ตร.เผยคดีเงินวัดม่วงหายคืบหน้ามาก ยันไม่มีอาชญากรรมใดไม่ทิ้งร่องรอย

กรุงเทพฯ 8 ก.ค. – ผกก.สน.เพชรเกษม ระบุคดีเงินเจ้าอาวาสวัดม่วงล่องหน 10 ล้าน คืบหน้าไปมาก ยืนยันไม่มีอาชญากรรมใดที่ไม่ทิ้งร่องรอย ขอเวลาตำรวจทำงานอีกนิด ใกล้รู้เงินหายไปไหน ด้านชาวบ้านที่ศรัทธาเจ้าอาวาสบุกให้กำลังใจ


พ.ต.อ.ปราโมทย์ จันทร์บุญแก้ว ผกก.สน.เพชรเกษม พร้อมด้วยตัวแทนเจ้าหน้าที่จาก บก.ปปป. ป.ป.ท. และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้เดินข้ามสะพานจาก สน.เพชรเกษม ไปยังกุฏิเจ้าอาวาสวัดม่วง โดยระหว่างทาง พ.ต.อ.ปราโมทย์ บอกกับผู้สื่อข่าวสั้น ๆ เพียงแค่ว่า เป็นการมาตรวจสอบเอกสารรายรับรายจ่ายและที่มาทรัพย์สินของเจ้าอาวาส ส่วนรายละเอียดต้องรอให้ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ดำเนินการตรวจสอบเอกสารและชี้แจงอีกที

จากนั้นบรรดาคณะเจ้าหน้าที่ได้มาถึงที่กุฏิเจ้าอาวาส โดยพบว่า พระราชวัชรพัฒนาทร เจ้าอาวาสวัดม่วง ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ก่อนที่จะเดินออกจากกุฏิพร้อมพระเลขา เพื่อมาพูดคุยกับเจ้าหน้าที่อย่างละเอียด ที่ศาลาประดิษฐ์ กลีบบัว ซึ่งเป็นศาลาการเปรียญของวัด โดยระหว่างทางผู้สื่อข่าวได้กราบนมัสการสอบถามพระคุณเจ้าถึงรายละเอียดการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ในวันนี้ และความรู้สึกว่ามีความเครียดหรือกังวลหรือไม่ ปรากฏว่าพระคุณเจ้าโบกมือปฏิเสธที่จะตอบคำถามผู้สื่อข่าว


ขณะเดียวกัน พบว่ามีพระลูกวัดจำนวนหนึ่งและชาวบ้านในพื้นที่เดินทางเข้ามาหน้ากฏิเจ้าอาวาส เพื่อมาให้กำลังใจเจ้าอาวาส โดยคุณยายรายหนึ่ง อายุประมาณ 80 ปี เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า พวกตนเป็นชาวบ้านในพื้นที่และตั้งใจเดินทางมาให้กำลังใจเจ้าอาวาส เนื่องจากท่านมีวัฏฏะการปฏิบัติที่ดี ไม่เคยมีเรื่องเสื่อมเสีย โดยเฉพาะเรื่องสีกา

ส่วนเรื่องทรัพย์สิน เป็นเพราะท่านเป็นคนประหยัดมัธยัสถ์และเก็บเล็กประสมน้อย ไม่ค่อยใช้เงิน จึงทำให้ท่านมีเงินเก็บมาก และเงินของท่านก็นำไปก่อสร้างและบูรณปฏิสังขรณ์วัดให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองงดงาม โดยเฉพาะพระอุโบสถ ส่วนตัวมองว่า เป็นเรื่องปกติที่พระสงฆ์ในปัจจุบันจะมีทรัพย์สินเงินทองเก็บสะสมเป็นของส่วนตัว ไม่ใช่เรื่องแปลกในปัจจุบัน รวมทั้งมองว่าไม่ใช่เรื่องบาปด้วย เชื่อว่าที่ท่านซื้อทองอาจเป็นเพราะทองคำมีราคาสูง ท่านอาจซื้อเพื่อเก็บมูลค่าไว้และนำเงินมาทำนุบำรุงวัด จึงทำให้ตนมองว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นการกลั่นแกล้งมากกว่า โดยเฉพาะพระนิทัศน์ ซึ่งเป็นพระลูกวัด โดยคุณยายถึงกับสบถคำหยาบออกมา เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า พระนิทัศน์เป็นคนอย่างไร แต่คุณแม่ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลเรื่องความขัดแย้งระหว่างเจ้าอาวาสกับพระนิทัศน์ อ้างว่าตัวเองไม่รู้ เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่า แสดงว่ามีเรื่องการเมืองภายในวัดหรือไม่ คุณยายบอกว่า “ใช่”

