fbpx

กรมรางขานรับนโยบาย Thai First ลุยสร้างมาตรฐานระบบราง

กรุงเทพฯ 27 ม.ค. – กรมการขนส่งทางรางรับลูกนโยบาย “Thai First-ใช้ยางพารา” เร่งบูรณาการสร้างมาตรฐานงานระบบราง ลุยผนึก วว.-ม.สงขลาฯ ศึกษาผลิตเครื่องยึดเหนี่ยวรางเอง หวังช่วยหั่นงบ-หนุนอุตฯ ในประเทศ เล็งใช้เฟส 2 คาดศึกษาเสร็จภายใน 6 เดือน


นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ อธิบดีกรมขนส่งทางราง (ขร.) เปิดเผยว่า หลังจากรับตำแหน่งอธิบดี ขร.นั้น เตรียมประสานความร่วมมือด้านนวัตกรรมกับหน่วยงานต่าง ๆ อาทิ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) รวมถึงจะจัดให้มีการบันทึกความร่วมมือ (MOU)  กับองค์กรทางรางในต่างประเทศ เพื่อสร้างศักยภาพและสร้างมาตรฐานในงานระบบราง ทั้งในส่วนของรถไฟ และระบบไฟฟ้า 

ขณะเดียวกันตามที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ไปพิจารณาการดำเนินการนโยบาย “Thai First”  ไทยทำ ไทยใช้ คนไทยต้องได้ก่อนนั้น เพื่อให้โครงการก่อสร้างต่าง ๆ ช่วยให้เกิดการหมุนเวียนมูลค่าทางเศรษฐกิจภายในประเทศเป็นการลดใช้วัสดุจากต่างประเทศ ดังนั้น ขร.จึงเตรียมหารือร่วมกับ วว. และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เพื่อกำหนดมาตรฐานรับรองให้ไทยสามารถพัฒนาและผลิตเครื่องยึดเหนี่ยวราง (Rail Fastener) และหมอนรองรางรถไฟได้เอง ซึ่งปัจจุบันจะเป็นการนำเข้าจากประเทศจีนทั้งหมด จะสามารถช่วยประหยัดงบประมาณ รวมถึงสนับสนุนอุตสาหกรรมเหล็กภายในประเทศ ทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งที่ยังช่วยสนับสนุนการนำยางพารามาใช้เป็นวัตถุดิบได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะศึกษาเสร็จภายใน 6 เดือนนับจากนี้


ทั้งนี้ ประเทศไทยใช้เครื่องยึดเหนี่ยวรางและหมอนรองรางรถไฟอย่างมหาศาล โดยโครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 1 ระยะทาง 993 กิโลเมตร (กม.) นั้น ได้ใช้เครื่องยึดเหนี่ยวรางกว่า 6.6 ล้านตัว และใช้หมอนรองรางรถไฟ 1.65 ล้านหมอนรองราง ซึ่งทางรถไฟ ระยะทาง 1 กิโลเมตร จะใช้หมอนรองรางรถไฟ 1,660 หมอนรองราง และใช้เครื่องยึดเหนี่ยวราง 2 ชุด (เหล็กบน-ล่าง จำนวน 4 ตัว) อย่างไรก็ตาม หากไทยสามารถดำเนินการได้เองนั้น จะนำมาใช้ในการก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ระยะทาง 1,483 กม.

“ทาง วว.รับที่จะเข้ามาช่วยเหลือ คือ วัสดุบางตัวสามารถสร้างเองได้ ดังนั้น ทำไมไม่ทำเอง ทำให้เป็นมาตรฐานรางไทย เพราะหมอนรองรางสร้างเองได้แล้ว ถ้าสร้างเครื่องยึดเหนี่ยวรางได้อีก ก็จะช่วยประหยัดงบประมาณมหาศาล เพราะ ตอนนี้นำเข้าจากจีน โดยเครื่องยึดเหนี่ยวรางราคาประมาณ 1,500-1,700 บาทต่อ 1 ชุด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมรายละเอียด แต่ส่วนที่เห็นชัด คือ ช่วยใช้ยางพาราในประเทศ ใช้เหล็กในประเทศ และซัพพลายเออร์มีงานทำ ถ้าทำได้และเป็นไปตามนโยบาย Thai First ด้วย” นายสรพงศ์ กล่าว

