“ปารีณา” เดินทางมา ส.ป.ก. คาดยื่นหนังสือร้องเรียน

กรุงเทพฯ 26 พ.ย. – “ปารีณา” โผล่ ส.ป.ก. คาดส่งหนังสือชี้แจงการครอบครองที่ดินและร้องขอให้ ส.ป.ก. และกรมป่าไม้ตรวจสอบแนวเขตซ้ำ อ้างแผนที่อาจคลาดเคลื่อน ด้านอธิบดีกรมป่าไม้ระบุทราบเบื้องต้นว่า “ปารีณา” จะส่งหนังสือถึงแต่ยังไม่ได้รับ ยันไม่ส่งคณะทำงานตรวจสอบแนวเขตในพื้นที่แล้ว แต่หากมีหนังสือแย้งเรื่องแผนที่จะตรวจสอบรายละเอียดร่วมกับ ส.ป.ก. เพื่อให้ความเป็นธรรมตามขั้นตอน ชี้ดำเนินคดีแน่นอน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงเช้าวานนี้ (25 พ.ย.) น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ได้เดินทางไปสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) คาดว่าส่งหนังสือถึงนายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการ ส.ป.ก. เขตปฏิรูปที่ดินและเขตป่าสงวนแห่งชาติอีกครั้ง โดยอ้างว่าแผนที่ ส.ป.ก.และกรมป่าไม้ใช้ตรวจสอบแนวเขตมี 2 ฉบับ โดยมาตราส่วนต่างกันอาจทำให้ผลการตรวจสอบคลาดเคลื่อน ทั้งนี้ ยังไม่มีการชี้แจงใด ๆ จาก ส.ป.ก. ว่า จะดำเนินการอย่างไรกับ น.ส.ปารีณา ที่คณะทำงานของ ส.ป.ก.รังวัดพื้นที่แล้วพบว่า ฟาร์มไก่ “เขาสนฟาร์ม 1” อยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินประมาณ 691 ไร่ อีกทั้ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สั่งให้เลขาธิการ ส.ป.ก.แถลงรายละเอียดเรื่องนี้ให้เกิดความกระจ่างต่อสังคม

นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า ทราบข้อมูลเบื้องต้นว่า น.ส.ปารีณาจะทำหนังสือถึงกรมป่าไม้และ ส.ป.ก.ให้ตรวจสอบแนวเขตใหม่ แต่ยังไม่ได้รับหนังสือ หากมีหนังสือมาจริงจะให้ความเป็นธรรมแก่ น.ส.ปารีณา โดยมอบหมายให้คณะทำงานตรวจสอบแผนที่ร่วมกับ ส.ป.ก.อีกครั้ง เพื่อยืนยันความถูกต้องของการกำหนดแนวเขตพื้นที่ของแต่ละหน่วยงาน แต่ยืนยันว่าจะไม่เข้าไปรังวัดแนวเขตในพื้นที่ซ้ำเพราะตรวจสอบจากการนำชี้ของผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งใช้เครื่องวัดพิกัดดาวเทียมและแผนที่มาตรฐาน ยืนยันว่าใช้เวลาสั้น ๆ แล้ว เจ้าหน้าที่จะแจ้งความดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ และ พ.ร.บ. ป่าไม้แน่นอน เนื่องจากพบว่าฟาร์มไก่ “เขาสนฟาร์ม 2” อยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 31-0-12 ไร่ และอยู่ในพื้นที่ตาม พ.ร.บ. ป่าไม้ 15-2-36 รวม 46-2-48 ไร่ 

ทั้งนี้ ในวันนี้คณะทำงานของกรมป่าไม้จะขอเอกสารเพิ่มเติมจากปศุสัตว์จังหวัดราชบุรีเพื่อหาหลักฐานประกอบในการยืนยันว่าผู้ครอบครองฟาร์มไก่ ตั้งอยู่เลขที่ 109 หมู่ที่ 6 ตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรีนั้นเป็นชื่อใคร โดยจะขอดูการขึ้นทะเบียนฟาร์มหรือการออกใบรับรองมาตรฐานฟาร์ม นอกจากนี้ ยังต้องตรวจสอบกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นว่า การออกเลขที่บ้านให้นั้น ออกให้แก่ใคร ซึ่งใช้ประกอบการทำบันทึกแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป

มีรายงานว่าหนังสือที่ น.ส.ปารีณาทำถึงเลขาธิการ ส.ป.ก. และอธิบดีกรมป่าไม้มีใจความว่า “ขณะนี้ว่าดิฉัน น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ได้บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ป่าฝั่งซ้าย แม่น้ำภาชี ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี นั้น ขอชี้แจงว่า ดิฉันได้ครอบครองที่ดินบริเวณดังกล่าว โดยสุจริตและเปิดเผยเป็นเวลานับสิบปีแล้ว โดยมีลักษณะการทำประโยชน์เป็นฟาร์มเลี้ยงไก่ ไม่เคยมีเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานราชการใดตรวจสอบ หรือแจ้งว่าเป็นการกระทำผิด ทั้งนี้ จากการตรวจสอบตามที่ปรากฏเป็นข่าวอยู่บริเวณที่อาจอยู่นอกป่าสงวนแห่งชาติ โดยหลักฐานที่ดำเนินการเป็นแผนที่ท้ายกฎกระทรวงมีมาตราส่วน 1 ต่อ 400,000 และแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตปฏิรูปที่ดิน มีมาตราส่วน 1 ต่อ 100,000 จึงขอให้กรมป่าไม้และ ส.ป.ก.ตรวจสอบแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติและเขตปฏิรูปที่ดินโดยละเอียดรอบคอบก่อนการดำเนินคดีใด ๆ เนื่องจากบริเวณดังกล่าว นอกจากดิฉัน ยังมีราษฎรตำบลรางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ครอบครองที่ดินบริเวณดังกล่าวด้วย จะได้รับความเดือดร้อนจากการกระทำโดยยังไม่มีการตรวจสอบเขตที่ชัดเจน”

นายสรรเสริญ อัจจุตมานัส อดีตเลขาธิการ ส.ป.ก. กล่าวว่า การอ้างว่ามีราษฎรรายอื่นครอบครองที่ดินบริเวณนั้น ไม่สามารถรับฟังได้ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดิน แต่ ส.ป.ก.ยังไม่ได้นำเข้าสู่กระบวนการจัดสรรสิทธิ์ ผู้ที่ครอบครองถือว่ายึดถือครอบครองที่ดินของรัฐโดยมิชอบด้วยกฎหมาย สำหรับกรณี น.ส.ปารีณานั้น ส.ป.ก.สามารถดำเนินการได้ 2 แนวทาง คือ การให้ออกจากพื้นที่และฟ้องร้องทางแพ่ง อีกแนวทางหนึ่ง คือ หากครอบครองเกิน 500 ไร่ ทาง ส.ป.ก. ใช้คำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 36/2560 ตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญกำหนดเป็นพื้นที่เป้าหมาย แล้วยึดคืนเพื่อนำเข้าสู่กระบวนการจัดสรรสิทธิ์แก่ผู้มีคุณสมบัติต่อไป.-สำนักข่าวไทย