กรุงเทพฯ 20 ม.ค.- ตำรวจปราบปรามทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยืนยันการทำคดีบุกรุกป่าของนางสาวปารีณา อยู่ในกรอบระยะเวลาของกฎหมาย ไม่ได้ล่าช้า ขณะที่วีระ สมความคิด พอใจการทำงานคดีมีความคืบหน้าเกินครึ่ง
นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน เดินทางเข้าพบ พลตำรวจตรีวิวัฒน์ ชัยสังฆะ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ ปทส. เพื่อสอบถามความคืบหน้าคดีการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน 46 ไร่ ปลูกสร้างโรงเรือนทำฟาร์มไก่ ในตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี ที่มีนางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ เป็นผู้ครอบครองฟาร์มดังกล่าว โดยใช้เวลาในการหารือสอบถามประมาณ 15 นาที นายวีระ และพลตำรวจตรีวิวัฒน์ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน
พลตำรวจตรีวิวัฒน์ ยืนยันว่า ได้เสนอสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอทำคดีไปตั้งแต่แรก ซึ่งขณะนี้ได้ตั้งคณะทำงานรวม 10 นาย ตรวจสอบข้อเท็จจริง ส่วนการทำงานจะช้าหรือ เร็ว ขึ้นอยู่กับการรวบรวมพยานหลักฐาน แต่เชื่อว่าจะใช้เวลาไม่นาน และยอมรับว่าหากนำคดีนี้ไปเปรียบเทียบกับคดีของชาวบ้านทั่วไปก็นับว่ามีความซับซ้อน จึงต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้รัดกุมให้มากที่สุด จึงต้องใช้เวลาพอสมควร โดยขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมพยานหลักฐานของกองกำกับการ 5 ปทส.
ขณะที่นายวีระ บอกว่า ที่มาสอบถามก็เพราะรู้สึกแปลกใจที่คดีนี้มีการส่งสำนวนไป 2 ชุด แต่กลับมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพียงคดีเดียวคือคดีของนางสาวปารีณา แต่อย่างไรก็ตามเมื่อความคืบหน้าคดีทั้งหมด อยู่ที่กองกำกับการ 5 ปทส. ตนก็จะเดินทางไปสอบถามผู้รับผิดชอบสำนวนคดี ต่อไป โดยการมาวันนี้ไม่เกี่ยวกับกรณีที่มีแชทไลน์กลุ่มพรรคพลังประชารัฐ ระหว่างนางสาวปารีณา กับ ร.อ.ธรรมนัส หลุดออกมาแต่อย่างใด
จากนั้นนายวีระ หารือกับพนักงานสอบสวนกองกับกับการ 5 ถึงความคืบหน้าคดี ก็พบว่าคดีนี้มีการตั้งคณะพนักงานสอบสวนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 15 มกราคมที่ผ่านมา โดยพนักงานสอบสวนได้อธิบายความคืบหน้าคดี ส่วนตัวมองว่าคดีมีความคืบหน้าไปกว่าร้อยละ 60-70 แล้ว และเชื่อว่าในท้ายที่สุดจะมีการดำเนินคดีกับนางสาวปารีณา ยอมรับว่ารู้สึกพอใจที่คดีมีความคืบหน้า และ ยอมรับว่าการย้ายโอนคดีจากพื้นที่เข้ามาส่วนกลางเพราะมีความพยายามดึงเวลาให้คดีมีความล่าช้าและมีการแซกแซงการทำงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งรายละเอียดต่างๆตนทราบจากพนักงานสอบสวนแต่ไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะเป็นความลับในสำนวนคดี
ส่วนกรณีที่เกิดการโต้งเถียงกันระหว่างร้อยเอกธมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ กับนางสาวปารีณาส่วนตัวไม่ได้ให้ความสนใจกับกรณีดังกล่าวหากไม่ได้ส่งผลกระทบกับการทำคดีของตำรวจ
อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ก็มีแผนจะไปที่ สภ.สวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี หลังจากที่ทราบว่ามีการโอนสำนวนคดีของนานทวี ที่ครอบครองที่ดีกว่า 1000 ไร่ เข้าข่ายทำผิดกฎหมาย กลับไปให้ตำรวจในพื้นที่สอบสวนดำเนินคดีเช่นเดิม ว่าคดีมีความคืบหน้าไปถึงขั้นตอนใด .-สำนักข่าวไทย