จากนั้น พระราชวัชรพัฒนาทร เจ้าอาวาสวัดม่วง ได้เดินทางออกจากศาลาผ่านทางประตูหลัง เพื่อหลบเลี่ยงสื่อมวลชน หลังจากใช้เวลาพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ไม่นาน ซึ่งมีสื่อมวลชนบางส่วนได้พยายามวิ่งไปกราบสอบถามว่าให้ข้อมูลอย่างไรบ้าง เจ้าอาวาสพูดสั้น ๆ เพียงแค่ว่า “ให้ข้อมูลไปหมดแล้ว ให้รอดูในข่าว” เมื่อผู้สื่อข่าวกราบสอบถามว่า เจ้าอาวาสมีความรู้สึกเครียดหรือไม่ เจ้าอาวาสไม่ตอบอะไร ก่อนจะเดินกลับเข้ากุฏิไป แล้วหลังจากนั้นเจ้าอาวาสก็เดินกลับมาที่ศาลาอีกครั้ง เพื่อมาพูดคุยกับเจ้าหน้าที่


ด้าน พ.ต.อ.ปราโมทย์ จันทร์บุญแก้ว ผกก.สน.เพชรเกษม เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ทาง สน.เพชรเกษม ได้มาอำนวยความสะดวกให้กับเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงานที่มาตรวจสอบวัด เบื้องต้นทั้ง 3 หน่วยงานเข้ามาตรวจสอบบัญชีวัดและบัญชีส่วนตัวของเจ้าอาวาส เพื่อหาเส้นทางการเงินของวัดและของเจ้าอาวาส ซึ่งทางเจ้าอาวาสให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี โดยข้อมูลที่ทั้ง 3 หน่วยงานมาตรวจสอบวัดในวันนี้ ทางพนักงานสอบสวน สน.เพชรเกษม จะประสานขอข้อมูลไปวิเคราะห์ประกอบสำนวนคดีต่อไป

ส่วนหากพบความผิดปกติจะมีความผิดหรือไม่ เรื่องนี้ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ เนื่องจากบัญชีของวัดจะต้องเสนอไปยังสำนักพุทธฯ อยู่แล้ว

เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่า จะต้องตรวจค้นสถานที่ภายในวัดหรือไม่ พ.ต.อ.ปราโมทย์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบเรื่องนี้ ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับว่า ทั้ง 3 หน่วยงานจะดำเนินการตรวจสอบค้นภายในพื้นที่วัดหรือไม่

พ.ต.อ.ปราโมทย์ ยืนยันว่า คดีนี้ทางพนักงานสอบสวนได้เก็บข้อมูลทุกฝ่ายอย่างครบถ้วน ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการวิเคราะห์ข้อมูล ต้องให้เวลาตำรวจทำงานสักระยะ เพื่อที่ตำรวจจะทำความจริงให้กระจ่าง เนื่องจากเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของพี่น้องประชาชน พร้อมกล่าววลีเด็ดว่า “ไม่มีอาชญากรรมใดที่ไม่มีการทิ้งร่องรอยเอาไว้”, “ทุกคนที่เกี่ยวข้องสามารถเป็นผู้ต้องหาได้หมด” และ “กมฺมุนา วตฺตตีโลโก : สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา”

เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่า ที่ผ่านมาได้มีการร้องเรียนพฤติกรรมของพระภายในวัดหรือไม่ พ.ต.อ.ปราโมทย์ กล่าวว่า ไม่มี และที่ผ่านมาตำรวจ สน.เพชรเกษม ก็มีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยภายในวัดอยู่แล้ว หากพบความผิดปกติอะไรภายในวัด ทางตำรวจก็จะดำเนินการทันที สำหรับประเด็นที่ว่า ในวันเกิดเหตุที่ทางตำรวจได้เข้าไปตรวจค้นภายในกุฏิ พบสิ่งผิดกฎหมายอย่างอื่นหรือไม่ พ.ต.อ.ปราโมทย์ กล่าวว่า ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายอย่างอื่นแต่อย่างใด ส่วนเรื่องกล้องวงจรปิด เบื้องต้นพบว่ายังไม่สามารถกู้คืนได้ยาว แต่ทางตำรวจจะพยายามตรวจสอบและไล่ให้ครบทุกมิติ

ส่วนประเด็นที่มีการกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับบ่อนพนัน พ.ต.อ.ปราโมทย์ กล่าวว่า ประเด็นนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง คาดว่าน่าจะเป็นการสร้างประเด็นขึ้นมา และในท้องที่ไม่มีสิ่งผิดกฎหมายอยู่แล้ว.-415-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ. เผยเลื่อนคุย ‘ทหารไทย-กัมพูชา’ ไม่มีกำหนด

29 ก.ค.- โฆษกทบ. เผยเลื่อนคุย ‘ทหารไทย-กัมพูชา’ ไม่มีกำหนด ยังนัดหมายพบปะกันไม่ได้ แต่พยายามอยู่ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พื้นที่กองทัพภาคที่ 2 โดยฝ่ายไทย พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาค1 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 และฝ่ายกัมพูชา พล.อ.โปว เฮง ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 4 และ พล.อ.แอก ซอมโอน ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 5 ทั้ง 2 ฝ่ายยังนัดหมายพบปะไม่ได้ เลื่อนไป ยังไม่มีระบุเวลา (เดิมเวลา 10.00 น.) แต่ยังพยายามอยู่ -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร​” ไม่แปลกใจ กัมพูชาไม่เป็นสุภาพบุรุษ

ทำเนียบ 29 ก.ค.- “แพทองธาร​” ไม่แปลกใจกับความไม่เป็นสุภาพบุรุษของ “กัมพูชา” หลังละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ชี้ต้องฟ้อง ปท. ที่เข้ามาเป็นพยานด้วย บอก​ จะถาม “ภูมิธรรม” ให้ ต้องออกแถลงการณ์โต้หรือไม่​ นางสาวแพทองธาร​ ชินวัตร​ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม​ กล่าวถึงกรณีกัมพูชาละเมิดข้อตกลง​หยุดยิง ว่า​ เมื่อสักครู่​ ได้อัปเดตกับทางทีมงาน​ มีการพูดคุยกันว่า​ ถ้าเป็นแบบนี้​ ก็ต้องมีการแจ้งให้ประเทศที่เข้ามาเป็นพยานได้ทราบด้วย​ ว่า​ เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น​ แต่ไม่แปลกใจกับความไม่เป็นสุภาพบุรุษอยู่แล้ว​ เมื่อถามว่ารัฐบาลจะต้องมีการออกแถลงการณ์อีกครั้งหรือไม่​ หลังจากกัมพูชาไม่หยุดยิง นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า เดี๋ยวอันนั้นจะสอบถามนายภูมิธรรม​ เวช​ย​ชัย​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี​.-315 -สำนักข่าวไทย

