กรุงเทพฯ 8 ก.ค. – ผกก.สน.เพชรเกษม ระบุคดีเงินเจ้าอาวาสวัดม่วงล่องหน 10 ล้าน คืบหน้าไปมาก ยืนยันไม่มีอาชญากรรมใดที่ไม่ทิ้งร่องรอย ขอเวลาตำรวจทำงานอีกนิด ใกล้รู้เงินหายไปไหน ด้านชาวบ้านที่ศรัทธาเจ้าอาวาสบุกให้กำลังใจ
พ.ต.อ.ปราโมทย์ จันทร์บุญแก้ว ผกก.สน.เพชรเกษม พร้อมด้วยตัวแทนเจ้าหน้าที่จาก บก.ปปป. ป.ป.ท. และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้เดินข้ามสะพานจาก สน.เพชรเกษม ไปยังกุฏิเจ้าอาวาสวัดม่วง โดยระหว่างทาง พ.ต.อ.ปราโมทย์ บอกกับผู้สื่อข่าวสั้น ๆ เพียงแค่ว่า เป็นการมาตรวจสอบเอกสารรายรับรายจ่ายและที่มาทรัพย์สินของเจ้าอาวาส ส่วนรายละเอียดต้องรอให้ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ดำเนินการตรวจสอบเอกสารและชี้แจงอีกที
จากนั้นบรรดาคณะเจ้าหน้าที่ได้มาถึงที่กุฏิเจ้าอาวาส โดยพบว่า พระราชวัชรพัฒนาทร เจ้าอาวาสวัดม่วง ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ก่อนที่จะเดินออกจากกุฏิพร้อมพระเลขา เพื่อมาพูดคุยกับเจ้าหน้าที่อย่างละเอียด ที่ศาลาประดิษฐ์ กลีบบัว ซึ่งเป็นศาลาการเปรียญของวัด โดยระหว่างทางผู้สื่อข่าวได้กราบนมัสการสอบถามพระคุณเจ้าถึงรายละเอียดการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ในวันนี้ และความรู้สึกว่ามีความเครียดหรือกังวลหรือไม่ ปรากฏว่าพระคุณเจ้าโบกมือปฏิเสธที่จะตอบคำถามผู้สื่อข่าว
ขณะเดียวกัน พบว่ามีพระลูกวัดจำนวนหนึ่งและชาวบ้านในพื้นที่เดินทางเข้ามาหน้ากฏิเจ้าอาวาส เพื่อมาให้กำลังใจเจ้าอาวาส โดยคุณยายรายหนึ่ง อายุประมาณ 80 ปี เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า พวกตนเป็นชาวบ้านในพื้นที่และตั้งใจเดินทางมาให้กำลังใจเจ้าอาวาส เนื่องจากท่านมีวัฏฏะการปฏิบัติที่ดี ไม่เคยมีเรื่องเสื่อมเสีย โดยเฉพาะเรื่องสีกา
ส่วนเรื่องทรัพย์สิน เป็นเพราะท่านเป็นคนประหยัดมัธยัสถ์และเก็บเล็กประสมน้อย ไม่ค่อยใช้เงิน จึงทำให้ท่านมีเงินเก็บมาก และเงินของท่านก็นำไปก่อสร้างและบูรณปฏิสังขรณ์วัดให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองงดงาม โดยเฉพาะพระอุโบสถ ส่วนตัวมองว่า เป็นเรื่องปกติที่พระสงฆ์ในปัจจุบันจะมีทรัพย์สินเงินทองเก็บสะสมเป็นของส่วนตัว ไม่ใช่เรื่องแปลกในปัจจุบัน รวมทั้งมองว่าไม่ใช่เรื่องบาปด้วย เชื่อว่าที่ท่านซื้อทองอาจเป็นเพราะทองคำมีราคาสูง ท่านอาจซื้อเพื่อเก็บมูลค่าไว้และนำเงินมาทำนุบำรุงวัด จึงทำให้ตนมองว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นการกลั่นแกล้งมากกว่า โดยเฉพาะพระนิทัศน์ ซึ่งเป็นพระลูกวัด โดยคุณยายถึงกับสบถคำหยาบออกมา เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า พระนิทัศน์เป็นคนอย่างไร แต่คุณแม่ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลเรื่องความขัดแย้งระหว่างเจ้าอาวาสกับพระนิทัศน์ อ้างว่าตัวเองไม่รู้ เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่า แสดงว่ามีเรื่องการเมืองภายในวัดหรือไม่ คุณยายบอกว่า “ใช่”
