รัฐสภา 20 ม.ค.-ส.ว.แนะรัฐบาลปรับปรุงฐานรายได้ให้ครอบคลุมทุกฐานภาษี ควรพัฒนาระบบในการติดตามการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณ ให้การใช้เงินเป็นไปอย่างมีประโยชน์คุ้มค่า จัดสรรงบกลางให้เหมาะสม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมวุฒิสภา (ส.ว.) วันนี้ (20 ม.ค.) มี นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม โดยก่อนพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ประธานได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าการประชุมวันนี้ จะมีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ แห่งประเทศไทย และสถานีวิทยุรัฐสภา จึงขอให้สมาชิกที่อภิปรายระมัดระวังในการกล่าวถ้อยคำ การพูดจาอะไรที่พาดพิงไปถึงคนอื่นที่ไม่ได้อยู่ในห้องประชุมอาจจะถูกฟ้องร้องได้
จากนั้นเป็นการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ซึ่งวุฒิสภามีเวลาพิจารณา 20 วัน โดยจะแก้ไขอะไรไม่ได้ ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 21 กุมภาพันธ์นี้ ทั้งนี้วุฒิสภาได้ตั้งคณะกรรมาธิการคู่ขนานในการศึกษาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณฉบับนี้
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะผู้แทนรัฐบาล ชี้แจงสาระสำคัญ ว่า สภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท เป็นงบประมาณหน่วยรับงบประมาณ 3.137 ล้านล้านบาท และเงินชดใช้ 62,709 ล้านบาท โดยมีหลักการและแนวทางสำคัญ คือ การนำยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แผนการปฏิรูปประเทศ นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ ยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณ รวมทั้งการบูรณาการในทุกมิติ ทั้งกระทรวง หน่วยงาน การบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ และมิติบูรณาการเชิงพื้นที่ มาเป็นกรอบแนวความคิดในการขับเคลื่อนแผนงาน โครงการ ให้มีความเชื่อมโยงสอดคล้องสนับสนุนซึ่งกันและกันอย่างมีประสิทธิภาพ คุ้มค่า และไม่ซ้ำซ้อน เพื่อให้การขับเคลื่อนการดำเนินงานของรัฐบาลเกิดผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม ส่งผลทำให้การพัฒนาประเทศบรรลุเป้าหมายตามวิสัยทัศน์ที่กำหนดไว้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวย้ำถึงหลักการ 5 ข้อในการจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ประกอบด้วย 1.มุ่งเน้นสนับสนุนเพื่อขับเคลื่อนเป้าหมายและวิสัยทัศน์ดังกล่าวภายใต้แผนยุทธศาสตร์ชาติและแผนงานที่เกี่ยวเนื่อง 2.การสนับสนุนภารกิจที่สอดคล้องกับนโยบายสำคัญเร่งด่วนของรัฐบาล ที่ต้องดำเนินการให้เกิดผลในปีแรก ให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนอย่างเป็นธรรม โปร่งใส และตรวจสอบได้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวอีกว่า 3.เสริมสร้างศักยภาพทางการคลังขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้การถ่ายโอนภารกิจการจัดบริการสาธารณะระดับท้องถิ่นมีคุณภาพชีวิตดียิ่งขึ้น ลดความเหลื่อมล้ำทางการคลังระหว่างท้องถิ่น พัฒนาประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้และประสิทธิผลการใช้จ่ายขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งสอดคล้องกับหลักการตาม พ.ร.บ.กําหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอํานาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และแนวทางการปฏิรูปรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 4.เพิ่มประสิทธิภาพการจัดทำงบประมาณให้ครอบคลุมทุกแหล่งเงิน โดยให้หน่วยงานรัฐนำงบประมาณหรือเงินสะสมคงเหลือ มาใช้ดำเนินภารกิจของหน่วยงานเป็นลำดับแรก ควบคู่กับการพิจารณาทบทวน ปรับลด หรือยกเลิกการดำเนินโครงการที่มีความสำคัญในระดับต่ำหรือหมดความจำเป็น เพื่อนำงบประมาณต่าง ๆ ไปใช้จ่ายในโครงการที่มีศักยภาพ มีความพร้อม และ 5.ดำเนินการตาม พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ 2561 และ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ 2561 รวมทั้งกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการทํางบประมาณรายจ่ายประจำปีอย่างครบถ้วน
ด้านนายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ ประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาศึกษาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 กล่าวว่า การจัดทำงบประมาณของปี 2563 แตกต่างจากปี 2562 พราะมีแผนการปฏิรูปประเทศและแผนยุทธศาสตร์ชาติ และเห็นว่าสภาผู้แทนราษฎรได้ปรับลดงบประมาณลงในรายการที่ยังไม่มีความพร้อมหรือไม่ชัดเจน เมื่อพิจารณาโครงสร้างรายได้จากงบประมาณในอดีต รายได้หลักเป็นรายได้จากภาษีอากร โดยส่วนใหญ่เป็นภาษีที่จัดเก็บจากฐานการบริโภค คณะกรรมาธิการฯ จึงเห็นว่ารัฐบาลควรปรับปรุงฐานรายได้ให้ครอบคลุมทุกฐานภาษี ควรพัฒนาระบบในการติดตามการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณ เพื่อให้การใช้เงินเป็นไปอย่างมีประโยชน์คุ้มค่า อีกทั้งควรเร่งรัดส่วนราชการที่มีสภาพคล่องส่วนเกิน นำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินเพื่อลดภาระงบประมาณ นอกจากนี้ยังเห็นว่ารัฐบาลยังขาดการประเมินผลสัมฤทธิ์ ขณะเดียวกันเห็นว่าควรจัดสรรงบกลางให้เหมาะสม เนื่องจาก ปีที่ผ่านมา มีการตั้งงบกลางไว้สูง แต่อัตราการเบิกจ่ายอยู่ในระดับต่ำ.-สำนักข่าวไทย