กรุงเทพฯ 23 ม.ค. – ผอ.สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขต 4 เปิดใจเจ็บปวดที่สุดต้องบอกเลิกจ้างลูกน้อง 157 คน จากปัญหาถูกตัดงบประมาณปี 63 ระบุผู้ที่ทำงานร่วมกับคนตำแหน่งเล็ก ๆ เท่านั้น จึงจะเข้าใจความยากลำบากของคนเหล่านี้ ชี้ลูกจ้างชั่วคราวกรมวิชาการเกษตร 1,705 คนทั่วประเทศได้รับผลกระทบหมด
นายจักรพรรดิ์ วุ้นสีแซง ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตร เขต 4 (อุบลราชธานี) กล่าวว่า ได้เรียกประชุมผู้อำนวยการศูนย์วิจัยฯ จังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีษะเกษ อำนาจเจริญ ยโสธร มหาสารคาม และร้อยเอ็ด เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือลูกจ้างกรมวิชาการเกษตรที่จะต้องถูกเลิกจ้าง เนื่องจากงบประมาณไม่เพียงพอ โดย 9 จังหวัดในความรับผิดชอบของสำนักวิจัยเขต 4 มีลูกจ้างแบบจ้างเหมา ซึ่งทำสัญญาครั้งละ 3 เดือน ต้องถูกเลิกจ้าง 157 คน
ตามที่มีคลิปปรากฏในโซเชียลมีเดียนั้น เป็นภาพที่ลูกน้องบันทึกไว้วันที่ 18 มกราคม ซึ่งต้องแจ้งลูกจ้างทั้งหมดว่า ไม่สามารถจ้างงานได้ต่อไป โดยงบประมาณมีเพียงพอจ่ายให้ในเดือนมกราคมเท่านั้น ทั้งนี้ ได้หาแนวทางแก้ปัญหาโดยแจ้งปรับลดเงินเดือน 50% ตั้งแต่เดือนธันวาคมและพยายามจะจัดสรรงบประมาณให้สามารถจ้างต่อได้จนถึงสิ้นเดือนกันยายน โดยหวังว่าปีงบประมาณ 2564 กรมวิชาการเกษตรจะไม่ถูกตัดงบกว่า 40% เหมือนปีนี้ แต่ไม่สามารถจ้างต่อได้ เพราะไม่มีเงินเหลือ ตั้งแต่เริ่มต้นปีงบประมาณ 2563 ซึ่งสภาฯ ยังไม่ได้อนุมัติงบประมาณให้ ทางกรมวิชาการเกษตรได้จัดสรรงบของปี 2562 มาให้ก่อน ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 25 ของงบประมาณที่เคยได้ ทางสำนักวิจัยฯ พยายามประหยัดทุกทาง แต่งบไม่เพียงพอต่อการปฏิบัติภารกิจซึ่งมีมาก
นายจักรพรรดิ์ กล่าวต่อว่า ทางสำนักวิจัยฯ ดูแลทั้งข้าราชการและลูกจ้างแบบครอบครัว เงินเดือนลูกจ้างจ้างเหมา 6,000 – 10,000 บาท เมื่อต้องเลิกจ้างจึงเป็นห่วงว่า ลูกน้องจะนำเงินจากไหนส่งลูกเรียนหนังสือ เลี้ยงพ่อแม่ รวมทั้งค่ากินอยู่ เป็นสาเหตุที่ถึงกับร่ำไห้ในวันที่ต้องบอกเลิกจ้าง โดยลูกจ้างในสำนักวิจัยฯ ระดับเขตทั้ง 8 เขตและศูนย์วิจัยฯ ระดับจังหวัดทั่วประเทศมี 1,705 คนได้รับผลกระทบทั้งหมด บางที่มีภารกิจน้อย ลูกจ้างมีจำนวนไม่มากอาจใช้วิธีลดเงินเดือน 50% แต่สำนักที่มีภารกิจเยอะอย่างเขต 4 มีทางเดียว คือ เลิกจ้าง
สำหรับผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ย่อมมีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ข้าราชการจะพยายามอย่างเต็มที่ เช่น กรณีออกตรวจและกำจัดโรคและศัตรูพืช หากค้างคืนต้องได้เบี้ยเลี้ยงเหมาจ่าย 500 บาท ข้าราชการเสียสละไม่รับ พยายามเดินทางไป-กลับ กรณีที่ต้องค้างคืนจะอาศัยนอนที่วัดแทนการพักโรงแรม ทั้งนี้จำนวนลูกจ้างเป็นไปตามภารกิจ เมื่อผู้ปฏิบัติงานลดลงงานบางส่วนจึงล่าช้า ได้แก่ การออกตรวจรับรองมาตรฐานแปลงทั้งแบบเกษตรปลอดภัยตามมาตรฐาน GAP และเกษตรอินทรีย์ (Organic) รวมถึงโรงคัดบรรจุ โรงแปรรูปตามมาตรฐาน GMP ซึ่งเกษตรกรและผู้ประกอบการต้องใช้กรณีส่งออกและยกระดับราคาสินค้า
“ขณะนี้ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2563 ยังไม่มีผลบังคับใช้ แต่งบประมาณดำเนินการที่ได้รับจัดสรรเบื้องต้นบางส่วนหมดแล้วและบางส่วนอีกไม่นานจะหมด จึงหวังว่าจะได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ทั้งการตรวจพืชผักที่นำเข้าทางด่านชายแดน การป้องกันโรคและศัตรูพืช การออกใบรับรองมาตรฐานต่าง ๆ ตลอดจนการตรวจการจำหน่ายปุ๋ยและสารเคมีทางการเกษตรให้เป็นไปตามมาตรการจำกัดการใช้และป้องกันการนำปุ๋ย-ยาปลอมมาหลอกขายเกษตรกร” นายจักรพรรดิ์กล่าว.-สำนักข่าวไทย