กทม. 26 พ.ย.-“ทนายอนันต์ชัย” เปิดหลักฐานโต้ลูกสาวอาม่าฮวย พบมีการโยกเงินเข้าบัญชีส่วนตัวที่เปิดใหม่กว่า 111 ล้านบาท และอาม่าไม่เคยยินยอมให้เปลี่ยนวิธีเบิกเงินจากลายเซ็น เป็นปั๊มลายนิ้วมือ
นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ เปิดหลักฐานสำคัญตอบโต้นางมาวดี ศรีวิรัตน์ บุตรสาวนางฮวย ศรีวิรัตน์ หรือ อาม่าฮวย ทุกประเด็น เริ่มจากกรณีนางมาวดี ระบุว่า เงินในบัญชีธนาคารอาม่าฮวย มีแค่กว่า 100 ล้านบาท วงเงิน 350 ล้านบาทที่ฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นวงเงินที่สร้างขึ้นมา ประเด็นนนี้ ทนายอนันตชัย ระบุว่า อาม่าฮวยมีบัญชีเงินฝาก 2 บัญชี บัญชีแรกเป็นบัญชีออมทรัพย์ ธนาคารแห่งหนึ่ง มียอดเงินในบัญชี 101 ล้านบาท บัญชีที่ 2 เป็นบัญชีกระแสรายวัน มียอดเงิน 97 ล้านบาท และมีเงินกองทุนต่างๆ รวม 253 ล้านบาท ซึ่งจำนวนเงิน 350 ล้านบาท ที่อาม่าฮวยฟ้องต่อ ศาลจังหวัดพระโขนงเมื่อวันที่ 19 พฤศิจกายนที่ผ่านมา โดยฟ้องธนาคาร , พนักงานธนาคาร 4 คน และนางมาวดี ศรีวิรัตน์ บุตรสาว เป็นการฟ้องคดีผู้บริโภค โดยค่าเสียหาย 350 ล้านบาท อ้างอิงมาจากคดีอาญา ที่พนักงานอัยการฟ้องคดีต่อศาล โดยปรากฎหลักฐานการเบิกถอนเงินออกจากบัญชีของอาม่าฮวยกว่า 300 ครั้ง รวมเป็นเงิน 253 ล้านบาท การฟ้องคดีผู้บริโภคจึงคำนวนดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 นับตั้งวันที่มีการถอนเงินออกจากบัญชี ซึ่งทนายอนันตชัย ได้นำสำเอกสารเบิกถอนเงินธนาคารจากบัญชีอาม่า พร้อมระบุว่าเป็นหลักฐานเด็ดมาให้ดูด้วย พร้อมกล่าวว่า นี่เป็นแค่บางส่วน รวมทั้งเอกสารการถอนเงินแล้วนำไปซื้อกองทุนโดยใช้ชื่อตัวเองเพียงคนเดียว
การที่นางมาวดี ระบุว่า อาม่าฮวยมีเงินในบัญชี แค่ 100 กว่าล้าน จึงไม่เป็นความจริง พร้อมยืนยันว่า อาม่าฮวย ไม่มีความประสงค์ที่จะแบ่งเงินให้กับลูกๆคนละ 30 ล้าน และเก็บไว้เป็นกองทุนรักษาตัว 20 ล้าน ตามที่นางเมวดีกล่าวอ้างก็ไม่เป็นความจริง เนื่องจากอาม่าฮวย ยังมีชีวิต จึงไม่คิดทำพินัยกรรกมเพื่อแบ่งสมบัติ
ส่วนประเด็นการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการทำธุรกรรมจากการลงลายมือชื่อ หรือ ลายเซ็นเป็นลายนิ้วมือ ทนายอนันตชัย ชี้แจงว่าอาม่าฮวยไม่ยินยอมให้เปลี่ยนเงื่อนไข ยอมรับ ระหว่างการรักษาตัวที่รพ. ใช้การพิมพ์ลายนิ้วมือ เบิกถอนเงินจริง แต่หลังจากออกจาก รพ. อาการป่วยดีขึ้น สามารถกลับไปใช้ลายเซ็นได้ โดยมีหลักฐานการเซ็นเบิกถอนเงินหลายครั้ง อีกทั้งการทำธุรกรรมที่โรงพยาบาลโดยมี จนท.ธนาคาร 4 คน ไปดำเนินการ เข้าข่ายเป็นการทำผิดต่อหน้าที่ เนื่องจากอาม่าฮวยอยู่ในภาวะป่วยหนัก การดำเนินการทางธุรกรรม ผู้ป่วยต้องมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ และมีแพทย์ให้การรับรอง แต่ขณะนั้นมีการกระทำที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขดังกล่าว
นายอนันตไชย ระบุว่า จากหลักฐานที่ได้จากลูกความและธนาคาร พบว่า นางมาวดีมีการโยกเงิน จากบัญชีอาม่าฮวย ไปไว้บัญชีธนาคารที่เปิดขึ้นใหม่ โดยใช้เงื่อนไขการเบิกถอนเงิน ร่วมกันกับอาม่าฮวย เมื่อช่วงเดือน มค. ปี 2557 จากนั้นปี 58 พบว่ามีการเปิดบัญชีธนาคารย่านรามคำแหง และโยกเงินที่เปิดบัญชีร่วมกับมารดา เข้าบัญชีส่วนตัวหลายครั้ง รวมเป็นเงิน 111 ล้านบาท
นายอนันตไชย ระบุหากคู่กรณี จะฟ้องกลับตามที่แถลงข่าว ตนไม่กังวล เนื่องจากคดีนี้มีพยานหลักฐานชัดเจน ทนายอนันตไชย ระบุ ตนทำคดีให้เฉพาะคดีผู้บริโภคเท่านั้น ที่ฟ้องค่าเสียหาย 350 ล้านเท่านั้น ส่วนคดีอาญา ช่วยเร่งรัดพยานหลักฐาน จนนำไปสู่การฟ้องร้องเท่านั้น.-สำนักข่าวไทย