จากนั้น พระราชวัชรพัฒนาทร เจ้าอาวาสวัดม่วง ได้เดินทางออกจากศาลาผ่านทางประตูหลัง เพื่อหลบเลี่ยงสื่อมวลชน หลังจากใช้เวลาพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ไม่นาน ซึ่งมีสื่อมวลชนบางส่วนได้พยายามวิ่งไปกราบสอบถามว่าให้ข้อมูลอย่างไรบ้าง เจ้าอาวาสพูดสั้น ๆ เพียงแค่ว่า “ให้ข้อมูลไปหมดแล้ว ให้รอดูในข่าว” เมื่อผู้สื่อข่าวกราบสอบถามว่า เจ้าอาวาสมีความรู้สึกเครียดหรือไม่ เจ้าอาวาสไม่ตอบอะไร ก่อนจะเดินกลับเข้ากุฏิไป แล้วหลังจากนั้นเจ้าอาวาสก็เดินกลับมาที่ศาลาอีกครั้ง เพื่อมาพูดคุยกับเจ้าหน้าที่
ด้าน พ.ต.อ.ปราโมทย์ จันทร์บุญแก้ว ผกก.สน.เพชรเกษม เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ทาง สน.เพชรเกษม ได้มาอำนวยความสะดวกให้กับเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงานที่มาตรวจสอบวัด เบื้องต้นทั้ง 3 หน่วยงานเข้ามาตรวจสอบบัญชีวัดและบัญชีส่วนตัวของเจ้าอาวาส เพื่อหาเส้นทางการเงินของวัดและของเจ้าอาวาส ซึ่งทางเจ้าอาวาสให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี โดยข้อมูลที่ทั้ง 3 หน่วยงานมาตรวจสอบวัดในวันนี้ ทางพนักงานสอบสวน สน.เพชรเกษม จะประสานขอข้อมูลไปวิเคราะห์ประกอบสำนวนคดีต่อไป
ส่วนหากพบความผิดปกติจะมีความผิดหรือไม่ เรื่องนี้ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ เนื่องจากบัญชีของวัดจะต้องเสนอไปยังสำนักพุทธฯ อยู่แล้ว
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่า จะต้องตรวจค้นสถานที่ภายในวัดหรือไม่ พ.ต.อ.ปราโมทย์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบเรื่องนี้ ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับว่า ทั้ง 3 หน่วยงานจะดำเนินการตรวจสอบค้นภายในพื้นที่วัดหรือไม่
พ.ต.อ.ปราโมทย์ ยืนยันว่า คดีนี้ทางพนักงานสอบสวนได้เก็บข้อมูลทุกฝ่ายอย่างครบถ้วน ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการวิเคราะห์ข้อมูล ต้องให้เวลาตำรวจทำงานสักระยะ เพื่อที่ตำรวจจะทำความจริงให้กระจ่าง เนื่องจากเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของพี่น้องประชาชน พร้อมกล่าววลีเด็ดว่า “ไม่มีอาชญากรรมใดที่ไม่มีการทิ้งร่องรอยเอาไว้”, “ทุกคนที่เกี่ยวข้องสามารถเป็นผู้ต้องหาได้หมด” และ “กมฺมุนา วตฺตตีโลโก : สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา”
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่า ที่ผ่านมาได้มีการร้องเรียนพฤติกรรมของพระภายในวัดหรือไม่ พ.ต.อ.ปราโมทย์ กล่าวว่า ไม่มี และที่ผ่านมาตำรวจ สน.เพชรเกษม ก็มีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยภายในวัดอยู่แล้ว หากพบความผิดปกติอะไรภายในวัด ทางตำรวจก็จะดำเนินการทันที สำหรับประเด็นที่ว่า ในวันเกิดเหตุที่ทางตำรวจได้เข้าไปตรวจค้นภายในกุฏิ พบสิ่งผิดกฎหมายอย่างอื่นหรือไม่ พ.ต.อ.ปราโมทย์ กล่าวว่า ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายอย่างอื่นแต่อย่างใด ส่วนเรื่องกล้องวงจรปิด เบื้องต้นพบว่ายังไม่สามารถกู้คืนได้ยาว แต่ทางตำรวจจะพยายามตรวจสอบและไล่ให้ครบทุกมิติ
ส่วนประเด็นที่มีการกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับบ่อนพนัน พ.ต.อ.ปราโมทย์ กล่าวว่า ประเด็นนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง คาดว่าน่าจะเป็นการสร้างประเด็นขึ้นมา และในท้องที่ไม่มีสิ่งผิดกฎหมายอยู่แล้ว.-415-สำนักข่าวไทย