กรุงเทพฯ 21 ม.ค.-ศาลฎีกาพิพากษายืนตาม กกต.แจกใบดำตัดสิทธิสมัคร 10 ปี “ชาติชาย วรพิพัฒน์” ผู้สมัคร ส.ส.จันทบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ปราศรัยใส่ร้าย จงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยม ด้าน กกต.เร่งศึกษาถือเป็นการทุจริตเลือกตั้งที่เข้าข่ายคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคการเมืองใหม่หรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (21 ม.ค.) ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งพิพากษายืนตามคำร้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ขอให้มีมติ กกต.สั่งเพิกถอนสิทธิสมัคร (ใบดำ) นายชาติชาย วรพิพัฒน์ ผู้สมัคร ส.ส.จันทบุรี จากพรรคประชาธิปัตย์ โดยศาลเห็นว่ามีการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งกรณีหาเสียงเลือกตั้ง ด้วยการหลอกลวงใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัคร หรือพรรคการเมือง เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งลงคะแนนให้ตนเองจริง โดยให้เพิกถอนสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งของนายชาติชายเป็นเวลา 10 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคำร้องของ กกต. ระบุพฤติการณ์ของนายชาติชาย ที่เป็นเหตุให้ต้องมีมติส่งศาลฎีกาพิจารณาสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครและสิทธิเลือกตั้ง รวมทั้งดำเนินคดีอาญา ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2561 มาตรา 138 มาตรา 73วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 159 ว่า จากพยานหลักฐานพบว่า เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2562 เวลา 10.18 น. นายชาติชาย ได้ปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งที่บริเวณตลาดวังพง ต.ขุนซ่อง อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี มีถ้อยคำว่า “ส.ส.ประชาธิปัตย์คนเดิมทั้ง 3 คนได้ถูกซื้อตัวแล้วย้ายพรรคไปแล้ว” ซึ่งผู้ร้องที่ยื่นคำร้องเรื่องนี้ต่อ กกต.ยืนยันว่าว่าการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ผู้ร้องได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส. จันทบุรี เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์ แต่ในการเลือกตั้งครั้งนี้ได้ย้ายมาสมัครในนามพรรคพลังประชารัฐ การปราศรัยหาเสียงดังกล่าวของนายชาติชาย จึงหมายถึงผู้ร้องซึ่งอดีตเคยเป็น ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์และต่อมาย้ายมาสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ถ้อยคำดังกล่าวจึงเป็นการใส่ร้ายผู้ร้องและทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเข้าใจย้ายพรรค เพราะถูกซื้อตัว ละทิ้งอุดมการณ์เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน อันเป็นการใส่ร้ายด้วยความเท็จ จูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเข้าใจผิดในคะแนนนิยม และจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้กับนายชาติชาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังศาลฎีกามีคำพิพากษาทางสำนักงาน กกต.ได้มีการรายงานผลคำพิพากษาให้ที่ประชุม กกต.ได้รับทราบและเห็นว่ากรณีดังกล่าวทำให้ต้องมีการคำนวณ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคการเมืองใหม่ เนื่องจากการกระทำดังกล่าวถือเป็นเหตุให้การเลือกตั้งในเขตนั้นมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมตามมาตรา 131 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ซึ่งก็จะมีผลกระทบกับจำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคการเมือง โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ที่เบื้องต้นจะถูกหักคะแนนของนายชาติชายจำนวน 19711 ออกจากคะแนนรวมของพรรค และอาจทำให้ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับสุดท้ายต้องพ้นจากการเป็น ส.ส.
อย่างไรก็ตาม การคำนวณจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อใหม่ ต้องจับตาดูว่า กกต.จะยังคงใช้สูตรการคำนวณเช่นใด เนื่องจากปัจจุบัน หลายพรรคการเมืองมีจำนวน ส.ส.เกินจำนวน ส.ส.พึงมีจากผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 เช่น การเลิกพรรคของพรรคประชาชนปฏิรูปที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ย้ายไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐ หรือกรณีการเลือกตั้งใหม่ ส.ส.นครปฐม เขต 5 ที่ทำให้จำนวน ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ต่ำกว่าจำนวนพึงมี.-สำนักข่าวไทย