ธพส.เปิดประมูลวางเสาเข็มศูนย์ราชการฯ โซนซีวันนี้

สนามกอล์ฟบางพระ จ.ชลบุรี 25 พ.ย.- ธพส.เดินหน้าพัฒนาสนามกอล์ฟบางพระ รองรับนักลงทุนอีอีซี ยอมรับภาษีที่ดินฯ ฉบับใหม่กระทบต้นทุน  เปิดประมูลวางเสาเข็มศูนย์ราชการฯ โซนซีวันนี้  ขอปรับค่าเช่าจากส่วนราชการจากผลกระทบภาษีที่ดินฯ 


นายนาฬิกอติภัค แสงสนิท กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (ธพส.) กล่าวว่า ธพส.มีแผนพัฒนาสนามกอล์ฟบางพระ จ.ชลบุรี เพิ่มเติม ขณะนี้กรมธนารักษ์อยู่ระหว่างกำหนดเงื่อนไข เพื่อจัดการลงทุนแบบ  PPP ขณะนี้ยังไม่มีเอกชนรายใดสนใจยื่นประมูล คาดว่าเดือนเมษายน 2563 จัดทำแผนร่วมทุนสำเร็จ จากเดิมกำหนดเงื่อนไขต้องสร้างโรงแรมขนาดห้องพักเพิ่มอีก 100 ห้อง รวมเป็น 200 ห้อง สร้างห้องประชุมสัมมนารองรับผู้เข้าร่วมประชุมอีก 200 คน 

นายนาฬิกอติภัค กล่าวว่า ที่ผ่านมาที่ปรึกษาของกรมธนารักษ์มองว่าที่ดินแปลงนี้มีศักยภาพสูง เป็นธุรกิจไมซ์จัดการประชุมสัมมนา ซึ่งเป็นธุรกิจคนละแบบกับสนามกอล์ฟจึงขาดผู้สนใจ กรมธนารักษ์จึงต้องปรับปรุง  TOR ใหม่ ด้วยการตัดการสร้างห้องพักโรงแรมออก  เพื่อใช้พัฒนาเป็นห้องอเนกประสงค์อื่น และรองรับครอบครัวนักกอล์ฟ  รวมทั้งการลงทุนเพิ่มศักยภาพสนามกอล์ฟมากกว่า รวมทั้งต้องปรับปรุงห้องพัก และบรรยากาศและสนามกอล์ฟให้ดีขึ้น เพื่อดึงดูดนักกอล์ฟภาคตะวันออก ซึ่งเป็นชาวญี่ปุ่น เกาหลี หรือต่างชาติเข้ามาออกรอบในสนาม  


ทั้งนี้ ยอมรับว่าการเปิดประมูลครั้งที่ผ่านมามีเอกชนผู้สนใจซื้อซองประมูลเพียง 1 ราย  คือ เกาะล้านเพรสซิเดนท์  เมื่อกรมธนารักษ์กำหนด TOR ใหม่และตัดการสร้างห้องพักโรงแรมออกเหลือเพียงการบริหารสนามกอล์ฟบางพระอย่างเดียว คาดว่าจะมีผู้สนใจยื่นซองมากขึ้น ยอมรับว่าธุรกิจสนามกอล์ฟขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการต้นทุนและดูแลลูกค้า เช่น นักลงทุนชาวญี่ปุ่น นิยมซื้อสมาชิกที่สนามบางพระ ราคาเฉลี่ย 30,000-40,000 บาทต่อปี  แต่ปริมาณการมาใช้สิทธิ์ออกรอบเล่นกอล์ฟยังน้อยมาก เมื่อสนามบางพระ ต้องการใช้คอนเซปคงความเป็นสนามกอล์ฟมีตำนาน สำหรับลูกค้าญี่ปุ่น พร้อมการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวก และอยู่ใกล้อำเภอศรีราชา เป็นที่ตั้งนิคมอุตสหากรรมของชาวญี่ปุ่น และใกล้เมืองพัทยา  คาดว่าการพัฒนาศักยภาพของสนามกอลฟ์บางพระจัดให้เป็นสนามระดับ 4 ดาว  ส่วนโรงแรมที่พักระดับ 3.5 ดาว 

