เร่งหาเบาะแสไล่ล่าโจรชิงทองกลางห้างฯ ลพบุรี

ลพบุรี 14 ม.ค. – ผบก.ภ.จว.ลพบุรี เผยคดีโจรบุกจี้ชิงทองในห้างฯ กลางเมืองลพบุรี ยิงผู้บริสุทธิ์ดับ 3 ศพ ชุดสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแส มีความคืบหน้าหลายเรื่อง เป็นไปในทิศทางที่ดี ยังคงตั้งประเด็นไว้ที่ชิงทรัพย์ แต่ยังไม่ตัดประเด็นอื่นทิ้ง ด้าน รอง ผบ.ตร. ย้ำไม่ให้มีข้อมูลสำคัญรั่วไหล


เกาะติดความคืบหน้าการไล่ล่าโจรบุกจี้ชิงทองภายในห้างสรรพสินค้ากลางเมืองลพบุรี ทำให้มีผู้ถูกยิงเสียชีวิต 3 คน พล.ต.ต.ณัฐพล ศุกระศร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี เปิดเผยว่า ชุดสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแสคนร้าย พบมีความคืบหน้าหลายเรื่อง และเป็นไปในทิศทางที่ดี แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ และยังคงตั้งประเด็นไว้ที่ชิงทรัพย์ แต่ยังไม่ตัดประเด็นอื่นทิ้ง ขณะที่การประชุมชุดสืบสวนทั้งหมด พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าชุดคลี่คลายคดี กำชับการปฏิบัติงานให้เป็นไปทิศทางเดียวกัน และเน้นย้ำไม่ให้มีข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับคดีรั่วไหลออกไปภายนอก 


พล.ต.ต.ณัฐพล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี ปฏิเสธกระแสข่าวลือว่าคนร้ายเป็นญาตินักการเมืองท้องถิ่น และมีบาดแผลที่ขา เนื่องจากประสบอุบัติเหตุบิ๊กไบค์ จึงต้องแต่งกายมิดชิดก่อเหตุ ยืนยันว่าจนถึงขณะนี้ตำรวจยังอยู่ระหว่างพิสูจน์ตัวบุคคล


ทีมข่าวยังลงพื้นที่ติดตามการทำงานของชุดสืบสวนคลี่คลายคดี พบว่าตำรวจสามารถจำกัดวงแคบของผู้ใช้ปืนรุ่นเดียวกันกับที่ใช้คนร้ายใช้ก่อเหตุก่อเหตุ แต่ต้องรอผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อเปรียบเทียบเกลียวปืน เข็มแทงชนวน รวมถึงรายละเอียดอื่น ส่วนกระบอกเก็บเสียงพบว่าคนทั่วไปหาซื้อได้ แม้กระทั่งในเว็บไซต์ เชื่อว่าคนร้ายไม่เคยฝึกการจู่โจมทางยุทธวิธีเหมือนตำรวจและทหาร ไม่ว่าจะเป็นการถือปืน การยิง หรือการเข้าปฏิบัติการ แต่ที่ชัดเจนคือ คนร้ายเป็นบุคคลที่มีฐานะพอที่จะซื้อของแบรนด์เนมใส่ปฏิบัติการได้

ทีมข่าวพบประเด็นที่ตำรวจใช้เป็นแนวทางสืบสวนหาตัวคนร้าย คือ กลุ่มคนที่เล่นเกมแล้วออกมาปฏิบัติการในชีวิตจริง หรือกลุ่มที่ติดเกมอย่างหนักและเล่นจนกระทั่งอิ่มตัวก่อนออกมาก่อเหตุ

ขณะที่ช่วงบ่ายวันนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะเดินทางไปติดตามคดีที่ จ.ลพบุรี หลังจากมีการระดมชุดสืบสวนเข้ามาจากหลายกองบัญชาการ เพื่อลงพื้นที่ช่วยหาเบาะแสติดตามคนร้าย แต่ยังไม่สามารถระบุตัวคนร้ายได้

