ย้ำ “อาหารเสริม วิตามิน” ไม่ใช่ยาวิเศษในการรักษาโรคตา

กรมการแพทย์ 9 ม.ค.-รพ.เมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) เตือนอาหารเสริม วิตามิน ที่อวดอ้างว่าทำให้สุขภาพตาและการมองเห็นดีขึ้น เห็นชัด หายจากโรคตาที่เป็นอยู่ ไม่มีจริง อย่าหลงเชื่อ แนะดูแลสุขภาพตาหากมีอาการผิดปกติ ควรพบจักษุแพทย์


นพ.มานัส โพธาภรณ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ปัจจุบันอายุเฉลี่ยของประชากรไทย คือประมาณ 70 ปี เมื่ออายุยืนยาวขึ้น โรคในผู้สูงอายุย่อมเกิดขึ้นเป็นเงาตามตัว เช่น สมองเสื่อม อัลไซเมอร์ ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ปวดหลัง กระดูกผุ ข้อเสื่อมเป็นต้น ซึ่งปัญหาหนึ่งที่ทำให้การดำรงชีวิตของผู้สูงอายุยากลำบาก คือปัญหาตามัว เช่น โรคต้อกระจก โรคต้อหิน โรคจุดรับภาพเสื่อมในผู้สูงอายุ เป็นต้น ดังนั้น จึงมีการคิดหาวิธีป้องกันรักษาเพื่อให้สุขภาพตาดี มีการมองเห็นดีขึ้นและหายจากโรคที่เป็นอยู่ ซึ่งปัจจุบันยาวิเศษแบบนั้นไม่มีอยู่จริงในขณะที่ โรคส่วนใหญ่สามารถป้องกันและรักษาได้ หากได้รับคำแนะนำและการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ 


ส่วนการดูแลสุขภาพโดยการใช้วิตามินหรืออาหารเสริมข้อมูลทางการ แพทย์ในปัจจุบันพบว่า วิตามินหรือสารอาหารบางชนิดอาจจะมีประโยชน์ในการป้องกัน บำรุงสุขภาพ เฉพาะบางภาวะ บางโรคเท่านั้น และควรอยู่ในความควบคุมดูแลจากแพทย์ก่อนการใช้วิตามิน อาหารเสริมเพื่อความปลอดภัย             

พญ.สายจินต์ อิสีประดิฐ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง)กล่าวเพิ่มเติมว่างานวิจัยขนาดใหญ่ในอเมริกาซึ่งสนับสนุนโดยองค์การอาหารและยาของสหรัฐ ชื่อ Age – Related Eye Disease Study(AREDS.2001-2006) ทดลองให้ผู้สูงอายุทานวิตามินรวม (วิตามินซี 500 mg วิตามินอี 400 หน่วย IU เบต้าแคโรทีน 50 mg สังกะสี 80 mg) ทุกวันติดต่อกัน 5 ปี ผลคือวิตามินรวม ไม่ช่วยชะลอหรือลดต้อกระจกที่มีอยู่เลย แต่ช่วยลดความเสี่ยงการลุกลามของโรคจุดรับภาพเสื่อมได้ 25% เฉพาะในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงเท่านั้น ซึ่งไม่ได้มีผลในการชะลอ หรือป้องกันต้อกระจก 


อย่างไรก็ตามวิตามินหรืออาหารเสริมปัจจุบันที่จำหน่ายมักจะมีคำว่า อาจจะ กำกับอยู่ด้วย เช่น อาจช่วยชะลอต้อกระจก อาจมีส่วนช่วยการมองเห็น อาจช่วยส่งเสริมสุขภาพตา เป็นต้น ดังนั้น ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือยืนยันว่า การทานวิตามินใดๆ ช่วยทำให้การมองเห็นดีขึ้นได้ ฉะนั้นหากมีอาการผิดปกติทางตา ควรปรึกษาจักษุแพทย์ทันที 

สำหรับวิธีการดูแลดวงตาคือสวมแว่นกันแดดเมื่อออกกลางแจ้ง รับ ประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบ 5 หมู่ การทานอาหารที่มีโอเมก้า 3 สูง อาจช่วยให้ผู้ป่วยที่มีภาวะตาแห้ง สบายตาขึ้น อาการเคืองตาและตาแดงลดลง อาหารที่มีโอเมก้า 3 สูง พบได้ในเนื้อปลาที่มีกรดไขมันดีสูง ปลาแซลมอน ปลาทูน่า โปรตีนจากธัญพืชต่างๆ แหล่งอาหารอื่น ๆ ที่ดีต่อสุขภาพดวงตา เช่น ผักโขม หรือผักใบเขียวเข้ม 

นอกจากนี้ผักผลไม้ที่มีสีเหลืองหรือส้ม เช่น แครอท ฟักทอง เป็นแหล่งของวิตามินเอสูง ดีต่อการทำงานของจอประสาทตา ที่สำคัญการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและมีการป้องกัน ควบคุมโรคประจำตัวให้ดี โดยเฉพาะโรคที่ส่งผลกระทบต่อดวงตา เช่น โรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง โรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น ก็จะช่วยป้องกันการเกิดภาวะ แทรกซ้อนต่อดวงตาที่จะตามมาในอนาคตได้ .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ป.ป.ส. รวบ 3 นักค้ายาเสพติดต่างชาติ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ

ป.ป.ส. รวบนักค้ายาเสพติดต่างชาติ 3 ราย ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ส่งออกไปอิตาลี-อังกฤษ เลขาฯ ป.ป.ส. เผยความสำเร็จครั้งนี้เป็นผลจากการประสานงานใกล้ชิดระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ตรวจสอบตลาดปาล์มน้ำมัน หลังราคาพุ่ง

ช่วงนี้น้ำมันปาล์มตามท้องตลาดปรับราคาแพงขึ้น จากเดิมขวดละราว 10 บาท ทำให้ผู้บริโภคถึงกับโอดครวญ ขณะที่เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ระบุแม้ช่วงนี้ราคาปาล์มน้ำมันขายได้ราคาดีที่สุดในรอบหลายปี แต่เกษตรกรกลับไม่มีปาล์มขาย

ข่าวแนะนำ

เดินหน้าเสนอ ครม. ตั้งคณะกรรมการร่วมไทย-กัมพูชา เจรจาพื้นที่ทับซ้อน

กระทรวงการต่างประเทศ เดินหน้าเสนอ ครม. ตั้งคณะกรรมการร่วมด้านเทคนิค JTC ไทย-กัมพูชา เจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยกับกัมพูชา ตามแนว MOU 2544 ยืนยันไม่ทำให้เสียเกาะกูด

เข้าสู่ฤดูหนาว

อุตุฯ ประกาศไทยเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว

กรมอุตุฯ ประกาศการเข้าสู่ฤดูหนาวของประเทศไทย ปี 2567 ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ย. โดยเป็นการเข้าสู่ฤดูหนาวช้ากว่าปกติประมาณ 2 สัปดาห์ เนื่องจากมีพายุก่อตัวในมหาสมุทรแปซิฟิกและเคลื่อนเข้าสู่ทะเลจีนใต้ และยังมีฝนบางพื้นที่ ปีนี้จะหนาวกว่าปีที่แล้ว

ช้างพลายขุนเดช

ย้ายแล้ว “ช้างพลายขุนเดช” ไปสถาบันคชบาลแห่งชาติ จ.ลำปาง

ย้ายแล้ว “ช้างพลายขุนเดช” สู่สถาบันคชบาลแห่งชาติ จ.ลำปาง จบดราม่า หลังฝากเลี้ยงที่มูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม จ.เชียงใหม่