ส่วนความคืบหน้าแผนก่อสร้างโครงการก่อสร้างศูนย์ราชการแจ้งวัฒนาะ (โซนซี)  เนื้อที่ 81 ไร่เศษ มูลค่าการลงทุน 22,000 ล้านบาท ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2562 เข้าปรับพื้นที่ล้อมรั้วอยู่ระหว่างการจัดจ้างผู้รับจ้างก่อสร้างงานเสาเข็มเป็นไปตามแผน เดิมกำหนดตอกเสาเข็มเดือนตุลาคมที่ผ่านมาได้ปรับแผนการตอกเสาเข็มรองรับการสร้างที่จอดรถเพิ่มจาก 4,000 คัน เพิ่มเป็น 4,300 คัน และรองรับการเช่าของส่วนราชการ 12 หน่วยงาน  รวมทั้งยังต้องพัฒนาที่จอดรถรองรับ โซน A, B เพิ่มอีก 8,000 คัน จึงต้องเริ่มตอกเสาเข็มเดือนมกราคม 2563 ธพส.จึงเตรียมเปิดประมูลการตอกเสาเข็ม กำหนดราคาลดลงไปอีก 210 ล้านบาท จากราคากลาง 796 ล้านบาท เหลือ 500 กว่าล้านบาท สำหรับการสร้างอาคารโซนซีหลังใหม่ มูลค่า 20,000 ล้านบาท ส่วนเงินลงทุนเพิ่มอีก 2,000 ล้านบาท ใช้สำหรับปรับปรุงอาคาร A,B  ส่วนเหลือเป็นภาระดอกเบี้ย ค่าจ้างที่ปรึกษา เงินสำรอง รวมเป็น 30,000 ล้านบาท ระยะเวลา 4 ปี คาดว่าอาคารโซนซีการก่อสร้างเสร็จเดือนมิถุนายน 2566 เตรียมเปิดให้ส่วนราชการย้ายเข้าทำงานเดือนกันยายน 2566 ส่วนแหล่งที่มาของเงินทุนในการก่อสร้าง สำนักบริหารหนี้สาธารณะเป็นผู้ศึกษาแนวทางจัดหาแหล่งทุนเพื่อกู้เงินในระยะเวลา 4 ปี 

“เริ่มตอกเสาเข็ม ม.ค.ปีหน้า จากนั้นเริ่มงานพื้นฐาน ขณะนี้อยู่ระหว่างออกแบบอาคารโซนซีด้านทิศเหนือคาดว่าเสร็จปลายปีหน้า ส่วนแผนการระบายรถจากศูนย์ราชการฯ พร้อมหารือกับ  กทม.ตัดถนนเพิ่มเติมตามแผนแม่บทของศูนย์ราชการ โดยต้องตัดถนนเชื่อม Local Raod บริเวณประชาชื่น วิภาวดีฯ ด้าน ถนนประชาชนชื่น ต้องขยายจากถนนขนาด 2 ช่องจราจร เพิ่มเป็น 4 ช่องจราจร ใช้งบประมาณ 400 ล้านบาท ส่วนอีก 200 ล้านบาท ใช้ตัดถนนประชาชื่นตรงจุดแยกของการประปานครหลวง ส่วนด้านถนนวิภาวดี  มีถนนหมายเลข 8 ตัดออกอยู่ข้างถนนสถาวิจัยจุฬาภรณ์ ข้างคลองเปรม ซึ่งเปิดใช้งานแล้ว ที่เหลือต้องหารือกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เพื่อสร้างถนนข้ามทางรถไฟ เมื่อเสร็จจะเชื่อมกับถนนวิภาวดีฯ” นายนาฬิกอติภัค กล่าว


นอกจากนี้ ธพส.ยังมี Business Model หารายได้เพิ่ม โดยใช้โมเดลโครงการพหลโยธิน 11 เป็นต้นแบบ โดย ธพส.เช่าที่สร้างอาคารสำนักงาน 4 ชั้น คิดค่าใช้จ่ายกรมธนารักษ์เป็นคนเช่าต่อ และยังมีพื้นที่บริเวณอาคารสโมสร เนื้อที่เกือบไร่ของกรมสรรพสามิตส่งคืนให้กรมธนารักษ์ จึงให้ ธพส.เช่าที่แปลงดังกล่าว เพื่อก่อสร้างอาคารและปล่อยให้เช่า ซึ่งกรมสรรพสามิตโยกจากงบลงทุนเป็นงบทำการใช้งบทำการจ่ายเป็นงบค่าเช่า ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอแนวคิดการนำงบการก่อสร้างที่พักบุคลากรทางการแพทย์ทั่วประเทศกำหนดให้เป็นประจำทุกปี พร้อมให้เป็นงบลงทุนของ ธพส.สร้างอาคารที่พักอาศัยบุคลากรทางการแพทย์ในต่างจังหวัดนำเป็นข้อเสนอที่ดีมองว่าคุ้มทุนในการลงทุน

