ภูมิภาค 8 ม.ค.-ประชาชนทั่วประเทศเริ่มทยอยได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ส่วนเขื่อนเจ้าพระยาเริ่มระบายน้ำเพิ่มเพื่อผลักดันน้ำเค็มในพื้นที่เมืองหลวงและลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง ด้าน จ.อ่างทอง ข้าวโพดยืนต้นแห้งตาย
วันนี้สำนักงานชลประทานที่ 12 จังหวัดชัยนาท ได้เพิ่มการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา จาก 85 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็น 100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อช่วยผลักดันน้ำเค็มในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ช่วงที่น้ำทะเลหนุนสูง ระหว่างวันที่ 8-10 มกราคม และขอให้ประชาชนด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ตั้งแต่จังหวัดชัยนาท ไปจนถึงจังหวัดปทุมธานี งดสูบน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาไปใช้เพื่อการเกษตร ทั้งนี้ ยังไม่มีผลกระทบกับปริมาณน้ำเหนือเขื่อน ยังสามารถส่งน้ำเข้าระบบชลประทานทั้งสองฝั่งเจ้าพระยาได้ ไม่กระทบกับน้ำอุปโภคบริโภคในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา แม้ปริมาณน้ำเหนือเขื่อนมีน้อยและมีแนวโน้มลดลง
ที่จังหวัดอ่างทองแล้งหนักกระทบ แม้เป็นพืชใช้น้ำน้อย เกษตรกรต้องเร่งหาแหล่งน้ำช่วยเหลือหล่อเลี้ยงแปลงข้าวโพดหลังยืนต้นตาย สภาพคลองชลประทานในพื้นที่ตำบลอินทประมูล อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง อยู่ในสภาพน้ำแห้งติดก้นคลองมานานกว่า 1 เดือน เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดต้องนำเครื่องมือลงไปขุดร่องเปิดทางเดินน้ำที่ยังคงพอมีหลงเหลือจากที่ชาวนาเร่งสูบน้ำเข้านาปรัง จนน้ำเหลือในคลองเพียงเล็กน้อย เพื่อที่จะใช้เครื่องสูบน้ำขนาดเล็กดึงน้ำไปหล่อเลี้ยงแปลงข้าวโพดที่ใกล้ยืนต้นตาย แม้เป็นพืชที่ใช้น้ำน้อยแต่ต้องมีน้ำหล่อเลี้ยง
ส่วนจังหวัดอุตรดิตถ์ พบว่าแหล่งน้ำทั้งธรรมชาติและแหล่งเก็บกักน้ำฝนใช้ในการผลิตน้ำประปาและการเกษตร แห้งขอด ดินแตกระแหง ประชาชนเริ่มได้รับผลกระทบ จึงประกาศให้เป็นพื้นที่ภัยพิบัติแล้ง 7 อำเภอ 33 ตำบล 198 หมู่บ้าน มีประชาชนขาดแคลนน้ำเกือบ 10,000 ครัวเรือน รวมทั้งประกาศงดส่งน้ำทำนาปรัง เนื่องจากปริมาณน้ำในเขื่อนสิริกิติ์มีไม่เพียงเพียงพอ
อ่างเก็บน้ำลำเชียงไกรตอนล่าง อ่างเก็บน้ำขนาดกลางในอำเภอโนนไทย จังหวัดนครราชสีมา น้ำแห้งขอด เหลือติดก้นอ่างเล็กน้อย ประตูระบายน้ำปิดสนิทสิ้นเชิง น้ำก้นอ่างวัดปริมาตรน้ำได้แค่ 900,000 ลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 3 ของความจุ น้ำใช้การวัดได้ 0 ลูกบาศก์เมตร น้ำเป็นตะกอนหนาใช้การไม่ได้ ต้องระงับการสูบไปใช้ สภาพแล้งรุนแรงสุดในรอบ 10 ปี
อ่างเก็บน้ำห้วยตลาด แหล่งน้ำดิบผลิตประปาหล่อเลี้ยงเมืองบุรีรัมย์ ประปาหมู่บ้าน และใช้เพื่อการเกษตร มีสภาพตื้นเขินในรอบ 60 ปี บางจุดแห้งขอดจนเห็นเนินดินและตอไม้โผล่กลางอ่าง กระทบการผลิตน้ำประปาและชาวบ้านที่มีอาชีพประมง ปัจจุบันเหลือน้ำในอ่างเพียงประมาณ 2 ล้านลูกบาศก์เมตร จากปริมาณความจุอ่างกว่า 27 ล้านลูกบาศก์เมตร ทางจังหวัดประกาศให้งดทำนาปรัง และขอความร่วมมือให้ชวยกันใช้น้ำอย่างประหยัด
ส่วนทางภาคใต้ นาข้าวที่เห็นกำลังตั้งท้องออกรวงแบบนี้ แต่จริงๆ แล้วเริ่มเหี่ยวแห้งกินพื้นที่กว่า 1,000 ไร่ ในตำบลคลองรี อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา เนื่องจากประสบปัญหาฝนทิ้งช่วง ไม่มีน้ำเข้านา หากไม่มีฝนตกลงมา หรือทางการไม่ช่วยสูบน้ำเข้านาภายในเดือนนี้ นาข้าวจะเสียหาย เพราะไม่มีแหล่งน้ำสำหรับสูบเข้านา โดยเฉพาะชาวนาหมู่ 3 ตำบลคลองรี ทำการเกษตรโดยอาศัยน้ำฝนเพียงอย่างเดียว แหล่งน้ำธรรมชาติจากคลองอาทิตย์ และทะเลสาบสงขลาอยู่ห่างไปกว่า 2 กิโลเมตร.-สำนักข่าวไทย