบวนการประชาธิปไตยเช่นการรัฐประหาร จึงมีความเป็นห่วงว่าอาจจะมีความต้องการของบางกลุ่มบางก้อน ที่ฉกฉวยโอกาสไปเรียกร้องกระบวนการนอกรัฐธรรมนูญ หรือกระบวนการที่ไม่เป็นไปตามประชาธิปไตย แม้ว่าข้อเรียกร้องอย่างเป็นทางการจะเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก หรือให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวก็ตาม แต่ก็เห็นว่าแกนนำผู้ชุมนุมหลายคนหน้าตาเป็นกลุ่มเดิมๆ ที่เคยเรียกร้องต่อต้านและนำไปสู่การรัฐประหารในอดีต รวมถึงการขึ้นเวทีชุมนุม แม้ไม่ได้พูดอย่างชัดเจนว่าไม่ให้มีการรัฐประหาร แต่ก็ไม่ได้พูดอย่างชัดเจนเพียงพอว่าไม่ได้เห็นด้วยกับการปฏิวัติรัฐประหาร ยังเปิดช่องอยู่ว่าถ้าปฏิวัติมาก็ไม่อยากเห็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากทหารเท่านั้น ดังนั้น สิ่งต่างๆเหล่านี้ยังทำให้เป็นข้อกังวล ว่าการชุมนุมครั้งนี้ ประสงค์มีวัตถุประสงค์แอบแฝงโดยแกนนำอย่างหนึ่งอย่างใดหรือไม่ จึงขอสื่อสารกับทุกคนว่าการเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก เป็นสิ่งที่ทำได้แต่ต้องระวังไม่ให้ถูกเป็นเครื่องมือให้ใช้อำนาจนอกรัฐธรรมนูญ


เมื่อถามย้ำว่าการออกมาเคลื่อนไหวดังกล่าวจะเป็นการเข้าทางกัมพูชาหรือไม่ ที่พยายามปลุกปั่นให้เปลี่ยนรัฐบาล นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า สาเหตุหลักที่ทำให้ถึงจุดนี้ ในเรื่องของความไร้เสถียรภาพหรือความไม่แน่นอนระหว่างไทยกัมพูชาคือการขาดความชัดเจน และขาดประสิทธิภาพในการสื่อสารของรัฐบาล จะเห็นว่าหลายครั้งที่มีการเจรจากัน ทางกัมพูชาจะออกมาสื่อสารก่อนรัฐบาลไทย เพราะฉะนั้น อยู่ที่การวางตัวของนายกรัฐมนตรี ตนย้ำหลายครั้งว่าการเจรจาไม่ว่าจะหน้าบ้านหรือหลังบ้าน การพูดมีหลายช่องทาง หลายวิธี หากนายกรัฐมนตรีวางตัวและบทบาทของตัวเองว่าเป็นผู้นำของรัฐต่อรัฐ บทสนทนาก็จะไม่ออกมาเช่นนี้ แต่พอใช้ความสัมพันธ์แบบครอบครัวต่อครอบครัว บทสนทนาก็เปลี่ยนไปอีกรูปแบบหนึ่ง ที่ทำให้สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา มาหาประโยชน์จากไทยได้

นายณัฐพงษ์ ยังกล่าวถึงผลนิด้าโพล ที่มีประชาชนนิยมให้เป็นนายกรัฐมนตรีมากที่สุด ว่า ตนรู้สึกดีใจและขอบคุณประชาชนทุกคนที่มอบความไว้วางใจให้กับตนและพรรคประชาชน ขณะเดียวกันก็ไม่ประมาทและเป็นห่วงต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ต้องพูดตามข้อเท็จจริงเสนอว่าคะแนนนิยมของนายกรัฐมนตรีที่ตกลง คือการขาดความเชื่อมั่นของนายกรัฐมนตรี ย่อมส่งผลอีกด้านหนึ่ง ที่ทำให้คะแนนไม่ได้เทมาที่ตนและพรรคประชาชน แต่ยังส่งผลถึงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนอื่นด้วย เพราะส่วนหนึ่งคือการขาดความเชื่อมั่นในตัวรัฐบาล ดังนั้น ผลโพลที่ขึ้นมาแม้จะรู้สึกดีใจและขอบคุณ แต่ก็ยังไม่ประมาท และยังเป็นห่วงต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่

เมื่อถามว่าผลโพลสะท้อนถึงคะแนนเสียงของพรรคประชาชนในการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ผลโพลมีขึ้นมีลงตลอด ก่อนที่ถึงสนามการเลือกตั้งก็คิดว่าการสื่อสารและการปฎิบัติตัวโดยยืนอยู่บนหลักการ ที่นำเสนอทางออกให้กับสังคม เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน จะนำมาสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งของพรรคประชาชน จากวันนี้จนถึงวันเลือกตั้ง ผลโพลของใครก็ตามที่ได้ปรับคะแนนนิยมขึ้นมา แต่ละทิ้งหลักการและเลือกที่จะสื่อสารชี้นำสังคมไปทางใดทางหนึ่ง ที่เอาผลประโยชน์ของตัวเองในระยะสั้นเป็นหลักตนเชื่อว่าประชาชนมองออก และไม่ได้หมายความว่าผลโพลนี้จะนำไปสู่การชนะการเลือกตั้งในอนาคต

เมื่อถามว่าผลพวงที่ออกมามีชื่อของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี อันดับสาม มีนัยยะสำคัญอะไรหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่าการสำรวจโพลที่ผ่านมาไม่มีชื่อพล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในรายชื่อ ดังนั้น หากดูอย่างผิวเผินตัวเลขที่ขึ้นมา 12% เป็นเพราะพล.อ.ประยุทธ์เพิ่งมาอยู่ในรายชื่อครั้งแรก ขณะเดียวกันมองอีกมุมหนึ่งเป็นเพราะสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ความนิยมของ นายกรัฐมนตรีลดลง จึงสะท้อนไปสู่ความไม่เชื่อมั่นของประชาชนกลุ่มหนึ่ง ที่อยากมีนายกรัฐมนตรีที่เข้มแข็งมาจากทหาร เราต้องพยายามสื่อสารว่า เราไม่อยากเห็นนายกรัฐมนตรีที่เป็นผู้นำปฏิวัติรัฐประหารเอง รวมถึงการใช้การเมืองนอกระบบ ดังนั้นในสถานการณ์ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ อยากให้ทุกฝ่ายยึดมั่นในหลักการ ปฏิเสธปฏิวัติรัฐประหารให้หนักแน่นที่สุด ไม่ควรมีการเปิดช่องในการที่จะเรียกร้องนำไปสู่การปฏิวัติรัฐประหารหรือกระบวนการนอกรัฐธรรมนูญได้

สำหรับโอกาสที่จะสภาจะใช้นายกรัฐมนตรีคนนอก หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองนั้น นายณัฐพงษ์ ตอบคำถามนี้ว่า เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่เราไม่อยากเห็น เพราะถือเป็นความเลวร้ายนอกเหนือจากการรัฐประหาร สถานการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนี้ ตนก็มองว่ามีความเป็นไปได้ที่จะถึงจุดนั้น ฉะนั้นพรรคประชาชน จึงพยายามประเมินสถานการณ์ ตัดสินใจอย่างมีวุฒิภาวะละเอียดรอบคอบ รวมถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 ที่พรรคก็ยืนยันว่าจะทำอย่างเต็มที่ แต่ต้องขอประเมินสถานการณ์ที่ถูกต้อง เป็นทางออกให้สังคม ซึ่งจะมีการประชุมร่วมของพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งคาดว่าภายในสัปดาห์นี้จะได้คำตอบ

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังถามถึงการเสนอรายชื่อ เพื่อเข้ารับการเลือกเป็นรองประธานสภาคนที่สอง หรือไม่นั้น นายณัฐพงษ์ ระบุว่า พรรคประชาชนเสนอไม่ได้ เพราะขัดกับกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ว่าผู้นำฝ่ายค้านไม่สามารถมาจากพรรคการเมืองที่ดำรงตำแหน่งประธานหรือรองประธานสภาฯ ได้ ส่วนพรรคอื่นจะเสนอหรือไม่ก็เป็นสิทธิของพรรคอื่น หากว่าพรรคภูมิใจไทยจะเสนอ พรรคปราชนจะสนับสนุนหรือไม่นั้น นายณัฐพงษ์ ระบุว่า ต้องมีการประชุมในสัปดาห์นี้ก่อน แต่ยังมีความกังวลใจว่า ถ้าพรรคภูมิใจไทยเสนอชื่อและได้รับเลือกนั้น ทางนิตินัยจะถือว่าเป็นพรรคฝั่งรัฐบาล แม้ว่าทางพฤตินัยจะอยู่ในฝ่ายค้าน ซึ่งจะส่งผลถึงการนับเสียงในการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญด้วย จึงต้องพูดคุยอย่างรอบคอบ.-312 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

กต.ประณามกัมพูชาใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง

ก.ต่างประเทศ 20 ก.ค. – กต.ประณามกัมพูชาอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซัดขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง ละเมิดอธิปไตยไทย จี้ให้ความร่วมมือเก็บกู้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ อ่านแถลงการณ์เรื่องการประท้วงการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชา ซึ่งเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ บริเวณช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดศรีสะเกษ จนเป็นเหตุให้กำลังพลของไทยได้รับบาดเจ็บ ว่า ตามที่เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 รวม 3 นาย ซึ่งทำการลาดตระเวนตามปกติ ในดินแดนของไทย บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลนั้น รัฐบาลไทยได้รับรายงานจากหน่วยงานความมั่นคงว่า ภายหลังการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปรากฏหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า ทุ่นระเบิดที่พบ ไม่มีการใช้ หรือมีอยู่ในคลังอาวุธของไทย และเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ เมื่อประกอบกับการประมวลข้อมูล และหลักฐานสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ที่หน่วยงานความมั่นคงตรวจพบ นำไปสู่การสรุปได้ว่า เป็นการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง รัฐบาลไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งเป็นเรื่องการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักการพื้นฐานที่สำคัญของกฎหมายระหว่างประเทศ ที่ระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ อีกทั้งยังเป็นการกระทำที่ละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างชัดเจน ไทยในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญาฯ จะดำเนินการตามกระบวนการภายใต้อนุสัญญาฯ โดยจะยังคงหาทางแก้ปัญหากับกัมพูชาผ่านกลไกทวิภาคีต่าง […]

มทภ.2 ยินดีเขมรขนคนเที่ยวโบราณสถานไทย เตือนเคารพกฎ

20 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 ฮึ่มป่วน “ปราสาทตาเมือนธม-ปราสาทตาควาย” เจอมาตรการเบาไปหนัก ยินดีเขมรขนคนมาชมสองโบราณสถานของไทย ส่วนโซเชียลรณรงค์คนไทยเจ้าบ้านใส่เสื้อไทยร่วมต้อนรับ เมื่อวันที่ 20 ก.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีกัมพูชาขนประชาชนกัมพูชาหลายรถบัสขึ้นมาเที่ยวปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ว่า รู้สึกยินดีและขอต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาและประเทศอื่น ๆ ที่มาท่องเที่ยว เยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่กองทัพภาคที่ 2 กำหนดไว้ โดยได้จัดเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกและดูแลนักท่องเที่ยวให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ไม่ก่อความวุ่นวาย เพื่อให้นักท่องเที่ยวทุกคนเข้าเยี่ยมชมได้ตามปกติ ทั้งนี้ ปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย เป็นโบราณสถานที่มีความสำคัญของไทยและมีประวัติศาสตร์มายาวนาน “หากนักท่องเที่ยวคนใดก่อเหตุวุ่นวาย เจ้าหน้าที่มีมาตรการจากเบาไปหาหนักดำเนินการ ดังนั้นขออย่าให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะนักท่องเที่ยวทุกคนเข้ามาเยี่ยมชมโบราณสถานของไทย ต้องเคารพกฎระเบียบของไทย” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โซเชียลมีเดียมีการเผยแพร่ภาพคนไทย พร้อมข้อความภาษาไทยและภาษากัมพูชา ระบุว่า “รวมใจคนไทย ใส่เสื้อไทย ต้อนรับนักท่องเที่ยวกัมพูชา ด้วยรอยยิ้มและมิตรภาพจากเจ้าของบ้านตัวจริง” -สำนักข่าวไทย

