กรุงเทพฯ 24 มค. – สกพ.ส่อตรึงค่าไฟฟ้าตลอดปี 63 ส่วนการลดค่าไฟฟ้าเอสเอ็มอีปรับใหม่ให้โครงสร้างลดลงเท่ากับผู้ประกอบการรายใหญ่
นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สกพ.) เปิดเผยถึงนโยบายของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่ต้องการให้ดูแลค่าไฟฟ้า เพื่อไม่ให้เป็นภาระต้นทุนแก่ประชาชน ว่า ในส่วนของการตรึงค่าไฟฟ้าทั้งปี 2563 ไม่ให้ปรับขึ้นนั้น แนวโน้มมีทิศทางที่เป็นไปได้ แต่ สกพ.กำลังพิจารณาว่า ควรจะดำเนินการในรูปแบบใด ซึ่งในส่วนตัวแล้วน่าจะเป็นการปรับโครงสร้างในส่วนของค่าไฟฟ้าฐานดีกว่าการตรึงในส่วนของค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที) เพราะเอฟทีส่วนใหญ่จะปรับตามค่าเชื้อเพลิงและอัตราแลกเปลี่ยนเป็นหลัก ประกอบกับ ขณะนี้ สกพ.กำลังเตรียมปรับปรุงค่าไฟฟ้าฐานที่อัตราปัจจุบันปรับใช้มาตั้งแต่ปี 2558 จากปกติจะมีการปรับเปลี่ยนทุก 3-5 ปี ดังนั้น ในกรณีการดูแลค่าไฟฟ้า จึงน่าจะปรับในส่วนของค่าไฟฟ้าฐานมากกว่า
“ค่าไฟฟ้าปี 2563 ดูภาพรวมแล้ว น่าจะ KEEP ไม่ให้ขยับขึ้นจากค่าไฟฟ้างวดปัจจุบัน (ม.ค.-เม.ย. 63) ที่ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่ 3.64 บาทต่อหน่วย โดยค่าเอฟทีอยู่ที่ -11.60 สต./หน่วย และค่าไฟฟ้าฐานอยู่ที่ 3.7556 บาท/หน่วย ซึ่ง สกพ.กำลังดูว่าจะปรับค่าไฟฟ้าส่วนไหนดีกว่ากัน” นายคมกฤช กล่าว
สำหรับแนวโน้มทั้งค่าเชื้อเพลิงและอัตราแลกเปลี่ยนในส่วนที่เหลือของปี 2563 คาดว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงไปจากงวดมกราคม-เมษายนมากนัก ประกอบกับเมื่อดูแผนลงทุนของ 3 การไฟฟ้าแล้ว และประเมินการใช้ไฟฟ้าภาพรวมแล้ว ก็เชื่อว่าภาพรวมค่าไฟฟ้าจะสามารถดูแลได้
ส่วนกรณีหากจะปรับลดค่าไฟฟ้าสำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและผู้ประกอบการเอสเอ็มอีขณะนี้ สกพ.ศึกษาข้อมูลควบคู่กับการรอดูนโยบายของรัฐบาลว่า จะมีเม็ดเงินจากกระทรวงการคลังมาสนับสนุนเพิ่มเติมในโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในการดูแลผู้มีรายได้น้อยหรือไม่ หากมีการลดค่าไฟฟ้าเฉพาะส่วนนี้ก็จะไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ส่วนด้านกรณีเอสเอ็มอีนั้น ตามโครงสร้างค่าไฟฟ้าปัจจุบันเอสเอ็มอีจะมีโครงสร้างค่าไฟฟ้าในอัตราที่สูงกว่าผู้ประกอบการรายใหญ่ ดังนั้น แนวโน้มการลดค่าไฟฟ้าเอสเอ็มอี ก็อาจจะเป็นไปได้ โดยจะลดโครงสร้างราคาให้มีอัตราเท่ากับผู้ใช้ไฟฟ้ารายใหญ่.-สำนักข่าวไทย
