สำนักข่าวไทย 28 ม.ค.-ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสชี้การควบคุม “ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่2019” ในจีนทำถูกแล้ว ย้ำคนไทยไม่ต้องตื่นกลัว เดินสวนกันไม่ติด อัตราตายน้อยแค่ร้อยละ3 “ซาร์ส-เมอร์ส” รุนแรงกว่า การพบการระบาดมาก เพราะกลไลการตรวจแล็บดี และแสดงว่าเชื้ออ่อน เพราะหากเชื้อรุนแรงคนจะตายทันที ไม่สามารถเดินทางได้
นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ต้องชื่นชมจีนที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและประชาคมโลก การประกาศปิดเมือง แทบหาไม่ได้ในประเทศมหาอำนาจที่จะทำเช่นนี้ แทนที่จะต้องต่อว่า เราต้องชื่นชมและให้กำลังใจให้จีนผ่านวิกฤตไปได้ การติดต่อของโรคเกิดขึ้นได้เมื่อสัมผัสกับสารคัดหลั่ง ละอองฝอย ไอจาม เข้าเยื่อบุของร่างกาย แต่ในคนทั่วไป เดินผ่านสวนกันไปมาไม่ติด ไม่จำเป็นต้องตื่นกลัว
นพ.ยง กล่าวต่อไปว่า อำนาจการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นี้ที่ขยายวงกว้าง แปลว่าเชื้อไม่ได้รุนแรง เพราะหากรุนแรงมากคนจะเสียชีวิตทันที ไม่สามารถเดินทางได้ การพบคนป่วยมากขึ้น เป็นเพราะกลไกเฝ้าระวัง และการตรวจหาเชื้อทำได้ง่ายขึ้นและรวดเร็ว โดยข้อมูลขณะนี้พบอัตราน้อยกว่าร้อยละ 3 ไม่รุนแรงเท่าซาร์สและเมอร์ส ที่มีอัตราตายสูงกว่านี้ ซาร์สอัตราตายร้อยละ 10 เมอร์สร้อยละ 30
นพ.ยง กล่าวต่อไปอีกว่า เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่2019 อยู่ในตระกูล โคโรนาไวรัสที่เดิมมี 6สายพันธุ์ แบ่งเป็น 4สายพันธุ์ไม่รุนแรง อาการคล้ายหวัดทั่วไป อีก 2สายพันธุ์ คือซาร์ส ที่มีสัตว์พาหะ ชะมด,เมอร์ส มีสัตว์พาหะคือ อูฐ ส่วนไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นี้เป็นตัวที่7 จึงเป็นของใหม่ร่างกายไม่มีภูมิคุ้มกัน เบื้องต้นตรวจเชื้อไวรัสในห้องปฎิบัติการณ์พบหน้าตาของเชื้อไวรัส คล้ายไวรัสในค้างคาวร้อยละ87จึงไม่สามารถสรุปว่ามาจากค้างคาวได้ เพราะหากจะสรุปว่ามาจากค้างคาว ต้องมีความเหมือนถึงร้อยละ 98
นพ.ยง กล่าวด้วยว่า การป้องกันตนเอง ประชาชนทำได้ด้วยการไม่เข้าใกล้คนไอจามและหมั่นล้างมือ แต่ไม่จำเป็นต้องแห่สวมใส่หน้ากากอนามัยในคนไม่ป่วย หรือไม่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง เพราะอาจยิ่งทำให้หน้ากากอนามัยขาดแคลน เพื่อให้คนป่วยคนได้สวมใส่หน้ากาก เพื่อป้องกันละอองกระจายสู่คนอื่น .-สำนักข่าวไทย