ด้านผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธปืนและยุทธวิธี ให้ข้อมูลกับสำนักข่าวไทย โดยวิเคราะห์ว่าอาวุธที่คนร้ายก่อเหตุชิงทองที่ลพบุรี เป็นปืน CZ SP01 ผลิตที่ในสาธารณรัฐเช็ก ใช้กระสุน 9 มม. และรางที่อยู่ด้านล่างตัวปืนใช้สำหรับติดอุปกรณ์เสริมโกร่งไก และนกที่ใช้สำหรับสับชนวน ปืนรุ่นนี้เป็นปืนที่ตำรวจ ทหาร และชุดปฏิบัติการพิเศษต่างประเทศนิยมใช้ เนื่องจากแม่นยำสูง และในไทยก็นิยมเช่นกัน คนทั่วไปสามารถหาซื้อได้ และเป็นปืนที่อยู่ในโครงการสวัสดิการของรัฐเมื่อ 5-6 ปีก่อน แต่ 3-4 ปีหลังไม่มีนำเข้ามาขายแล้ว เนื่องจากโรงงานไม่ผลิตปืนรุ่นนี้ และได้รับความนิยมมากจนไม่มีขาย

ปืนรุ่นนี้ในอดีตมีนักกีฬายิงปืนส่วนใหญ่ใช้ในการแข่งขัน เพราะเป็นปืนทรงคล้าย Colt 1911 เป็นปืนเหล็กที่น้ำหนักและทรงปืนเข้ากับมือ ทำให้เวลายิงมีความแม่นยำ ราคาในตลาด 60,000-95,000 บาท และเป็นรุ่นที่หาซื้อยากในตลาดมืด โดยปกติปืน CZ SP01 ปลายลำกล้องธรรมดาจะไม่มีเกลียว แต่คนร้ายได้เปลี่ยนลำกล้อง และปรับแต่งให้มีเกลียวไว้ใส่กระบอกเก็บเสียง

ส่วนกระบอกเก็บเสียง (Silencer) หาซื้อได้ แต่ไม่ง่าย แม้ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นของที่ซื้อนำเข้าจากต่างประเทศ หรือไทยประดิษฐ์ แต่เป็นของที่มีคุณภาพ เพราะยิงได้ไม่ติดขัดหรือกระสุน ดังนั้นคนร้ายต้องเคยเป็นคนที่มีฐานะดี ถึงจะซื้อปืนและนำมาปรับแต่งได้ถึงขนาดนี้

ส่วนพฤติกรรมของคนร้ายไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นอดีตเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ หรือพลเรือน เพราะคนที่เรียนรู้เรื่องอาวุธขั้นต้นก็สามารถปฏิบัติการได้ แต่ที่ชัดเจนคือ คนร้ายเชี่ยวชาญเรื่องปืนและลุ่มหลงในอาวุธ เหตุผลคือ หากคนร้ายเป็นเจ้าหน้าที่ตกอับ จะไม่ลงมือโหดเหี้ยม หรือหากเป็นมือปืนรับจ้าง จะไม่ยิงเหยื่ออื่นนอกจากเป้าหมาย ส่วนโอกาสที่จะเป็นพลเรือน ต้องเป็นคนที่ชำนาญในการใช้ปืน ไม่มีความตื่นกลัว และผ่านการฝึกยุทธวิธีการยิงในระดับปานกลาง เพราะปกติการยิงปืนจะยืนยิงนิ่งๆ ในแท่นยิง โอกาสที่จะเดินยิงมีน้อย แต่คนร้ายสามารถเดินยิงได้ หากเป็นพลเรือนที่ผ่านการฝึกมา จะเป็นโอกาสดีที่ตำรวจสามารถขมวดกลุ่มผู้ต้องสงสัยได้ 

ส่วนในกลุ่มของคนยิงปืนสามารถดูออก ทั้งท่าทางการยิงปืน การจับปืนลักษณะนี้เป็นของใคร เพราะทุกคนจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เว้นแต่คนร้ายจะฝึกเอง ไม่ได้ผ่านมาฝึกมาอย่างเป็นระบบดูจากการพกและการจับอาวุธปืนที่แตกต่างจากเจ้าหน้าที่ จึงตั้งข้อสังเกตว่าน่าจะเป็นพลเรือนที่มีความมั่นใจในอาวุธของตนเองมากจากการฝึกฝน และหากดูจากลักษณะการก่อเหตุสภาพจิตใจเป็นเรื่องสำคัญ การยิงคนอย่างเหี้ยมโหดอาจไม่ใช่คนจิตใจปกติ และเคยก่อเหตุมาก่อน . – สำนักข่าวไทย 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

จำกัดกลุ่มเป้าหมายชิงทองที่ลพบุรีได้แล้ว

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย