กรุงเทพฯ 14 มิ.ย. – กระทรวงคมนาคมสั่งตั้งคณะทำงานกำหนดยุทธศาสตร์รื้อแก้ไขสัญญา-เช่าที่ดินรถไฟทั่วประเทศ หวังปั้นรายได้เพิ่มขึ้นจากที่มีอยู่ 6,042 สัญญา รายได้แค่ 2,858 ล้านบาท/ปี เพิ่มขึ้นเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าปีละ 10% ช่วยรถไฟหนีพ้นปัญหาขาดทุน
นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) ในฐานะประธานคณะทำงานศึกษากำหนดยุทธศาสตร์การบริหารพื้นที่และติดตามกำกับนโยบายการจัดการรายได้จากทรัพย์สินประเภทสังหาริมทรัพย์-อสังหาริมทรัพย์ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวว่า ภายหลังได้มีการประชุมหารือเพื่อกำหนดกรอบการจัดการทรัพย์สินเพื่อสร้างมูลค่าให้เพิ่มขึ้นนั้น พบว่าปัจจุบัน รฟท.มีสัญญาที่เอกชนเข้ามาเช่าพื้นที่ สังหาริมทรัพย์ และอสังหาริมทรัพย์ทั่วประเทศ ณ วันที่ 30 เมษายน 2563 ในพื้นที่ กว่า 32,000 ไร่ กับสำนักบริหารทรัพย์สิน รฟท. กว่า 6,042 สัญญา แบ่งเป็นสัญญาเช่าอาคาร 3,106 สัญญา สัญญาเช่าที่ดิน 2,936 สัญญา ซึ่งจากสัญญาทั้งหมดที่มีทำให้ รฟท.มีรายได้เฉลี่ยต่อปีที่ 2,858 ล้านบาท/ปี
ดังนั้น เพื่อให้การบริหารทรัพย์สินของ รฟท.เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น ทางคณะทำงานฯ จะเข้ามาจัดระเบียบและกำหนดกรอบการพัฒนาให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยมั่นใจว่าหากดำเนินการสำเร็จจะสามารถสร้างรายได้ในส่วนนี้ให้กับ รฟท.เพิ่มขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าปีละ 10%
นอกจากนี้ ได้ให้ รฟท.ไปรวบรวมสัญญาของพื้นที่บริเวณอาร์ซีเอ โดยพื้นที่ดังกล่าวให้ทำแผนปฎิบัติการใช้พื้นที่ ตลาดนัดจตุจักร 3 แปลง ตลาดขายปลา 5 ไร่ ตลาดศรีสมรักษ์ จำกัด 5 ไร่ รวมถึงพื้นที่ตรงหัวมุม ตลาดองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อตก.) 3 ไร่ พื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา 277 ไร่ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวจะต้องเร่งดำเนินการเพื่อสร้างรายได้ และพื้นที่บริเวณรัชดา 124 แปลง
ส่วนการประชุมวันที่ 15 มิถุนายนนี้ นอกจากให้ รฟท.ไปรวบรวมข้อมูลพื้นที่ในเขต กทม.ดังกล่าวแล้วยังให้ ไปดูรวบรวมพื้นที่และสัญญาที่เกี่ยวข้องกับแปลงอสังหาริมทรัพย์ทั่วประเทศทั้งหมดด้วยว่ามีจำนวนแปลงที่ใช้ประโยชน์ สถานะของสัญญา สถานะเวลาของการให้เช่า การบุกรุกพื้นที่มีที่ไหนบ้าง รวมถึงสถานะที่มีการใช้ประโยชน์โดยไม่มีการจ่ายค่าเช่า รฟท.อย่างไรบ้าง เพื่อประกอบการประชุมครั้งต่อไป เพื่อให้คณะทำงานฯ ชุดนี้สามารถกำหนดกรอบการดำเนินการให้เกิดความชัดเจนในการสร้างมูลค่าที่มีการทำสัญญาที่มีอยู่ให้กับ รฟท.เพิ่มขึ้น เพื่อให้สามารถนำรายได้จากพื้นที่ที่สร้างรายได้มาบริหารจัดการ รฟท.ให้อยู่ได้แบบยั่งยืนต่อไปในอนาคตและไม่เป็นภาระกับรัฐบาล
นายสรพงศ์ กล่าวว่า จากการประชุมเบื้องต้นพบว่า มีข้อจำกัดของระเบียบ ข้อกฎหมาย ในวิธีการเช่าที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ของกฎหมายของ รฟท. โดยเฉพาะฉบับ พ.ศ.2484 และฉบับ พ.ศ.2544 ที่ปฎิบัติมาไม่สอดคล้องกับกฎหมายปัจจุบัน ซึ่งข้อจำกัดที่เห็นชัดคือจะใช้ระยะเวลาในการดำเนินการยาวนาน เช่น การเช่าที่ดินแบบไม่ต้องประมูลจะต้องใช้เวลาในการอนุมัติกว่า 101 วัน
ส่วนประเภทการเช่าแบบประมูล จะมีขั้นตอนระเบียบปฎิบัติการ 12 ขั้นตอน ใช้เวลาการอนุมัติกว่า 146 วัน ส่วนประเภทโครงการพัฒนา เชิญชวนประมูลโครงการมีขั้นตอนกว่า 15 ขั้นตอน ใช้เวลาอนุมัติไม่น้อยกว่า 212 วัน ซึ่งจากข้อจำกัดต่าง ๆ ทำให้เห็นว่ากว่าจะอนุมัติและมีรายได้กลับมาที่ รฟท.ต้องใช้ระยะเวลานาน
ขณะเดียวกันยังพบปัญหาอีกว่าหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการบริหารทรัพย์สินทั้งที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ของ รฟท.มีถึง 3 หน่วยงาน ประกอบด้วย สำนักบริหารทรัพย์สิน ฝ่ายการเดินรถ ซึ่งจะเป็นคนดูแลทรัพย์สินตามเขตทางรถไฟทั่วประเทศ และฝ่ายการช่างโยธา ดังนั้น ทางคณะทำงานฯ จึงเห็นว่าควรที่จะมีการจัดระเบียบหน่วยงานที่จะทำหน้าที่บริหารทรัพย์สินให้ศูนย์เดียว เพื่อให้รวบรวมสัญญาที่เอกชนทั้งรายย่อย และรายใหญ่ทำสัญญากับ รฟท.อยู่ในที่เดียวกัน เพื่อให้มีการตรวจสอบสัญญาและรายได้ที่เข้ามาเกิดความชัดเจนมากขึ้น
นอกจากนี้ ในส่วนของการประเมินราคาที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ของ รฟท.นั้น เห็นควรที่จะให้ รฟท.หาวิธีประเมินราคาที่ดิน แม้ว่าแปลงอสังหาฯ ของ รฟท.จะไม่มีโฉนดที่ดิน แต่สามารถนำราคาประเมินที่ดินจากกรมธนารักษ์มาเทียบได้หรืออสังหาฯ ข้างเคียงของเอกชน ทำให้ รฟท.มีความคล่องตัวในการปฎิบัติมากขึ้น ขณะเดียวกันให้ รฟท.ไปจัดทำแผนปฎิบัติการ โดยให้กำหนดระยะเวลาที่ชัดเจน ขณะเดียวกันหากแปลงอสังหาฯ มีสิ่งปลูกสร้างควรจ้างบริษัทหรือ ธนาคารที่มีความเชี่ยวชาญเป็นผู้ประเมินราคาทรัพย์สิน เพื่อให้มีความถูกต้องแม่นยำ.-สำนักข่าวไทย