เชียงใหม่แจงผลตรวจ 5 ผู้ป่วยไม่พบไวรัสโคโรนา

เชียงใหม่ 24 ม.ค.- สสจ.เชียงใหม่​ยืนยันผลตรวจ ​5 ​ผู้ป่วยต้องสงสัยมาจากอู่ฮั่น​ไม่พบเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ พร้อมเข้มมาตรการเฝ้าระวัง ล่าสุดยังไม่พบเพิ่มผู้ป่วยต้องสงสัย


นพ.จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า กรณีพบผู้ป่วยอาการต้องสงสัยติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ หรือปอดอับเสบ จำนวน 5 ราย จึงได้ทำการสอบสวนโรค (PUI) และผลตรวจออกมาแล้วยืนยันไม่พบเชื้อไวรัสโคโรนาทั้ง 5 ราย โดยเป็นไข้หวัดใหญ่ ทั้งหมดได้รับการรักษาหายเป็นปกติสามารถออกจากโรงพยาบาลได้หมดแล้ว​  พร้อมกันนี้ได้ติดตามทำวอร์รูม ทุกวัน พร้อมเพิ่มระดับการเฝ้าระวัง เนื่องจากเชียงใหม่ มีเที่ยวบินตรงจากเมืองอู่ฮั่น ซึ่งเป็นพื้นที่มีการระบาดของโรค ขณะเดียวกันทางการจีนมีมาตรการระงับการเข้า-ออก เพื่อควบคุมการระบาดของเชื้อแล้ว ทำให้เที่ยวบินทั้ง 6 เที่ยวต่อสัปดาห์ที่มาเชียงใหม่ถูกยกเลิกในช่วงนี้ อย่างไรก็ตาม ยังต้องวางมาตรการเฝ้าระวังต่อไปอีกเพื่อความปลอดภัย และขณะนี้ยังไม่พบผู้ป่วยต้องสงสัยเพิ่ม

สำหรับผลตรวจผู้ป่วยทั้ง 5​ รายมีดังนี้


รายที่ 1: หญิงไทย อายุ 29 ปี เดินทางไปเที่ยวอู่เซี๊ยะ มาขึ้นเครื่องกลับที่อู่ฮั่น ผลตรวจเป็นไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ B

รายที่ 2: เด็กหญิงจีน อายุ 7 ปี ชาวเมืองอันหลู่ มานอนที่อู่ฮั่นเพื่อรอขึ้นเครื่องมาลงเชียงใหม่ ผลตรวจเป็นหลอดลมอักเสบ จากเชื้อไรโนไวรัส

รายที่ 3: หญิงจีน อายุ 23 ปี ชาวเมืองอู่ฮั่น ไปขึ้นเครื่องที่ฉางชา ลงเชียงราย เที่ยวเชียงราย แล้วขึ้นรถทัวร์มาเชียงใหม่ ตรวจพบไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A


รายที่ 4: ชายจีน อายุ 28 ปี ชาวเมืองอู่ฮั่น ขึ้นเครื่องสายการบินคุนหมิง เมื่อวันที่ 15 ม.ค. 2563 เริ่มมีอาการไข้ เจ็บคอ ปวดศีรษะ วันที่ 18 ม.ค. 2563 เข้ารักษาที่โรงพยาบาลมหาราช วันที่ 20 ม.ค. 2563 ตรวจพบไข้หวัดใหญ่

รายที่ 5: ชายจีน อายุ 18 ปี ชาวเมืองอู่ฮั่น ขึ้นเครื่องจากอู่ฮั่นมาลงเชียงใหม่ วันที่ 21 ม.ค. 2563 เวลา 11.20 น. ตรวจพบไข้ 38.2 จากเครื่อง Thermo scan ที่ด่านควบคุมโรคท่าอากาศยานเชียงใหม่ นำตัวเข้าห้องแยกที่ โรงพยาบาลนครพิงค์ ตรวจพบไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B 

นอกจากนี้ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ได้ประชุมคณะทำงานศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ (EOC) กรณีการระบาดของโรคปอดอักเสบจากเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมและจัดระบบแนวทางปฏิบัติในกรณีที่มีการพบผู้สงสัยหรือผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น และมีการประกาศพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคเพิ่มพร้อมสรุปปัญหา อุปสรรค ในการทำงานที่ผ่านมา และวางแผนหาแนวทางแก้ไขในแต่ละส่วน โดยได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมในการประชุม ได้แก่ ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ผู้บริหารและทีมแพทย์จากโรงพยาบาลนครพิงค์ โรงพยาบาลมหาราช สำนักงานป้องกันและควบคุมโรคที่ 1 เชียงใหม่ ด่านควบคุมโรค ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 1 เชียงใหม่​ ขอให้ประชาชนนักท่องเที่ยว​มั่นใจในระบบการเฝ้าระวังคัดกรอง ป้องกันและควบคุมโรคปอดอักเสบจากเชื้อโคโรนาไวรัส ของประเทศไทย และจังหวัดเชียงใหม่ ที่จะสามารถทำการเฝ้าระวัง และคัดกรอง กลุ่มเสี่ยงจากเมืองอู่ฮั่น ที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ทุกคน รวมทั้งการคัดกรองผู้ป่วยที่มีอาการไข้ ร่วมกับมีอาการระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ และมีประวัติการเดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น ณ โรงพยาบาลของรัฐ และโรงพยาบาลเอกชนในจังหวัดเชียงใหม่ทุกแห่ง หากพบผู้ป่วยสงสัยจะดำเนินการส่งต่ออย่างปลอดภัย สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ กลุ่มงานควบคุมโรค สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ โทร.053-211048-50 ต่อ 110.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 10 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

