คมนาคม สั่ง สนข. ทำแผนพัฒนาระบบขนส่งโลจิสติกส์เน้นกระจาย ความเจริญทั่วถึง

กรุงเทพฯ 27 ม.ค. – กระทรวงคมนาคม สั่ง สนข. ทำแผนพัฒนาระบบขนส่งโลจิสติกส์ เน้นกระจาย ความเจริญทั่วถึง ด้าน สนข. จ่อคลอด TIA ศึกษาโครงการขนาดใหญ่ หวังล้อมคอกปัญหาจราจร คาดเสนอ คจร. ภายใน 3 – 6 เดือน


นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ว่า สนข. ถือเป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญ เปรียบเสมือน “สมอง” ในการวางแผนและศึกษาโครงการต่างๆ ของกระทรวงคมนาคม ในการแก้ไขปัญหาโลจิสติกส์ของประเทศ ครอบคลุมใน 4 มิติ ทั้งทางบก ทางน้ำ ทางราง และทางอากาศ จึงมอบหมายให้ สนข. มุ่งเน้นทำความเข้าใจในสิ่งที่ดำเนินการกับภาคส่วนต่างๆ อาทิ ประชาชน เอกชน และต่างประเทศ พร้อมทั้งการวางแผนคาดการณ์ในอนาคต ให้สอดคล้องกับการเติบโตอย่างก้าวกระโดด กำหนดค่าตัวชี้วัด (KPI) ให้ชัดเจน อีกทั้งยังจะต้องอธิบายผลกระทบและผลตอบแทนว่าประชาชนจะได้อะไรบ้างอย่างเป็นรูปธรรม เน้นการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้มากขึ้น โดยเฉพาะการนำโดรนมาบริหารจัดการจราจร และประสานความร่วมมือกับกองทัพอากาศ (ทอ.) เพื่อนำอากาศยานไร้คนขับ (UAV) มาใช้

ขณะเดียวกัน สนข. จะต้องมีการวางแผนการพัฒนาต่างๆ ให้กระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาค ไม่กระจุกตัวแค่ในเมืองเท่านั้น เป็นไปตามนโยบายของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รวมถึงจะต้องบูรณาการกับกระทรวงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อวางแผนให้ประชาชนได้ประโยชน์จากพื้นที่ เช่น ที่อยู่อาศัย การศึกษา โรงพยาบาล เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการเวนคืน มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจากการได้รับค่าเวนคืนเท่านั้น นอกจากนี้ ให้พิจารณาการใช้พื้นที่ขึ้นแนวสูง นอกเหนือจากแนวราบ ตามต้นแบบในต่างประเทศ ที่จะสามารถช่วยประหยัดพื้นที่ในการดำเนินการ


นายศักดิ์สยาม กล่าวต่ออีกว่า สนข. ได้เสนอการศึกษาจัดทำมาตรฐานการวิเคราะห์ผลกระทบด้านการจราจร (TIA) มาใช้กับโครงการขนาดใหญ่ ทั้งของกระทรวงคมนาคม และหน่วยงานอื่นๆ จากเดิม TIA จะเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาของการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) อยู่แล้ว โดยการศึกษา TIA นั้น เพื่อให้การดำเนินการโครงการต่างๆ ไม่สร้างปัญหาการจราจรในอนาคต ซึ่งการศึกษา TIA จะต้องมีการกำหนดกรอบเวลาให้ชัดเจน พร้อมทั้งมีข้อมูลทางวิชาการ และตัวแบบมาประกอบการดำเนินการ โดยยืนยันว่า TIA จะไม่ทำให้โครงการล่าช้า แต่อาจจะทำให้เร็วขึ้นกว่าเดิมด้วย อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะเสนอให้คณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) พิจารณา TIA ภายใน 3-6 เดือน ก่อนที่จะสรุปแนวทาง เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติต่อไป

ด้านนายชยธรรม์ พรหมศร ผู้อำนวยการ สนข. กล่าวว่า สนข. ได้ศึกษาเรื่องดังกล่าวมา 1 ปีกว่าแล้ว สำหรับแนวทางของ TIA นั้น ไม่ใช่เป็นการห้ามสร้าง หรือสร้างเงื่อนไขเพิ่มขึ้น แต่จะเป็นการช่วยกันพิจารณาการดำเนินการ เนื่องจากในปัจจุบัน กระทรวงคมนาคมมีนโยบายชัดเจนที่ต้องการให้ประชาชนใช้รถยนต์ส่วนบุคคลให้น้อยลง และหันมาใช้การเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะให้มีความสะดวกสบายมากขึ้น ด้วยการสร้างทางเดินลอยฟ้า (สกายวอร์ก) เพิ่มเติม เพื่อเชื่อมอาคาร และลดการใช้รถในการเข้าออกอาคาร

