กรุงเทพฯ 21 ม.ค.- ส่งตัว “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” อดีตพิธีกรรายการเล่าข่าวชื่อดัง ถึงเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ หลังถูกศาลฎีกาตัดสินจำคุกคดีไร่ส้ม เป็นเวลา 6 ปี 24 เดือน ซึ่งผลตรวจร่างกายพบ “สรยุทธ” วัย 54 ปี มีโรคประจำตัวหลายโรค ส่วนสภาพจิตใจปกติ โดยในช่วงแรกจะให้อยู่ในแดนแรกรับ พร้อมจัดผู้ต้องขัง 2 คน ช่วยดูแล เป็นเพื่อนพูดคุยปรับสภาพจิตใจ
วันนี้ นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา เดินทางมาฟังคำสั่งศาลด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ กับสื่อมวลชน โดยมีผู้บริหารช่อง 3 ผู้ประกาศข่าวและเพื่อนร่วมงานมาให้กำลังใจ สำหรับคดีนี้อัยการยื่นฟ้องนางพิชชาภา หรือนางชนาภา บุญโต อดีตพนักงานจัดทำคิวโฆษณาของ บมจ.อสมท, บ.ไร่ส้ม นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมการผู้จัดการ บ.ไร่ส้ม และ น.ส.มณฑา ธีระเดช พนักงาน บ.ไร่ส้ม เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานเป็นพนักงานเรียกรับทรัพย์สินฯ, เป็นพนักงานฯ ใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่องค์กร, เป็นพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ
สืบเนื่องจากนางพิชชาภา ซึ่งจัดทำคิวโฆษณารวมในรายการ “คุยคุ้ยข่าว” ไม่รายงานการโฆษณาเกินเวลาเพื่อเรียกเก็บค่าโฆษณาเกินเวลา จาก บ.ไร่ส้ม ทำให้ บมจ.อสมท เสียหายกว่า 138 ล้านบาท และได้เรียกรับเงินกว่า 600,000 บาท จากจำเลย เพื่อเป็นการตอบแทน เหตุเกิดเมื่อช่วงปี 2548-2549 ต่อเนื่องกัน โดยจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดีเรื่อยมาจนถึงขั้นฎีกาในวันนี้
ที่สุดศาลฎีกาตัดสินแก้จำคุกนายสรยุทธ จากเดิมศาลอุทธรณ์สั่งจำคุก 13 ปี 4 เดือน เหลือ 6 ปี 24 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ฐานสนับสนุนพนักงาน อสมท ขายค่าโฆษณาเกินส่วนแบ่งเวลาตามสัญญาในรายการคุยคุ้ยข่าว เช่นเดียวกับ น.ส.มณฑา จำเลยที่ 4 พนักงานไร่ส้ม สั่งจำคุก 6 ปี 24 เดือน และสั่งจำคุกนางพิชชาภา บุญโต จำเลยที่ 1 อดีตพนักงานจัดทำคิวโฆษณาของ อสมท เป็นเวลา 12 ปี ปรับบริษัทไร่ส้ม จำเลยที่ 2 จำนวน 72,000 บาท
เมื่อเปิดคำฎีกาของจำเลย ที่ว่าแม้นางพิชชาภา จะอ้างไม่มีลายลักษณ์อักษรให้ทำหน้าที่รายงานคิวโฆษณาส่วนเกินเวลาต่อผู้บังคับบัญชา แต่กลับปกปิดข้อเท็จจริง โดยใช้น้ำยาคำผิดลบโฆษณาส่วนเกินในคิวโฆษณา โดยมีนายสรยุทธ และ น.ส.มณฑา เสนอเงื่อนไขตอบแทนให้ดำเนินการ จึงไม่สามารถปฏิเสธข้อเท็จจริงดังกล่าวได้ ส่วนประเด็นค่าเช็ค 6 ฉบับ จำนวน 739,770 บาท ที่บริษัทไร่ส้มจ่ายให้นางพิชชาภานั้น มิใช่ค่าตอบแทน โดยปรากฏข้อเท็จจริงว่า จ่ายค่าประสานงานเป็นรายครั้ง โดยคำนวณเงินค่าโฆษณา ร้อยละ 2
ส่วนกรณีขอให้ลงโทษสถานเบา หรือรอลงอาญา ศาลเห็นว่าพฤติการณ์ของจำเลยทั้งหมด 1-4 นั้น เป็นเจ้าหน้าที่และผู้สื่อข่าวอาวุโส กลับทำผิดโดยไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง ทั้งที่ควรเป็นแบบอย่างที่ดีให้สังคม แต่กลับกระทำผิดกฎหมายเสียเอง จึงไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ
ส่งตัว “สรยุทธ” เข้าเรือนจำ
หลังฟังคำพิพากษา เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์คุมตัวนายสรยุทธ และพวก รวม 3 คน ขึ้นรถตู้เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ คุมตัวส่งเรือนจำ และแยกนักโทษหญิงไปคุมขังที่ทัณฑสถานหญิงกลางรับโทษตามคำพิพากษาแล้ว
มีการเปิดเผยจาก พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ว่าเมื่อนายสรยุทธ มาถึงเรือนจำ ได้ดำเนินการตามขั้นตอนกฎระเบียบในการรับผู้ต้องขังของกรมราชทัณฑ์ เช่นเดียวกับนักโทษรายอื่น โดยฝ่ายทะเบียนได้ทำประวัติผู้ต้องขังใหม่ พิมพ์มือ ถ่ายรูป และตรวจร่างกาย พบว่านายสรยุทธ อายุ 54 ปี มีโรคประจำตัว ประกอบด้วย ไขมันในเลือดสูง มีติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่แต่ไม่ใช่เนื้อร้าย ร่วมกับมีเลือดออกในลำไส้ และโรคถุงลงโป่งพอง ส่วนสภาพจิตใจพบว่ามีสภาพจิตใจปกติ และก่อนหน้านี้ก็เลยเข้ามาเป็นผู้ต้องขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ครั้งหนึ่งแล้ว
โดยในช่วงแรกจะจัดให้อยู่ในแดนที่หนึ่ง หรือแดนแรกรับ นอนในห้องควบคุมที่ 13 พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่เวรรักษาการณ์ให้ตรวจตราอย่างต่อเนื่อง และได้จัดให้ผู้ต้องขังช่วยงาน 2 คน ช่วยดูแลนักโทษเข้าใหม่อย่างใกล้ชิด เป็นเพื่อนพูดคุยเพื่อปรับสภาพจิตใจให้เข้ากับสภาพความเป็นอยู่ในเรือนจำ.-สำนักข่าวไทย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- คุมตัว “สรยุทธ” ขึ้นรถตู้ส่งขังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
- ศาลฎีกาพิพากษาคดีไร่ส้ม จำคุก “สรยุทธ” 6 ปี 24 เดือน