ราชบุรี 23 ธ.ค.- ขอแจงบ้าง! กู้ภัยมูลนิธิสว่างราชบุรียืนยันใช้อุปกรณ์ปฐมพยาบาลได้มาตรฐาน สะอาด ปลอดภัย จัดซื้อเป็นล็อต บางส่วนได้รับอนุเคราะห์ รพ.สต. หลังถูก “ทวี ไกรคุปต์” พาดพิงทำแผลให้เยาวชน 16 ปี คู่กรณีที่ตัวเองเฉี่ยวชนสี่แยกโพธาราม ส่วนเจ้าของคลิปย้ำไม่ได้ตัดต่อ ถ่ายไว้เป็นหลักฐานตั้งแต่รู้เกิดเหตุ และไม่ได้ลงโพสต์ในโซเชียล
เมื่อเวลา 11.00 น. (23 ธ.ค.) ที่ทำการหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างราชบุรี หมู่ 2 ต.บ้านเลือก อ.โพธาราม จ.ราชบุรี เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ชี้แจงข้อเท็จจริงผ่านสื่อมวลชนกรณีนายทวี ไกรคุปต์ อดีตนักการเมืองดังราชบุรี พูดพาดพิงขณะแถลงถึงเหตุการณ์เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่นายทวี ขับรถเบนซ์ไปทำธุระแล้วเกิดเฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์บริเวณแยกสะพานข้ามคลองชลประทาน ถนนสายโรงพยาบาลโพธาราม–บ้านฆ้อง อ.โพธาราม ทำให้เยาวชนคนขับบาดเจ็บว่า อุปกรณ์ปฐมพยาบาลที่กู้ภัยใช้ทำแผลให้ผู้บาดเจ็บไม่สะอาดนั้น
นายวิไล วงศ์ประเสริฐ ผู้จัดการหน่วยกู้ภัยสว่างราชบุรี กล่าวว่า เมื่อออกปฏิบัติหน้าที่ในการช่วยเหลือเหตุจะเน้นเป็นพิเศษเรื่องการใช้เครื่องมือหรือเวชภัณฑ์ และยืนยันว่าเป็นของใหม่ทั้งหมด ไม่มีของเก่าหรือนำกลับมาใช้อีก ซึ่งเป็นเครื่องมืออุปกรณ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้นบรรจุในหีบห่ออย่างดี มีการจัดซื้อมาจากห้างร้านที่ส่งโรงพยาบาลโดยเฉพาะ ไม่ได้ซื้อตามร้านทั่วไป สั่งมาแต่ละครั้งเป็นคันรถ บางครั้งยังได้รับความอนุเคราะห์จากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต. ) หรือห้องฉุกเฉินจากโรงพยาบาล
“พี่น้องกู้ภัยส่วนมากที่ใช้กันจะเป็นอย่างนี้ทั้งหมด ไม่มีใครนำของที่ใช้แล้วเอากลับมาใช้อีกแน่นอน ขอความเป็นธรรมให้กับทางมูลนิธิด้วย ส่วนอาสาที่นำไปใช้หมดก็มาเบิกได้ จะมีของอยู่ที่สำนักงาน เช่น น้ำเกลือ ผ้าก๊อต ทุกอย่างเบิกได้ ถ้าหมดตามสถานพยาบาลเองให้ไปขอ ยินดีให้ความร่วมมือเต็มที่”
นายวิไล ย้ำอีกว่า การเก็บอุปกรณ์จัดไว้ในตู้กระจากยาปราศจากฝุ่น และกระเป๋าเครื่องมือจะมีแยกประเภทไว้ชัดเจน นอกจากนี้ก็มีการอบรมเป็นระยะให้กับเจ้าหน้าที่กู้ภัยก่อนออกปฏิบัติหน้าที่
ด้านนายตฤณภัทร เก่งนำชัยตระกูล หัวหน้าฝ่ายกู้ชีพสว่างราชบุรี เสริมว่า อุปกรณ์เป็นของใหม่ และทำความสะอาดฆ่าเชื้อทุกครั้ง ยืนยันว่าอุปกรณ์สะอาดแน่นอน ไม่ได้สกปรกตามที่ถูกพาดพิง
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ส่วนกรณีนายทวี เชื่อว่าคลิปเหตุการณ์ถูกตัดต่อนั้น เจ้าของคลิปเป็นเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ชี้แจงว่าถ่ายภาพไว้ตั้งแต่รู้ว่าเกิดเหตุ ช่วงนั้นยังไม่รู้ว่ารถเบนซ์อยู่ไหน แต่มารู้จากพลเมืองดีแจ้งว่าได้ขับรถตามไป เพื่อคนขับรถเบนซ์มาดูผู้บาดเจ็บ จึงเริ่มถ่ายคลิปวิดีโอไว้ตอนนั้น เพื่อถ่ายไว้เป็นหลักฐานส่งมูลนิธิฯ และตำรวจ ยืนยันอีกครั้งว่าไม่ได้ตัดต่อคลิปแต่อย่างใด ความจริงก็คือในคลิป และก็ไม่ได้นำคลิปไปโพสต์ในโซเชียล.-สำนักข่าวไทย