ทบ.ส่งทหารช่างเก็บกู้ทุ่นระเบิดชายแดนไทย-กัมพูชา

20 ก.ค.- ทหารช่างปฏิบัติภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดพื้นที่ช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะที่กองทัพบกเตรียมมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม จากกรณีทหารไทยประสบเหตุเหยียบกับระเบิด บาดเจ็บ 3 นาย ขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ล่าสุดเช้านี้ (20 ก.ค. 68) กองทัพภาคที่ 2 เสริมกำลังทหารช่างลงพื้นที่ทันที เพื่อตรวจพื้นที่และเก็บกู้ทุ่นระเบิดตลอดแนวชายแดน โดยใช้ยุทโธปกรณ์หนัก รถแทรกเตอร์หุ้มเกราะ ชุดตรวจค้นทุ่นระเบิดชำนาญการ กำลังชุดทหารช่างตรวจค้นกวาดล้างทุ่นระเบิด (Mine Clearing) เขตทางพื้นที่สงสัยให้ปลอดภัย พร้อมใช้รถโกยตัก ถางขุดตอ และรถถากถางติดตั้งเกราะเหล็กป้องกันพลขับในการทำงานในพื้นที่เสี่ยงภัย ปฏิบัติการดังกล่าว นอกจากดูแลความปลอดภัยของกำลังพลที่จะออกลาดตระเวนในพื้นที่เขตแดนไทยแล้ว ยังเป็นการเก็บหลักฐานเพื่อแสดงให้เห็นว่ากัมพูชามีพฤติการณ์ที่ขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล แม้ทางฝ่ายกัมพูชาจะไม่ยอมรับ แต่กระทรวงการต่างประเทศ จะทำหนังสือเพื่อประท้วงอย่างเป็นทางการผ่านสหประชาชาติ (UN) และทางกองทัพบก จะมีมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม.-สำนักข่าวไทย

พฐ.เตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา

20 ก.ค.- เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา จ.บุรีรัมย์ เบื้องต้นไม่มีผู้บาดเจ็บ คาดเสียหายหลายสิบล้านบาท เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานรับซื้อและแปรรูปยางพาราขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ริมถนนสาย 24 โชคชัย-เดชอุดม ตำบลโคกม้า อ.ประโคกชัย จ.บุรีรัมย์ โดยต้นเพลิงเป็นโกดังเก็บยางพาราอัดแท่ง จัดว่าเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้เพลิงลุกไหม้รวดเร็วและรุนแรง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตอนเกิดเหตุช่วงแรก พนักงานช่วยกันดับแต่เอาไม่อยู่ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าช่วยเหลือ ตำรวจ สภ.ประโคนชัย พร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ลงพื้นที่ตรวจสอบและประสานรถดับเพลิงกว่า 20 คัน เข้าฉีดสกัดนานกว่า 2 ชั่วโมง จึงคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ แต่ยังต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไว้ตลอดป้องกันไม่ให้ไฟปะทุลามไปจุดอื่นในโรงงาน พร้อมเคลื่อนย้ายถังแก๊ส ถังน้ำมัน จากอาคารใกล้เคียงไปไว้ยังจุดปลอดภัย เบื้องต้นไม่มีพนักงานได้รับบาดเจ็บ ด้านนายจำเริญ แหวนเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่าแม้จะควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว แต่รถดับเพลิงก็ยังต้องฉีดน้ำเพื่อหล่อความเย็นจนกว่าไฟจะดับสนิท ส่วนสาเหตุเพลิงไหม้ยังไม่ทราบ ต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบ สำหรับมูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการประเมิน คาดหลายสิบล้านบาท ทั้งนี้ โรงงานดังกล่าวเคยเกิดเหตุไฟไหม้มาแล้ว เมื่อปี 63 -สำนักข่าวไทย