ออกหมายจับวัยรุ่นยิงกันหน้าร้านข้าวมันไก่ดับ 2 ศพ

นครปฐม 26 ธ.ค.-วัยรุ่น 2 กลุ่มเขม่นกัน ก่อนควักปืนยิงในร้านข้าวมันไก่กลางเมืองนครปฐม โดนเพื่อนตัวเอง-คู่อริ ดับ 2 ศพ  ตำรวจขอศาลอนุมัติหมายจับผู้ก่อเหตุแล้ว


ภาพจากวงจรปิดขณะเกิดแหตุ บริเวณหน้าร้านข้าวมันไก่ป้าจ้า ตั้งอยู่ในซอยจันทราคามพิทักษ์ อ.เมือง จ.นครปฐม  จับภาพกลุ่มวัยรุ่น 2 กลุ่ม ก่อเหตุทะเลาะวิวาทกัน  ก่อนที่หนึ่งในกลุ่มวัยรุ่น จะชักปืนออกมายิงหลายนัด  และเป็นจังหวะที่คู่อริใช้ร่างกายของเพื่อนในกลุ่มเดียวกับผู้ที่มีปืนมาบังไว้ ทำให้ยิงถูกเพื่อนในกลุ่มของตัวเองเนื่องจากถูกกลุ่มคู่อริถูกล้มลง จากนั้นก็มีการชุลมุนกันขึ้น ก่อนอีกฝ่ายจะแยกย้ายกันหลบหนี ขณะที่คนยิงก็พยายามพาเพื่อนไปโรงพยาบาล แต่ก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา


สอบสวนทราบว่า  ก่อนเกิดเหตุมีกลุ่มวัยรุ่น  2 กลุ่ม คือกลุ่มบ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร  จำนวน 3 คน ได้แก่ นายกรวิชญ์ ประทีปทอง อายุ 23 ปี (ผู้ตาย) นายสรายุทธ สุดใจ และ นายทศพร ไม่ทราบนามสกุล (กำลังหลบหนี) ชวนกันมาเที่ยวที่สถานบันเทิงในเขตเทศบาลนครนครปฐม หลังจากเที่ยวกันเสร็จได้ชักชวนกันมานั่งกินข้าวที่ร้านข้าวมันไก่ป้าจ๋า 

ขณะที่นั่งกินข้าวในร้านเกิดเขม่นกันกับวงัยรุ่นกลุ่มบางแขมของ นายปิยะพงษ์ เชียงกา อายุ 29 ปี (ผู้ตาย) นายศราวุทธ กระดังงา อายุ 20 ปี ที่ถูกควบคุมตัว และนายณัฐฐพล รัศมีเกตุการโชติ อายุ 22 ปี  (ผู้บาดเจ็บ) และมีปากเสียงกันในร้านจนกลุ่มบ้านแพ้วตะโกนให้ของลับก่อน

หลังจากกินข้าวเสร็จ กลุ่มบางแขม ได้มายืนรอกลุ่มบ้านแพ้วอยู่หน้าร้าน จึงเกิดเหตุชุลมุนวุ่นวายชกต่อยกัน ขณะนั้นนายสรายุทธ มือปืน ชักอาวุธปืนจะยิงนายปิยะพงษ์ แต่กลับถูก นายกรวิชญ์ กลุ่มเพื่อนที่มาด้วยกัน เนื่องจากถูกนายปิยะพงษ์ ล็อกตัวไว้ ทำให้กระสุนปืนเข้าหน้าหน้าอกนายกรวิชญ์  ทำให้ฟุบลงกับพื้นบาดเจ็บสาหัส จากนั้นนายปิยะพงษ์ พยายามวิ่งหนี แต่นายสรายุทธ ยิงปืนไล่ใส่ทำให้กระสุนเข้าลำตัวของนายปิยะพงษ์ 3 นัดล้มลง ทั้งสองฝ่ายได้แยกย้ายกันหลบหนี


ทั้งหมดถูกนำส่งโรงพยาบาล  และเสียชีวิตในเวลาต่อมาจำนวน 2 คน คือ นายกรวิชญ์ ถูกยิงที่หน้าอกซ้าย 1 นัด และนายปิยะพงษ์ ถูกยิงที่หน้าอก 1 นัด หัวไหล่ 2 นัด ส่วนนายณัฐฐพล ถูกยิงที่ไหล่ขวา  ขณะแพทย์กำลังให้การช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ วัยรุ่นที่ก่อเหตุทะเลาะวิวาทกัน ตามไปดูเพื่อนที่โรงพยาบาล พยายามจะเข้าไปก่อเหตุซ้ำ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องนำตัวออกมาด้านนอก เพื่อสงบสติอารมณ์ พร้อมขู่ว่า หกาไม่หยุด จะต้องเอาตัวไปขังชั่วคราว

ล่าสุด พ.ต.อ.ไพบูรณ์ แพรศรีนวล ผกก.สภ.เมืองนครปฐม เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุ ชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่รวบรวมพยานหลักฐาน หาข้อมูลในเชิงลึก ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ทราบว่าผู้ก่อเหตุชื่อนายโอ๊ด หรือนายสรายุทธ สุขใจ ขณะนี้ได้รวบรวมหลักฐานทั้งหมด ขอศาลอนุมัติหมายจับแล้ว ส่วนหนึ่งก็ได้เชิญแม่ของมือปืนเข้ามาพูดคุยด้วย ให้ช่วยเจรจากับลูกชาย เจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ได้ต้องออกหมายจับ  ส่วนนายศราวุทธ กระดังงา ที่ควบคุมตัวได้ในที่เกิดเหตุ สอบสวนเจ้าตัวให้การปฏิเสธ อ้างมาหาเพื่อนในกลุ่ม แต่ไม่ได้ร่วมก่อเหตุด้วย เจ้าหน้าที่จึงต้องปล่อยตัวกลับไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง