กรุงเทพฯ 9 ม.ค. – “มนัญญา” ตรวจสภาพคล่องสหกรณ์สโมสรรถไฟ หลังมีปัญหาทุจริตการกู้ยืมเงินฟ้องร้องกันมา 7 ปี พบคณะกรรมการชุดปัจจุบันสามารถบริหารให้มีสภาพคล่องได้ ด้านอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ยันแม้จะยังมีหนี้สิน แต่ได้ทำข้อตกลงระหว่างลูกหนี้กับเจ้าหนี้ชำระคืนดำเนินกิจการต่อได้ เตือนอย่าตระหนกแห่ถอนเงินจะพาล้มครืนทั้งสหกรณ์สโมสรรถไฟและสหกรณ์เจ้าหนี้-ลูกหนี้อีกหลายแห่ง
น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประชุมกับคณะกรรมการบริหารสหกรณ์สโมสรรถไฟชุดปัจจุบัน พบว่าแต่ละเดือนมีเงินหมุนเวียน 50 ล้านบาท สามารถปล่อยกู้สมาชิกทั้งแบบฉุกเฉินและสามัญ ส่วนปัญหาทุจริตที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2557 โดยคณะกรรมการ 6 คนชุดก่อนหน้าที่นำเงินฝากของสมาชิกไปปล่อยกู้สหกรณ์ออมทรัพย์อื่นจำนวนมากจนขาดสภาพคล่องนั้น ขณะนี้ทยอยคืนเงินสมาชิกรายย่อยตามที่ได้ทำข้อตกลงกัน
ส่วนเงินที่กู้มาจากสหกรณ์อื่นได้คืนไปแล้ว 1 ราย แต่รายอื่น คณะกรรมการระบุว่าเอกสารการกู้ยืมที่สหกรณ์เจ้าหนี้ทำสัญญากับคณะกรรมการชุดก่อนหายไป ซึ่งได้ขอไปยังสหกรณ์เจ้าหนี้ให้ส่งหลักฐานมาให้ แต่เจ้าหนี้ไม่ได้ส่งมา คณะกรรมการชุดใหม่จึงไม่กล้าอนุมัติเงินคืน เพราะหากการกู้ยืมไม่เป็นไปตามระเบียบและกฎหมายสหกรณ์จะทำให้คณะกรรมการชุดปัจจุบันมีความผิดร่วมด้วย ดังนั้น อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ในฐานะนายทะเบียนจึงแนะนำให้สหกรณ์เจ้าหนี้ฟ้องร้องต่อศาล เพื่อพิสูจน์ว่าการกู้ยืมเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ หากศาลวินิจฉัยให้สหกรณ์สโมสรรถไฟคืนเงินที่ระบุว่ามีการกู้ยืมมาทางสหกรณ์สโมสรรถไฟยินดีปฏิบัติตามคำสั่งศาล
น.ส.มนัญญา กล่าวต่อว่า ได้มอบนโยบายการกำกับดูแลสหกรณ์ออมทรัพย์แก่กรมส่งเสริมสหกรณ์และกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ให้เคร่งครัดตามกฎหมายซึ่งออกมาใหม่ โดยมีข้อกำหนดว่าการกู้ยืมจะต้องพิจารณาองค์ประกอบใดบ้าง มีเพดานเงินกู้เท่าไร จะต้องปฏิบัติเป็นแนวทางเดียวกันทั้งหมด เพื่อให้สหกรณ์เป็นที่พึ่งของสมาชิกได้อย่างแท้จริงและไร้การทุจริต จากการตรวจสอบสภาพคล่องของสหกรณ์สโมสรรถไฟวันนี้ยืนยันว่าไม่ล้มดังที่กังวลกันสามารถดำเนินการต่อได้ ขอให้สมาชิกอย่าตระหนกและแห่มาถอนเงินออก ทำให้ขาดสภาพคล่องจนเกิดปัญหาตามมา
นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า สหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟสามารถจ่ายเงินให้แก่สมาชิกรายย่อยที่ต้องการถอนเงินได้ แต่สำหรับสหกรณ์ที่ฝากเงินต่อสหกรณ์สโมสรรถไฟ 10 แห่งนั้น ได้ทำข้อตกลงให้งวดแรกถอนร้อยละ 10 ของเงินฝาก จากนั้นจะทยอยจ่ายให้ซึ่งสมาชิกพึงพอใจ ส่วนสหกรณ์เจ้าหนี้มี 6 สหกรณ์ ซึ่งรายที่ตรวจสอบเอกสารพบว่าเป็นการกู้โดยชอบ คือ สหกรณ์ออมทรัพย์การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) นั้น ได้ชำระหนี้คืนไปแล้ว 87 ล้านบาท ส่วนอีก 5 สหกรณ์ มี 3 แห่ง ได้แก่ สหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจ โรงพยาบาลพญาไท และวชิรพยาบาลที่ฟ้องร้องให้สหกรณ์ออมทรัพย์รถไฟคืนเงินที่กู้มาให้ แต่สหกรณ์การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) และสำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติยังไม่ได้ฟ้องร้อง รอประชุมคณะกรรมการบริหารเพื่อตัดสินใจ รวมเงินกู้ประมาณ 760 ล้านบาท ซึ่งจะมีผลกระทบต่อเงินปันผลลดลงบ้าง แต่ไม่ได้ทำให้สหกรณ์ทั้ง 5 แห่งขาดทุน
ส่วนสหกรณ์เจ้าหนี้ร้องเรียนให้อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ในฐานะนายทะเบียนสหกรณ์ออกคำสั่งให้สหกรณ์สโมสรรถไฟชำระหนี้คืนนั้น ตามกฎหมายนายทะเบียนสหกรณ์มีอำนาจสั่งการได้กรณีที่คณะกรรมการดำเนินการให้เกิดความเดือดร้อนแก่สมาชิก แต่กรณีที่มีการกู้ยืมเงินระหว่างสหกรณ์ นายทะเบียนไม่สามารถออกคำสั่งได้ ทั้งนี้ จากการที่สหกรณ์เจ้าหนี้ไปร้องทุกข์ต่อสถานีตำรวจนครบาลปทุมวันนั้น พนักงานสอบสวนเร่งรวบรวมพยานหลักฐานส่งอัยการเพื่อพิจารณาสั่งฟ้องต่อศาลต่อไป
“หากทั้งสหกรณ์ที่นำเงินมาฝากและเจ้าหนี้รุมถอนเงินจากสหกรณ์รถไฟพร้อม ๆ กัน สหกรณ์สโมสรรถไฟจะขาดสภาพคล่องทันที ซึ่งจะส่งผลกระทบทั้ง 15 สหกรณ์ แต่คณะกรรมการสหกรณ์สโมสรรถไฟยืนยันว่า ไม่ได้ปฏิเสธหนี้เพียงต้องการให้มีความชัดเจนเกี่ยวกับกระบวนการกู้ว่าถูกต้องตามกฎหมาย จึงขอให้ศาลตัดสินแล้วจะดำเนินการตามคำสั่งศาล” อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย