รมช.สธ.ยันไทยพร้อมรับมือการแพร่ระบาดไวรัสโคโรน่า

รัฐสภา 3 ก.พ.- “สาธิต ปิตุเตชะ” ยืนยันต่อที่ประชุมวุฒิสภาพร้อมรับมือกับการแพร่ระบาดไวรัสโคโรน่าเต็มที่ 


ในการประชุมวุฒิสภาวันนี้ (3 ก.พ.) มีนายศุภชัย สมเจริญ รองประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณากระทู้ถามเรื่องมาตรการการเตรียมความพร้อมรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ของน.พ.เจตน์ ศิรธรานนท์ ส.ว.ที่สอบถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์มาตรการรองรับเพียงพอหรือไม่หากสถานการณ์ลุกลาม รวมถึงจะตั้งงบประมาณรองรับต่างหากเพื่อรับมือสถานการณ์อย่างไร มีการเตรียมโรงพยาบาลรองรับอย่างไร เพราะหวั่นว่าจะเป็นปัญหาในอนาคต พร้อมฝากรัฐบาล ช่วยเหลือดูแลนักท่องเที่ยวชาวจีน ให้ส่งผลต่อความรู้สึกที่ดี เพื่อให้กลับมาท่องเที่ยวประเทศไทยในอนาคต และจะมีแนวทางแก้ปัญหาการกักตุนหน้ากากอนามัยอย่างไรบ้าง

ด้านนายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข  ตอบกระทู้ถามแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันว่า รัฐบาลได้ดำเนินมาตรการต่างๆ อย่างเต็มที่ โดยดำเนิน 3 มาตรการหลักในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าว ทั้ง การคัดกรองผู้ที่เดินทางระหว่างประเทศ โดยเฉพาะผู้เดินทางจากพื้นที่เสี่ยงทั้ง 6 สนามบินหลัก  การคัดกรองผู้ป่วยเข้าสู่ระบบการรักษา และมาตรการสุดท้ายคือการให้ความรู้ประชาชนในการป้องกันโรค ส่วนที่กังวลเกี่ยวกับระยะฟักตัวกรณีแท็กซี่ที่รับผู้โดยสารจากสนามบินนั้น ยืนยันว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้สอบสวนประวัติย้อนหลังของพนักงานขับรถและทำการแยกตัวเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว รวมถึงหากเกิดกรณีฉุกเฉินมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้น รัฐบาลได้เตรียมพร้อมไว้แล้ว รงพยาบาลของรัฐที่มีอยู่ก็มีศักยภาพเพียงพอ 


รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า หากจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นโรงพยาบาลของรัฐไม่เพียงพอก็สามารถประสานขอความร่วมมือไปยังโรงพยาบาลเอกชนเพื่อร่วมกันดูแลผู้ป่วยได้    สำหรับมาตรการเบื้องต้นที่พึงปฏิบัติคือ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ และสวมหน้ากากอนามัย ขณะที่บุคลากรทางการแพทย์ของไทย มีประสบการณ์ต่อสู้กับโรคระบาด ซาร์ส เมอร์ส และไข้หวัดใหญ่ มาก่อน ซึ่งประสบการณ์จากโรคระบาดต่างๆ ทำให้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ อีกทั้ง ไทยยังได้รับความเชื่อถือจากผู้ที่มีความเชื่ยวชาญระดับโลกด้านโรคระบาด ที่เชื่อมั่นว่าไทยจะสามารถเอาไวรัสอู่ฮั่นอยู่ และดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันจะทำแผนของบกลางกรณีฉุกเฉิน เสนอเข้าคณะรัฐมนตรีเพื่ออนุมัติมาใช้ในการแก้ปัญหาไวรัสโคโรน่า และเป็นค่าตอบแทนหรือโอทีให้บุคลการทางารแพทย์

สำหรับกรณีการกักตุนหน้ากากอนามัยและข่าวปลอมนั้น นายสาธิต กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ได้เข้ามาดูแลเรื่องนี้ และจะใช้มาตรการควบคุมการกักตุนสินค้าดำเนินการเอาผิดกับผู้กักตุนสินค้า เช่นเดียวกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมที่เข้ามาดูแลปัญหาข่าวปลอมหรือเฟคนิวส์และสามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้โดยเร็ว.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รถทัวร์โดยสารชนท้ายเทรลเลอร์ เสียชีวิต-บาดเจ็บจำนวนมาก