กองทัพไทยย้ำ! ใช้สิทธิป้องกันตนเองตามกฎหมายสากล

29 ก.ค.- กองทัพไทยย้ำ! ใช้สิทธิป้องกันตนเองตามกฎหมายสากล เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติและประชาชน หลังกัมพูชาจงใจละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ทำลายความเชื่อมั่นในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน ตามที่รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาได้ตกลงร่วมกันในการยุติการสู้รบทางทหารบริเวณแนวชายแดน โดยมีผลตั้งแต่เวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เพื่อเปิดทางสู่สันติภาพและความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้านนั้น วันที่ 29 กรกฎาคม 2568 พลตรี วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ระบุกองทัพไทย ได้รับการยืนยันว่า ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด หยุดยิงทุกพื้นที่ทันทีที่ถึงกำหนดเวลา โดยยึดมั่นในคำมั่นสัญญาที่รัฐบาลทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันให้ไว้ อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาหลังจากกำหนดหยุดยิง ฝ่ายกัมพูชายังคงใช้อาวุธยิงเข้ามาในเขตแดนของประเทศไทยอย่างต่อเนื่องในหลายจุด ถือเป็นการกระทำที่ จงใจละเมิดข้อตกลง และบ่อนทำลายความเชื่อมั่น ที่ควรมีต่อกันในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน กองทัพไทย ขอประณามพฤติกรรมดังกล่าวของฝ่ายกัมพูชา และขอยืนยันว่า ประเทศไทยมีความจำเป็นต้องใช้มาตรการโต้กลับ ภายใต้สิทธิในการป้องกันตนเองตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ไทยมิได้ใช้กำลังเพื่อรุกราน แต่เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ และความปลอดภัยของประชาชน “เมื่อเราหยุด แต่เขาไม่หยุด…โลกต้องได้รับรู้ว่า กัมพูชาคือผู้ละเมิดข้อตกลงอย่างต่อเนื่อง และเป็นฝ่ายที่ไม่เคารพกติกาสากล ไม่ยึดถือข้อตกลงระหว่างประเทศใด ๆ ที่ได้ประกาศไว้ในเวทีระดับโลก และเป็นภัยต่อความมั่นคงของภูมิภาคและของโลก” การยอมรับพฤติกรรมเช่นนี้ เท่ากับเปิดช่องให้ความอยุติธรรมกลายเป็นบรรทัดฐานในระบบระหว่างประเทศ […]

ทบ. ประณาม “กัมพูชา” ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

29 ก.ค.- ทบ. ประณาม “กัมพูชา”ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ขณะที่ไทยยึดมั่นพันธกรณีฯ อย่างเคร่งครัด แต่จำเป็นต้องปกป้องตัวเองตอบโต้อย่างเหมาะสม ขยับเวลาถกผู้นำหน่วยทหารในพื้นที่เป็น 10 โมงเช้า วันที่ 29 กค.68 เวลา 7.30 น. พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของฝ่ายกัมพูชาว่าตามที่รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันในการยุติการสู้รบทางทหารบริเวณแนวชายแดน โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดบรรยากาศแห่งความสงบ ลดความตึงเครียด และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้านนั้น กองทัพบกขอเรียนว่า ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างเคร่งครัด โดยได้ทำการหยุดยิง บริเวณพื้นที่แนวชายแดน ไทย-กัมพูชา ทันทีที่ถึงกำหนดเวลา ด้วยความตั้งใจจริง และยึดมั่นต่อพันธกรณีที่ได้ตกลงร่วมกันของรัฐบาลทั้งสองประเทศ แต่เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งเมื่อถึง กำหนดเวลาดังกล่าว ฝ่ายไทยยังคงตรวจพบว่าฝ่ายกัมพูชาได้มีการใช้อาวุธโจมตีเข้ามาในเขตแดนของประเทศไทยอยู่หลายจุด ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างจงใจ เจตนาทำลายระบบความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน กองทัพบกจึงขอประณามต่อการกระทำดังกล่าว ฝ่ายไทยจำเป็นจะต้องใช้มาตราการโต้กลับอย่างเหมาะสม ภายใต้สิทธิอันชอบธรรมในการป้องกันตนเอง ยืนยันฝ่ายไทยไม่ได้ใช้กำลังทหารเพื่อรุกราน แต่เพื่อป้องกันการรุกล้ำและรักษาอธิปไตยของชาติ ภายใต้กฎกติกาสากล พลตรีวินธัย ยังระบุว่า เบื้องต้น การพบปะผู้นำหน่วยทหารในพื้นที่ มีการขยับเวลา […]