นายสรพงศ์ กล่าวต่ออีกว่า ขณะนี้ได้รับโยบายจากรัฐบาลและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมในเรื่องการรักษาสุขอนามัยในระบบขนส่งสาธาณณะระบบราง เพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเดินหายใจและเชื้อไวรัส โดยสัปดาห์นี้จะมีการหารือร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขและเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อวางมาตรการป้องกันดังกล่าว ในการเดินทางในระบบรางทั้งหมด


“ช่วงเวลาเร่งด่วนประชาชนเดินทางด้วยระบบรางจำนวนมาก โดยจะมีการรณรงค์และสร้างแนวทางป้องกันการติดต่อเชื้อโรคต่าง ๆ ในส่วนของระบบการเดินทางในระบบการขนส่งทางราง โดยเฉพาะในเขตเมือง ซึ่งสัปดาห์นี้จะเรียกผู้ประกอบการระบบขนส่งทางรางทั้งหมดมาหารือถึงแนวทางป้องกันเชื้อโรคติดต่อ จะต้องมีป้ายเตือนมีการสัมผัส และจะขอให้ทางกระทรวงสาธารณสุขสนับสนุนเรื่องของแอลกอฮอล์เช็ดมือ เพราะต้องมีการจับการโหนแตะมือ สิ่งเหล่านี้สามารถทำได้และคิดว่าประชาชนจะเห็นด้วยกับแนวทางเหล่านี้” นายสรพงศ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชี้อิสราเอล-อิหร่านส่งสัญญาณหาทางถอยจากสงคราม

เยรูซาเล็ม 19 เม.ย.- สื่ออิสราเอลมองว่า การที่อิหร่านพยายามปฏิเสธว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอิหร่านวันนี้ไม่ใช่การโจมตีแก้แค้นของอิสราเอล และการที่อิสราเอลยังคงนิ่งเฉยไม่ออกตัวว่าเป็นผู้กระทำ เป็นการส่งสัญญาณว่าทั้ง 2 ฝ่ายกำลังหาทางล่าถอยจากการทำสงครามในขณะที่นานาชาติกดดันให้ใช้ความอดกลั้น เว็บไซต์ไทมส์ออฟอิสราเอลรายงานว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันจากทางการอิสราเอลว่า ได้โจมตีอิหร่านในเช้าวันนี้ ขณะที่สื่อทางการอิหร่านรายงานเพียงว่า มีการเปิดใช้งานระบบป้องกันภัยทางอากาศ และปฏิเสธรายงานข่าวเรื่องมีการโจมตีที่ตั้งทางทหารในเมืองอิสฟาฮาน ที่อยู่ห่างจากกรุงเตหะรานลงไปทางใต้ 315 กิโลเมตร โดยระบุว่าเหตุการณ์ปกติ แต่เจ้าหน้าที่อิสราเอลและสหรัฐที่ขอสงวนนามเผยกับสื่อในสหรัฐว่า เป็นฝีมือของอิสราเอล หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ของสหรัฐอ้างแหล่งข่าวอิหร่าน 3 คนว่า ฐานทัพอากาศในเมืองอิสฟาฮานถูกโจมตีแต่ไม่มีข้อมูลเรื่องความเสียหาย ไทมส์ออฟอิสราเอลมองว่า ลักษณะของการโจมตีอย่างจำกัด ซึ่งมีรายงานว่าเป็นการใช้โดรน ไม่ใช่ขีปนาวุธหรือปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ประกอบกับการที่อิสราเอลไม่ได้ยอมรับอย่างเป็นทางการ น่าจะเปิดทางให้รัฐบาลอิหร่านสามารถปฏิเสธเรื่องความจำเป็นที่จะต้องขู่โจมตีอิสราเอลเป็นครั้งที่ 2 หลังจากระดมยิงขีปนาวุธและโดรนมากกว่า 300 ลูกใส่อิสราเอลเมื่อเช้ามืดวันที่ 14 เมษายนตามเวลาอิสราเอล เป็นสัญญาณเบื้องต้นว่า ทั้ง 2 ประเทศอาจกำลังหาทางล่าถอยจากการทำสงคราม ก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์กันอย่างกว้างขวางว่า อิสราเอลจะแก้แค้นอิหร่านตามที่แสดงท่าทีมาตลอดทั้งสัปดาห์ว่า จะไม่ยอมปล่อยให้อิหร่านโจมตีโดยไม่ตอบโต้ จุดกระแสวิตกว่า การโจมตีตอบโต้กันไปมาจะบานปลายกลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ดี มีสัญญาณว่ากองกำลังป้องกันอิสราเอลได้ลดความุรนแรงของแผนการโจมตีตามที่นานาชาติกดดันให้ใช้ความอดกลั้น.-814.-สำนักข่าวไทย  

ผงะ! พบศพหนุ่มเมียนมาในแท็งก์น้ำ ดาดฟ้าหอพัก

ผงะ! พบศพหนุ่มเมียนมาสภาพเปลือย ในแท็งก์น้ำบนดาดฟ้าหอพัก ย่านมีนบุรี เสียชีวิตมาแล้ว 2 วัน คาดลงไปเล่นน้ำคลายร้อน

ระทึก! สารแอมโมเนียจากโรงน้ำแข็งรั่ว บาดเจ็บนับร้อย

ระทึกกลางดึก สารแอมโมเนียรั่วในโรงน้ำแข็ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ชาวบ้านสูดดม ได้รับผลกระทบกว่า 100 คน ต้องกระจายส่งตาม รพ. ต่างๆ

จับแล้ว! ชายอินเดียฆ่าปาดคอหญิงวัย 51 ปี

เกิดเหตุฆ่าปาดคอหญิงอายุ 51 ปี ในโรงแรมท้องที่ สน.ตลาดพลู ผู้ต้องสงสัยเป็นชายชาวอินเดียที่อยู่ด้วยกันในโรงแรม กว่า 1 สัปดาห์ ก่อนหายตัวไปหลังเกิดเหตุ ล่าสุดตามจับได้แล้ว สารภาพอ้างแค้นผู้ตายไม่คืนเงิน

ข่าวแนะนำ

ชาวเมียนมาหนีภัยข้ามมาฝั่งไทยต่อเนื่องกว่า 1,200 คน

เมียนมาใช้เฮลิคอปเตอร์ติดปืนกล พร้อมส่ง MiG-29 ถล่มฝ่ายต่อต้าน ทำประชาชนเมียนมาหนีภัย ข้ามมาฝั่งไทย ต่อเนื่องกว่า 1,200 คน

เอกวาดอร์ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพราะวิกฤตพลังงาน

อกวาดอร์ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นครั้งที่ 2 เมื่อวันศุกร์ โดยเป็นการประกาศเพราะวิกฤตพลังงานที่ทำให้ประเทศในอเมริกาใต้แห่งนี้ต้องใช้มาตรการปันส่วนพลังงาน

ฝ่ายต่อต้านรุกหนัก ถล่มทหารเมียนมาตั้งแต่เช้ามืด

ฝ่ายต่อต้าน รุกหนักถล่มทหารเมียนมา ฐานพัน.ร.275 ฝั่งตรงข้าม อ.แม่สอด ตั้งแต่เช้ามืด ทำประชาชนเมียนมา หลบหนีการสู้รบเข้าฝั่งไทยแล้วกว่า 200 คน

“ทวี ไกรคุปต์” อดีตนักการเมืองดัง เสียชีวิตแล้ว

“ไพศาล พืชมงคล” โพสต์แสดงความอาลัยการจากไปของ “ทวี ไกรคุปต์” อดีตนักการเมืองดัง และบิดาของ “เอ๋-ปารีณา”