Chinese foreign ministry in January 2025

ถอดบทเรียนจากจีน แก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 จริงจัง

ปักกิ่ง 23 ม.ค. – สถานการณ์ฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่และเร่งด่วนในไทยอยู่ในขณะนี้ หลายฝ่ายกำลังหาทางแก้ไขด้วยการมุ่งไปที่ต้นตอที่ทำให้เกิดฝุ่น จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า ในปี พ.ศ. 2542 ประชากรโลกมากถึง 92% ได้รับฝุ่น PM2.5 ในระดับความเข้มข้นสูงกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนด และถ้ารัฐบาลทุกประเทศไม่เร่งแก้ปัญหาอย่างเอาจริงเอาจัง ภายในอีก 7 ปีข้างหน้า หรือ พ.ศ. 2573 คุณภาพชีวิตคนทั่วโลกจะยิ่งเลวร้ายสุดขีด เพราะปริมาณ PM2.5 จะเพิ่มขึ้นจากเดิม 50% และประเทศที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า หากรัฐบาลตั้งใจจริงจัง ทุ่มสรรพกำลังความพยายาม จะสามารถกำจัดปัญหาฝุ่นควันพิษได้อย่างแน่นอนนั่นก็คือ จีน   จีนเคยมีคนเสียชีวิตเพราะมลพิษในอากาศปีละหลายล้านคน แต่ทุกวันนี้แม้แต่ธนาคารโลกยังยกย่องจีนว่า เป็นแบบอย่างของความพยายาม สามารถพลิกฟ้าหม่นเพราะฝุ่น PM2.5 ให้กลับเป็นฟ้าใสได้สำเร็จ ความพยายามของเหมา เจ๋อตุง ผู้นำจีนที่มุ่งเปลี่ยนสังคมเกษตรกรรมเป็นสังคมอุตสาหกรรม ทำให้จำนวนโรงงานในจีนเพิ่มขึ้นทวีคูณภายใน พ.ศ. 2502 แน่นอนว่า นโยบายเศรษฐกิจของผู้นำจีนช่วยให้คนจีนหลายล้านหลุดพ้นจากขีดความยากจน แต่ก็ต้องแลกกับชีวิตและสุขภาพ เพราะควันพิษจากโรงงานทำให้ฝุ่น PM2.5 พุ่งในระดับเกินกว่าจะรับไหว กว่ารัฐบาลจะรู้ตัวว่าปัญหามาถึงขั้นวิกฤต […]

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ผู้ป่วยเสียชีวิต

รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก-เสียชีวิต จากเหตุชายผิวสีคลุ้มคลั่ง

ผอ.รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก หรือเสียชีวิต จากเหตุต่างชาติผิวสีคลุ้มคลั่ง มีเพียงเจ้าหน้าที่ รพ.บาดเจ็บจากการถูกต่อยเล็กน้อย

ข่าวแนะนำ

ตร.ทางหลวงไล่ล่ากระบะขนแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าไทย

ระทึก! ตำรวจทางหลวงขับรถไล่ล่ากระบะขนแรงงานต่างด้าว 2 คัน สุดท้ายไม่รอด จนมุมบริเวณ ต.หาดท่าเสา อ.เมือง จ.ชัยนาท ตรวจสอบพบแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก จึงนำตัวทั้งหมด พร้อมกับคนขับรถทั้ง 2 คัน ส่งดำเนินคดีที่ สภ.เมืองชัยนาท

คุมพ่อชาวรัสเซียฝากขัง จับลูกชายวัย 13 โยนลงทะเลเสียชีวิต

ตำรวจคุมตัว “หนุ่มรัสเซีย” ฝากขัง หลังก่อเหตุโยนลูกวัย 13 ปี ออกจากเรือ บริเวณหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา จนถูกใบพัดเรือบาดเจ็บสาหัส ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา อ้างเสียความทรงจำ ไม่รู้ทำอะไรลงไป

ดีเอสไอจ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ สืบคดี “แตงโม”

ดีเอสไอ นำผู้เชี่ยวชาญหลายด้านเปิดประชุมนัดแรก ลุยสืบสวน “คดีแตงโม” จ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ หาพยานหลักฐานใหม่ และบินเก็บข้อมูลระบบ Cloud ในมือถือทุกคนบนเรือ-นอกเรือ

แก้ปัญหาฝุ่น

นายกฯ สั่งการด่วนคมนาคมออกมาตรการหยุด PM 2.5

นายกฯ สั่งการคมนาคมออกมาตรการเร่งด่วน หยุด PM 2.5 ให้ประชาชนนั่งรถไฟฟ้าทุกสาย-ขสมก.ฟรี 7 วัน 25-31 ม.ค.นี้ เตรียมใช้งบกลางกว่า 140 ล้านบาท ชดเชยผู้ประกอบการ เข้มตั้งจุดตรวจควันดำ 8 จุด รอบ กทม.-ปริมณฑล