นายชยธรรม์ กล่าวต่ออีกว่า ที่ผ่านมา สนข. ได้ดำเนินการอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้มาจัดระเบียบ วิธีการที่จะให้องค์ความรู้ TIA ผ่านโครงการและหน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบ ซึ่งจะดำเนินการควบคู่ไปกับเรื่องจัดทำ EIA หากกฎหมาย EIA ครอบคลุมไม่ถึงอาจต้องพิจารณา TIA ด้วย โดยหลังจากนี้จะต้องรอการพิจารณาของ คจร. ก่อนที่จะทราบถึงทิศทางและนโยบายดำเนินการการ ทั้งนี้ การจัดทำ TIA นั้น จะไม่ซ้ำซ้อนกับ EIA เพราะ TIA เป็นการปิดช่องว่าง เนื่องจากกฎหมายปัจจุบันมีหลายๆ โครงการที่เป็นโครงการขนาดใหญ่ที่ไม่ศึกษาเรื่องนี้ และไม่อยู่ในข้อกฎหมาย ทั้งนี้เมื่อก่อน TIA เป็นส่วนหนึ่งเล็กๆ อยู่ใน EIA ซึ่งจะมีผู้เชี่ยวชาญรับผิดชอบอยู่ ขณะเดียวกันจะมี สนข. เป็นหน่วยงานที่คอยแนะนำให้ โดยโครงการคมนาคมจะต้องผ่านกระบวนการ TIA นี้ด้วย ซึ่งหลายๆ โครงการมีการทำงานอยู่แล้ว แต่ทำให้ชัดเจนและเป็นระเบียบมากขึ้น เพื่อให้ความสำคัญของปัญหาการจราจร  นอกจากนี้ การจัดทำ TIA ต้องไม่เป็นการสร้างภาระเงื่อนไขในเรื่องเวลาและความไม่ชัดเจนในระเบียบดำเนินงาน


รายงานข่าวจาก สนข. ระบุว่า สำหรับผลกระทบโครงการและระดับของการศึกษา TIA จะต้องพิจารณาตามปริมาณเกิดการเดินทางสูงสุดต่อชั่วโมง (ชม.) แบ่งเป็น ขนาดเล็กต่ำกว่า 50 คันต่อ ชม. ไม่ต้องทำ TIA, ขนาดปานกลาง 50-300 คันต่อ ชม. ถ้าตั้งอยู่เทศบาลนครต้องรายงานฉบับย่อ และ ขนาดสูง มากกว่า 300 คันต่อ ชม. ถ้าตั้งอยู่มหานครต้องทำฉบับเต็ม นอกจากนี้จะเสนอถ้าสร้างห้างสรรพสินค้าต้องสร้างสกายวอล์ค เชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะอื่นๆ เช่น รถไฟฟ้า ป้ายรถเมล์ และเรือด้วย เพื่อเดินทางได้สะดวก และแบ่งเบาภาระทางเข้าออกการจราจรบริเวณหน้าห้างฯ ตลอดจนจุดทางเข้าออกสถานที่ต้องอยู่ตำแหน่งที่เหมาะสม ไม่กีดขวางการจราจร จากเดิมจะตั้งอยู่ด้านหน้าสถานที่ อาจจะเข้ามาตั้งข้างในสถานที่เพื่อลดจำนวนรถติดสะสมหน้าสถานที่ด้วย . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ทนายวัดนาป่าพง แจงปมโอนเงินไปเยอรมนี ยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ

16 ก.ย. – ทนายวัดนาป่าพง แจงยิบไทม์ไลน์โอนเงิน 12 ล้าน ไปให้สีกาที่เยอรมนี ยืนยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ หวังเผยแผ่พระพุทธศาสนา ไม่ใช่เสน่หาหรือยักยอกเงินวัด เชื่อเป็นขบวนการล้มพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ความคืบหน้าการตรวจสอบพระวัดดังใน จ.ปทุมธานี หลังมีการแจ้งความกองปราบฯ ให้ตรวจสอบปมเงินบริจาควัดที่มีการโอนไปยังต่างประเทศ รวมถึงปล่อยคลิปลักษณะที่ใกล้ชิดกับสีกาในร้านเครื่องประดับ วันนี้ (16 ก.ย.) นายนันทน อินทนนท์ และคณะทนายความของวัดนาป่าพง ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงประเด็นต่างๆ โดยมี อ.เบียร์ คนตื่นธรรม พระลูกวัด และศิษยานุศิษย์ของวัด มาร่วมฟังคำแถลงข่าวอีกเป็นจำนวนมาก ในส่วนของคลิปกับสีกาในร้านเครื่องประดับในต่างประเทศ ทนายความยืนยันว่าสีกาคนดังกล่าวเป็นโยมอุปัฏฐาก ที่ทำหน้าที่ดูแลพระอาจารย์คึกฤทธิ์ และดูแลช่องทางการสื่อสารของวัด คือพุทธวจนเรียล อย่างเปิดเผยตั้งแต่แรก แต่คลิปวิดีโอที่ถูกนำมาเผยแพร่พยายามเชื่อมโยงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างสีกาคนดังกล่าวกับพระอาจารย์คึกฤทธิ์ เป็นการตัดต่อที่ตั้งใจให้เกิดความเข้าใจผิด แจงไทม์ไลน์ยิบ โอนเงินไปต่างประเทศใช้ก่อตั้งมูลนิธิส่วนกรณีมีการโอนเงินจากพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ไปยังสีกาที่เยอรมนี ทีมทนายความยอมรับว่าเอกสารต่างๆ ที่เผยแพร่ในสื่อ เป็นเอกสารที่ทางวัดยื่นต่อศาลที่เยอรมนี ไม่ใช่เอกสารที่ต้องปิดบัง สามารถเปิดเผยได้ เพราะไวยาวัจกรเป็นผู้โอนเงินเอง พร้อมชี้แจงว่าเป็นการโอนเงินเพื่อไปสร้างวัดและมูลนิธิที่ประเทศเยอรมนี โดยไล่เรียงไทม์ชี้แจงอย่างละเอียด เริ่มตั้งแต่ปี 2561 พระอาจารย์คึกฤทธิ์ ต้องการเผยแพร่คำสอนในต่างประเทศ หนึ่งในวิธีการคือการจัดตั้งวัดในต่างประเทศ โดยเฉพาะในเยอรมนีมีลูกศิษย์ของวัดจำนวนมาก […]

รวบบัญชีม้ายกแก๊ง ตระเวนถอนเงินให้คอลเซ็นเตอร์จีนเทา

16 ก.ย. – จับยกแก๊งบัญชีม้า 7 คน ตระเวนถอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนเทา ยึดเงินสดกว่า 5 แสนบาท สารภาพได้ค่าจ้างล้านละ 7,000 บาท เงินที่หลอกผู้เสียหายถูกถ่ายโอนไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์นอกประเทศแล้วไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท นายเอกชัย เจ้าของบัญชีม้า พร้อมหญิงสาวทำหน้าที่ประสานงานถอนเงิน ถูกตำรวจภูธรภาค 5 จับกุมได้บริเวณหน้าธนาคารแห่งหนึ่งใน อ.เวียงหนองล่อง จ.ลำพูน ก่อนขยายผลจับกุมนายศรัณย์พงศ์ และนางสาวนันท์ธนัษฐ์ 2 คนไทย ทำหน้าที่ควบคุมเจ้าของบัญชีม้า และผู้ร่วมขบวนการอีก 3 คน ที่นั่งรอในรถกระบะ นายคิโอ ชาวลาว หัวหน้าแก๊งที่ถอนเงินให้จีนเทาเครือข่ายคิงส์โรมันฝั่งลาว พร้อมยึดของกลางเงินสดกว่า 5 แสนบาท สมุดบัญชีเงินฝากอีก 1 เล่ม กลุ่มผู้ต้องหามีพฤติการณ์วนเวียนถอนเงินสดจากธนาคารหลายแห่งใน จ.เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันทุจริต หลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ร่วมกันเป็นอั้งยี่ เตรียมรวบรวมหลักฐานขยายผลถึงบอสชาวจีน พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค […]

อัปเดตโผ ครม. ครบ 100% “โสภณ​” มีชื่อนั่งรอง​นายก​ฯ

กทม.16 ก.ย.- อัปเดตโผ ครม. ล่าสุด “โสภณ​ ​ซา​รัมย์​” ผงาดรอง​นายก​ฯ ขณะที่ รมต.สำนักนายกฯ มีถึง 4 เก้าอี้ ด้าน “มัลลิกา” โผล่นั่ง รมช.คมนาคม วันที่ 16 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เซ็นส่งรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม. ) ซึ่งคาดว่าสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ 36 รายชื่อ ดังนี้ โควตา​คนนอก​ พรรคกล้าธรรม พรรคพลังประชารัฐ กลุ่มสุชาติ กลุ่มการเมืองอื่น

ป่วนไม่เลิก! เขมรบุกทำลายรั้วลวดหนาม “บ้านหนองหญ้าแก้ว”

16 ก.ย.- เขมรป่วนไม่เลิก! บุกทำลายรั้วลวดหนาม บ้านหนองหญ้าแก้ว ทหารกัมพูชายืนประกบสังเกตการณ์ ขณะที่ชาวเน็ตแห่หนุนสร้างกำแพงกั้นถาวร วันที่ 16 ก.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสังคมออนไลน์แห่แชร์ภาพคลิปวิดีโอ พร้อมข้อความโดยอ้างว่าเป็นภาพของชาวเขมรบุกทำลายรั้วลวดหนามของไทย บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งเหตุการณ์เกิดในวันนี้ โดยมีชาวบ้านจากฝั่งกัมพูชาหลายคนเข้ามาใกล้แนวรั้วลวดหนาม พร้อมถือไม้และพยายามรื้อทำลาย ขณะที่ทหารกัมพูชายืนสังเกตการณ์อยู่รอบพื้นที่ ขณะที่ชาวเน็ตแห่แสดงความคิดเห็น สนับสนุนการสร้างกำแพงแทนรั้วลาดหนาม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก -313 .-สำนักข่าวไทย