สธ.7 ม.ค.-กระทรวงสาธารณสุข เตรียมพร้อมสถานพยาบาล มาตรการรับมือภัยแล้ง สำรองน้ำ จัดทำแผนประหยัดน้ำ ให้มีน้ำเพียงพอบริการประชาชน รวมถึงเฝ้าระวังคุณภาพน้ำ
วันนี้ (7ม.ค.)ที่สำนักงานปลัดกระทรวงธารณสุข จ.นนทบุรี นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (รมช.สธ.) มอบหมายให้นายเรวัต อารีรอบ ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธานแถลงข่าว “สธ.พร้อมให้บริการประชาชนช่วงภัยแล้งและน้ำประปาเค็ม” โดยมี พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ร่วมแถลง
นายเรวัต กล่าวว่า รัฐบาลมีความห่วงใยประชาชนจากผลกระทบภัยแล้ง กระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมมาตรการรับมือตั้งแต่ก่อนเกิดภัยแล้ง โดย ให้สถานพยาบาลสำรวจถังสำรองน้ำ แหล่งน้ำสำรองในพื้นที่ จัดทำมาตรการประหยัดน้ำ เพื่อให้มีน้ำเพียงพอให้บริการประชาชน เบื้องต้นได้รับข้อมูลจาก 49 จังหวัด โรงพยาบาล 310 แห่ง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล 359 แห่ง อาจมีน้ำไม่เพียงพอ 8 แห่ง ซึ่งได้ดำเนินการสำรองน้ำอุปโภคบริโภค พร้อมประสานขอสนับสนุนจากหน่วยงานในพื้นที่และเตรียมการจัดซื้อน้ำ
สำหรับการรับมือเมื่อเข้าสู่ระยะภัยแล้ง ให้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาสาธารณภัย ด้านการแพทย์และการสาธารณสุขในทุกระดับ (กระทรวง กรม เขตสุขภาพ จังหวัด) เชื่อมโยงกับศูนย์บรรเทาและป้องกันปัญหาภัยแล้งระดับชาติ จังหวัด และอำเภอ พร้อมขอความร่วมมือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเฝ้าระวังคุณภาพน้ำไม่ให้กระทบต่อการอุปโภคบริโภคในสถานบริการ โดยมอบกรมอนามัยเตรียมสนับสนุนเวชภัณฑ์สำหรับการปรับปรุงสภาพน้ำ
ทั้งนี้ ในช่วงภัยแล้งประชาชนควรล้างภาชนะเก็บกักน้ำให้สะอาด และสำรองเก็บน้ำไว้ให้เพียงพอ เลือกดื่มน้ำบรรจุขวดต้องมีเครื่องหมาย อย.รับรอง หากน้ำไม่สะอาดควรปรับปรุงคุณภาพน้ำก่อน โดยการต้ม กรอง ส่วนกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก ควรดื่มน้ำครั้งละมากๆ และจิบน้ำเกลือแร่โอ อาร์ เอส (ORS) เมื่อร่างกายมีภาวะขาดน้ำ
สำหรับกรณีน้ำประปาเค็ม กระทรวงสาธารณสุข ขอแนะนำประชาชนอย่าตื่นตระหนก เพราะความเค็มจากน้ำประปา อาจเพิ่มโซเดียมเข้าสู่ร่างกายต่อวันในปริมาณเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ โดยปกติเรามีโอกาสรับโซเดียมจากอาหารที่มีรสเค็มอื่น ๆ มากกว่า เช่น ขนมกรุบกรอบ มันฝรั่งทอด การเติมน้ำปลา ซอสปรุงรส ผงปรุงรสในอาหาร สำหรับกลุ่มเสี่ยงเช่นผู้ป่วยโรคไต ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจอาจต้องใส่ใจเป็นพิเศษ
ทางด้าน พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า องค์การอนามัยโลก(WHO) ได้กำหนดค่าแนะนำเพื่อความน่าดื่มและการยอมรับของผู้บริโภคไว้คือ ในน้ำประปาควรมีโซเดียมไม่เกิน 200 มิลลิกรัมต่อลิตร และคลอไรด์ไม่เกิน 250 มิลลิกรัมต่อลิตร แต่ถ้าเจือปนในน้ำมากเกินไปจะทำให้น้ำมีรสกร่อยถึงเค็มได้ โดยคนทั่วไปควรรับโซเดียมเข้าสู่ร่างกายไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งน้ำประปามีโซเดียมประมาณ 100–150 มิลลิกรัมต่อลิตร จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะดื่มน้ำประปาจนได้รับโซเดียมเกินกว่าที่กำหนด อย่างไรก็ตามขอแนะนำว่าการดื่มน้ำกร่อยอาจได้รับโซเดียมเพิ่มกว่าปกติเล็กน้อย ควรลดการบริโภคอาหารที่ปรุงรสเค็ม เช่น เกลือ น้ำปลา ซีอิ้ว ซอสปรุงรส ผงปรุงรส หรือขนมกรุบกรอบ
สำหรับผู้ป่วยโรคไตที่รับบริการฟอกไตที่ รพ.ไม่ต้องกังวล เนื่องจากทุกแห่งมีระบบการกรองแบบReverse Osmosis (RO) ที่ได้มาตรฐานและมีประสิทธิภาพและปลอดภัย นอกจากนี้ช่วงภัยแล้งขอให้ประชาชนระมัด ระวังเรื่องอาหารและน้ำดื่ม เพื่อป้องกันโรคที่พบบ่อย อาทิ โรคอุจจาระร่วง อาหารเป็นพิษ ไวรัสตับอักเสบ เอ ไข้หวัดหน้าร้อน โรคผิวหนัง กลาก เกลื้อน ผดร้อน เครียด และลมแดด (Heat stroke) ยึดหลักกินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ .-สำนักข่าวไทย