นนทบุรี 27 ม.ค. – นักวิชาการ – ภาคเอกชนชี้ผลกระทบโรคระบาดในจีนฉุดท่องเที่ยวไทยโดยเฉพาะชาวจีนหายเพียบ ชี้หากทางการจีนคุมอยู่ภายใน 2 เดือนกระทบจีดีพี ชะลอลงอีกร้อยละ 0.5 – 0.7 แนะรัฐบาลไทยเร่งหาทางดูแลทุกด้านเต็มที่
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินสถานการณ์การระบาดของ “ไวรัสโคโรน่า” ซึ่งการป้องกันผลกระทบของจีนโดยการปิดเมืองต้นเหตุ และเริ่มขยายไปยังเมืองสำคัญทั้งปักกิ่ง และเซี่ยงไฮ้ ที่จะส่งผลกระทบทันทีต่อการจับจ่าย การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวในจีนเอง และนักท่องเที่ยวจีน ที่จะไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก จึงคาดว่า จะกระทบต่อเศรษฐกิจจีน ให้ลดลงร้อยละ 0.5 – 1 ส่งผลต่อเนื่องไปยังเศรษฐกิจโลกให้ชะลอลง ร้อยละ 0.2 – 0.3
ทั้งนี้ การลดลงของนักท่องเที่ยวชาวจีน ถือเป็นผลกระทบทางตรงกับไทย จากการประเมินช่วงเวลา 2 เดือน เทียบเคียงกับการเกิดโรคระบาดในอดีตที่ผ่านมา อาทิ โรคซาร์ส ที่ส่วนใหญ่จะใช้เวลาประมาณ 2 เดือนในการบรรเทาปัญหา จะทำให้นักท่องเที่ยวจีน หายไปประมาณ 2 ล้านคน คิดเป็นเม็ดเงินหายไปจากระบบ ประมาณ 80,000 – 100,000 ล้านบาท ที่จะกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทยให้ชะลอลงอีกร้อยละ 0.5 – 0.7 นอกจากนี้ ยังมีจะกระทบกับการส่งออก ที่ขณะนี้ก็ชะลอลงตามเศรษฐกิจโลก รวมไปถึงการเบิกจ่ายงบประมาณที่ล้าช้า ทำให้เศรษฐกิจไทยปีนี้ มีโอกาสโตต่ำกว่าร้อยละ 2.5 ได้ จากที่ประเมินไว้ร้อยละ 2.8 ได้
นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้ภาคการท่องเที่ยวอยู่ระหว่างการประเมินผลกระทบจากการระบายของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ คาดว่าจะได้ความชัดเจนในเร็วๆนี้ แต่จากการที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ออกแถลงการณ์ระบุว่าผู้ป่วยทั้งหมดได้รับเชื้อจากต่างประเทศ ไม่มีผู้ป่วยติดเชื้อในประเทศไทย และยืนยันสามารถควบคุมการแพร่ระบายของโรคเชื้อไวรัสโคโรน่าได้ จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคเอกชนโดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวไทยเป็นอย่างมาก และมั่นใจจากมาตรการต่างๆของภาครัฐ โดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุข ที่คุมเข้มคัดกรองผู้ป่วยจะสามารถควบคุมการระบายของโรคได้
ทั้งนี้ คาดว่าจะไม่กระทบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศมากนัก และภายในระยะเวลา 20 วันต่อจากนี้หากไม่พบผู้ป่วยเพิ่มเติม ก็ถือว่าภาครัฐสามารถควบคุมและดูแลสถานการณ์ได้ดี และจะเป็นผลดีต่อประเทศไทย เพราะในหลายประเทศขณะนี้ยังมีการระบายแต่หากไทยสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ก็เชื่อว่าไทยยังเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว รวมถึงจะเป็นผลดีต่อโรงงานผู้ผลิตหน้ากากอนามัยส่งออกของไทย หากผู้ประกอบการสามารถปรับตัวและผลิตได้ตรงตามมาตรฐานก็จะเป็นโอกาสของผู้ส่งออกสินค้าได้เพิ่มขึ้น
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงสถานการณ์ไวรัสอู่ฮั่นในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกำหนดการณ์เดินทางภารกิจกระทรวงพาณิชย์ที่ประเทศจีนกลางปีนี้ว่า คงต้องรอทางการจีนแก้สถานการณ์ภายในประเทศอยู่ ขณะนี้ที่ปรึกษาการพาณิชย์ของไทยที่ประจำอยู่ในประเทศจีน 7 สำนักงานก็กำลังติดตามสถานการณ์และมีการหารือร่วมกันกับผู้แทนของกระทรวงการต่างประเทศของไทยประจำที่นั่น รวมทั้งผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อประเมินสถานการณ์ และคาดว่าคงจะรายงานกลับมาให้ทางกระทรวงทราบโดยเร็วที่สุด เพื่อที่จะได้ประเมินสถานการณ์
ทั้งนี้ กำหนดการจะเดินทางไปส่งเสริมการขายผลไม้ไทยที่หนานหนิงมณฑล กวางสี ในช่วงวันที่ 22 -23 เมษายน 2563 ที่จะถึงนี้ก็จะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไปก็จะขอรอฟังการประเมินสถานการณ์ก่อน คาดว่า ภายในสัปดาห์นี้จะได้รับคำตอบ หลังจากนั้นผู้บริหารกระทรวงก็จะมาหารือกันว่าจะต้องดำเนินการต่อไปอย่างไรร่วมกับภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง
สำหรับเรื่องหน้ากากอนามัย ที่เป็นที่ต้องการของประชาชนนั้น ขอให้เริ่มต้นที่กระทรวงสาธารณสุขและถ้าหากว่าติดขัดมีปัญหาตรงไหนในส่วนที่กระทรวงพาณิชย์จะเข้าไปช่วยเหลือได้ก็ยินดี โดยพรุ่งนี้เข้าใจว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีก็จะมีการหารือกันเรืด้วย เท่าที่ทราบจากข่าวทางกระทรวงสาธารณสุขก็ได้เตรียมการที่จะมีความเห็นที่จะนำเสนออยู่ด้วย . – สำนักข่าวไทย