สุราษฎร์ธานี 27 ธ.ค. – วัยรุ่นนักเที่ยวเปิดฉากดวลปืนสนั่นหน้าผับดังกลางเมืองสุราษฎร์ธานี บาดเจ็บ 1 คน และยังตามไปที่โรงพยาบาลอีก ตำรวจสกัดไว้ทัน
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 03.20 น. วันนี้ (27 ธ.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทักษิณ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเอกชนในตัวเมืองสุราษฎร์ธานี ว่ามีผู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บเข้ามารักษาตัว และมีกลุ่มวัยรุ่นคู่อริติดตามมาจะก่อเหตุภายในโรงพยาบาล ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งมาดูแลป้องกันเหตุ ต่อมาตำรวจสายตรวจที่อยู่ใกล้เข้าระงับเหตุ เมื่อกลุ่มวัยรุ่นเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้แยกย้ายกันหลบหนี
จากการสอบถามนายปณวัฒน์ น้อยโพธิ์งาม อายุ 20 ปี ผู้บาดเจ็บที่ถูกยิงบริเวณลำตัวด้านซ้าย บอกว่า เหตุเกิดบริเวณลานจอดรถหน้าผับชื่อดัง ในเขตเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี
พนักงานสอบสวนจึงเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบรถยนต์ 2 คัน ซึ่งจอดอยู่ในลานจอดรถ ถูกลูกหลงกระสุนปืนได้รับความเสียหาย โดยคันที่ 1 เป็นรถกระบะ ยี่ห้อเชฟโรเลต สีม่วง หมายเลขทะเบียน ผจ 1364 สุราษฎร์ธานี ถูกกระสุนปืน 2 นัด บริเวณกระจกด้านข้าง และตัวเก๋งด้านล่าง ส่วนคันที่ 2 เป็นรถกระบะโตโยต้า 4 ประตู สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน กล 6057 นครศรีธรรมราช ถูกกระสุนปืนที่แก้มรถด้านซ้าย 2 แห่ง ใกล้กับรถโตโยต้า พบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. ที่ยิงแล้ว 4 ปลอก และพบหัวกระสุนปืนในที่เกิดเหตุ 4 หัว
จากการสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ ทราบว่า มีกลุ่มวัยรุ่น 2 กลุ่ม เข้ามาเที่ยวในผับดังกล่าว จากนั้นเกิดเขม่นกัน เมื่อผับเลิกก็มาเปิดฉากชกต่อยกันบริเวณลานจอดรถ ข้างรถกระบะโตโยต้า โดยคู่กรณีได้ชักปืนยิงใส่กันจำนวนหลายนัด จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ
เบื้องต้นทราบว่า กลุ่มผู้บาดเจ็บเป็นกลุ่มวัยรุ่นมาจาก อ.พุนพิน จำนวน 10 คน ส่วนคู่กรณีเป็นวัยรุ่นจาก อ.กาญจนดิษฐ์ จำนวนพอๆ กัน ตอนชกต่อยการ์ดได้เข้าห้ามปราม เมื่อฝ่ายผู้บาดเจ็บเดินมาที่ลานจอดรถอีกด้านหนึ่ง คู่กรณียังเดินตามมา และเกิดการชกต่อยกันขึ้นอีก ก่อนที่คู่กรณีจะชักปืนขนาด 9 มม. ยิงใส่นายปณวัฒน์ ผู้บาดเจ็บ นายปณวัฒน์ จึงได้ชักปืนลูกโม่ขนาด .38 ยิงใส่คู่กรณี และเปิดฉากดวลปืนกัน ก่อนแยกย้ายกันหลบหนี
ต่อมาเจ้าหน้าที่ทราบว่า คู่กรณีผู้ใช้ปืนขนาด 9 มม. ชื่อนายสันติ ผดุงวงศ์ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป ส่วนนายปณวัฒน์ ผู้บาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบหาเขม่าดินปืน เพื่อเป็นหลักฐานดำเนินคดีต่อไป. – สำนักข่าวไทย