กรุงเทพฯ 26 ม.ค.- มีรายงานว่าคดีนี้ ชุดสืบสวน พบหมวกโม่งสีดำแบบเดียวกับที่คนร้าย ใส่ก่อเหตุจากสถานที่หนึ่งที่ไม่เปิดเผย ตั้งแต่ช่วงแรก ๆ หลังเกิดเหตุ แต่ตอนนั้นก็ไม่มั่นใจว่าจะใช้ของคนร้ายนำมาทิ้ง หรือ ทำหล่นไว้ขณะหลบหนีหรือไม่ แต่ด้วยความรอบคอบจึงเก็บมาตรวจดีเอ็นเอ โดยพบดีเอ็นเอ ของคน 2 คน ติดอยู่ที่หมวกโม่งดำ แต่การสืบสวนในขณะนั้น ยังจำกัดตัวผู้ต้องสงสัยไม่ชัดเจนจึงเก็บดีเอ็นเอจากหมวกโม่ง เอาไว้ก่อน
กระทั่งผ่านมาอีกระยะหนึ่ง ชุดสืบสวนได้ข้อมูลจากพยานปากสำคัญคนหนึ่ง ให้ข้อมูลว่าคนร้ายฆ่า 3 ศพชิงทองลพบุรี คือ นายประสิทธิชัย เขาแก้ว ผอ.รร.แห่งหนึ่งใน จ.สิงห์บุรี โดยพยานยอมคลายข้อมูลแบบหมดเปลือก ชุดสืบสวนจึงสะกดรอยตามนายประสิทธิชัย ที่วันหนึ่งได้ไปร่วมงานเลี้ยง ชุดสืบสวนจึงหาจังหวะเข้าไปนำช้อนกินข้าวของนายประสิทธิชัย ออกมาจากงานเพื่อไปตรวจดีเอ็นเอ ปรากฎว่าดีเอ็นเอที่ช้อนดังกล่าวไปตรงกับดีเอ็นเอ ที่หมวกโม่งสีดำ นี่จึงเป็นหลักฐานสำคัญทางนิติวิทยาศาสตร์อีกอย่างหนึ่ง ที่ตำรวจใช้ดำเนินคดีกัยผู้ต้องหา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สำหรับพยานปากสำคัญคนนี้ เป็นผู้ชายและเป็นคนเดียวกับที่สั่งกระบอกเก็บเสียง หรือ ไซเรนเซอร์ มาจากปทุมธานี และส่งมอบให้กับนายประสิทธิชัย และยังบอกด้วยว่านายประสิทธิชัย เคยมาซ้อมยิงปืนที่บ้านของพยาน ที่สิงห์บุรี ชุดสืบสวนจึงลงพื้นที่ไปตรวจสอบโดยเก็บปลอกและหัวกระสุนปืน 81 ชิ้นจากข้างบ้านและด้านหลังบ้านที่มาซ้อมยิงปืน ปรากฎว่าหัวกระสุนปืน และปลอกที่เก็บมานั้นเป็นขนาด 9 มม. และเป็นชนิดเดียว และล็อตผลิตเดียนวกับที่พยาน เคยมอบให้กับนายประสิทธิชัย เมื่อเดือนกันยายน 62 ที่สำคัญในจำนวนนี้ มี 14 ปลอกไปตรงกับปลอกกระสุนปืนในที่เกิดเหตุชิงทอง หลักฐานชุดนี้จึงนำไปสู่การขอศาลออกหมายจับ นายประสิทธิชัย
สุดท้าย พยานคนนี้ ยังยอมคลายข้อมูลด้วยว่า ตัวพยานเป็นคนที่ไปซื้อรองเท้ากีฬาสีดำที่ใส่ก่อเหตุ กับผู้ต้องหาที่ตลาดโรงเกลือ ซึ่งเป็นรองเท้าก็อปปี้ โดยซื้อกันมาคนละคู่ กะจะใส่ให้เหมือนกัน แต่หลังเกิดเหตุผู้ต้องหา ได้นำรองเท้าไปเผาทำลายหลักฐานที่ด้านหลังโรงเรียน.-สำนักข่าวไทย