รถทัวร์โดยสารชนท้ายรถบรรทุกเทรลเลอร์ บนถนนสาย 304 จังหวัดปราจีนบุรี ทำให้ไฟลุกไหม้รถทัวร์โดยสาร เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจำนวนมาก

ชาวบ้านยอมรับค่าเยียวยาหลังละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดิน

ชาวบ้านยอมรับการเยียวยา บ้านละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดินใน จ.ระยอง หลังถมที่สูงมิดหลังคาของเพื่อนบ้าน และรับปากจะเร่งแก้ไขให้ทันหน้าฝนที่จะถึงนี้ แต่ชาวบ้านยังหวั่นใจ หากแก้ไขไม่ทันก็ยังจะเดือดร้อน น้ำจะไหลลงมาบ้านที่อยู่ต่ำกว่า

“พีช” หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายแล้ว

“นายกเบี้ยว” พร้อมลูกชาย หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายก่อนแล้ว จึงฝากจดหมายขอโทษไว้ ด้าน “กัน จอมพลัง” ยอมถอย ให้สองฝ่ายพูดคุย แต่ต้องเป็นรูปธรรม

ข่าวแนะนำ

รวบทันควัน คนร้ายบุกเดี่ยวชิงเงินธนาคาร

จับแล้ว คนร้ายบุกเดี่ยวชิงทรัพย์ธนาคารกลางเมืองเชียงใหม่ ได้เงินสดกว่า 40,000 บาท ก่อนวิ่งหลบหนี ล่าสุดจนมุมตำรวจรวบตัวได้ที่ศาลาริมทางข้างถนน

โป๊ปฟรังซิส สิ้นพระชนม์แล้ว ขณะพระชนมายุ 88 พรรษา

สำนักวาติกัน แถลงผ่านทางโทรทัศน์ของสำนักวาติกันว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกันสิ้นพระชนม์แล้วในวันนี้

Pope inaugurated the Holy Year on Christmas Eve on December 24, 2024

เปิดพระประวัติโป๊ปฟรังซิส

วาติกัน 21 เม.ย.- เว็บไซต์ข่าวโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี (CNBC) ของสหรัฐ เปิดพระประวัติที่น่าสนใจ 10 ประการของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกัน ที่สิ้นพระชนม์วันนี้ (21 เม.ย.68) ขณะมีพระชนมายุ 88 พรรษา ประการที่ 1 ทรงเป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันและเยสุอิตคนแรก สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส มีพระนามเดิมว่า ฮอร์เก มาริโอ เบร์โกกลิโอ ประสูติวันที่ 17 ธันวาคม 2479 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันคนแรกของพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก แตกต่างจากผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปาเกือบ 200 คน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากอิตาลี ทรงมาจากนอกทวีปยุโรปในฐานะพระสันตะปาปาพระองค์ที่ 266 และเป็นนักบวชคณะเยสุอิตคนแรกที่ขึ้นดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปา ประการที่ 2  ทรงมีพื้นเพมาจากอิตาลี แม้ว่าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสประสูติในอาร์เจนตินา แต่ท่านมีมรดกทางชาติพันธุ์จากอิตาลี จากการที่บิดามารดาเป็นผู้อพยพชาวอิตาลี บิดาทำงานเป็นนักบัญชีในทางรถไฟ ขณะที่มารดาอุทิศตนให้กับการเลี้ยงลูกทั้ง 5 คน ประการที่ 3 ทรงศึกษาด้านเคมีและปรัชญา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสศึกษาปรัชญาและมีปริญญาโทในด้านเคมีจากมหาวิทยาลัยบัวโนสไอเรส ทรงศึกษาในโรงเรียนเทคนิคและได้ฝึกอบรมเป็นช่างเทคนิคเคมี ก่อนเข้าเรียนที่โรงเรียนสอนศาสนาแห่งอัครสังฆมณฑลบิญญา เดโวโต […]