นายนาฬิกอติภัค กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อรัฐบาลต้องจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างปี 2563  ธพส.ยังเสียเปรียบรัฐวิสาหกิจอื่น เพราะใช้กฎหมายจัดตั้งเป็นบริษัทจำกัดเสียภาษีนิติบุคคลอีก 20% จึงต้องเสนอกระทรวงการคลังขอปรับค่าเช่าจากส่วนราชการ เนื่องจากมีภาระภาษีที่ดินฯ เพิ่มขึ้น 150 ล้านบาทต่อปี จากหน่วยงานผู้เช่า เช่น ศาลปกครองสูงสุด กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) สำนักงานอัยการสูงสุดบางส่วน สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)  สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) สำนักงานการตรวจการแผ่นดิน (สตง.) ที่เหลือเป็นหน่วยงานขนาดเล็ก โดยต้องปรับขึ้นค่าเช่าอาคารเอและบี และโซนซีขอปรับเพิ่มเช่นกันหลังจากสร้างเสร็จ จากเดิมไม่เสียภาษีโรงเรือน  สำหรับอาคารโซนซีราคาเพิ่ม 15.61 บาทต่อตารางเมตร  จะของบผูกพันระยะเวลา 30 ปี ขณะนี้ยังไม่จัดเก็บ เพราะยังไม่เริ่มก่อสร้าง ส่วนโซนเอและบีเพิ่มประมาณ 23 บาทต่อตารางเมตร เริ่มเก็บวันที่ 1 มกราคม 2563 รวมพื้นที่ใช้สอยกว่าล้านตารางเมตร  เตรียมเสนอกรมธนารักษ์และกระทรวงการคลัง เพื่อนำเสนอที่ประชุม ครม.พิจารณาในขั้นต่อไป 

สำหรับผลดำเนินงานในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา บริหารจัดการทรัพย์สินของรัฐตามนโยบายรัฐบาล ได้แก่ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 (โซนเอ โซนบี โซนซี และอาคารศาลปกครอง) สนามกอล์ฟบางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา จ.เชียงใหม่ นอกจากนี้ ธพส. ยังได้จัดกิจกรรมงานแสดงสินค้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้ ธพส.ประมาณการรายได้ปี 2562 ประมาณ 2,800 ล้านบาท กำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 290 ล้านบาท  

ส่วนแผนบริหารจัดการโครงการปี  2563  ธพส.เตรียมพัฒนาพื้นที่เพิ่มเติม ได้แก่ โครงการก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์หลังใหม่ของกรมสรรพสามิต โดยบอร์ด ธพส.มติเห็นชอบให้ดำเนินโครงการแล้ว ขณะนี้กำลังรอผลการพิจารณาอนุมัติจาก สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)  คาดว่าจะทราบผลความคืบหน้าในไตรมาสแรกของปี 2563.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

สภาถกงบฯ 69 วันแรก “พิชัย” แจงหั่นงบ 8,920 ล้าน

รัฐสภา 13 ส.ค. – ที่ประชุมสภาฯ เริ่มถกงบฯ 69 วันแรกแล้ว “พิชัย” แจงรายงาน กมธ. เหตุหั่นงบ 8,920 ล้านบาท เพราะไม่สอดคล้องภาาวะปัจจุบัน-การเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย ในการประชุมสภาฯ เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท วาระสอง ซึ่งกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ พิจารณาแล้วเสร็จเป็นวันแรก โดยมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ในฐานะประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2569 ว่า คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้พิจารณาร่างงบประมาณ 69 เรียบร้อยแล้ว โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ให้ความสำคัญกับการดำเนินภารกิจเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล ยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคแห่งชาติ เป้าหมายพัฒนาที่ยั่งยืน รวมทั้งแผนปฏิบัติราชการของกระทรวง โดยพิจารณาตามความจำเป็นและภารกิจของหน่วยรับงบประมาณ และแผนพัฒนาพื้นที่ตามความต้องการของประชาชน […]

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“มาริษ” เมินกัมพูชาร้องยูเอ็น เย้ยไม่มีการถกเรื่องนี้

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 13 ส.ค.- “มาริษ” เมินกัมพูชาร้องยูเอ็นอ้างไทยละเมิดข้อตกลงหยุดยิง เย้ยไม่มีการถกเรื่องนี้ เชื่อยูเอ็นเข้าใจ เผยคุยมิตรประเทศ บอก พฤติกรรมเขมรวางทุ่นระเบิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เร่งประชุมร่วมรัฐภาคี-หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมเก็บหลักฐานให้คณะทำงานดูข้อมูลจริงจากพื้นที่ ขอช่วยผลักดันเขมรร่วมวงเก็บกู้ทุ่นระเบิด-ทำตามอนุสัญญาออตตาวา นายมาริษ เสงี่ยมพงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชาส่งจดหมายร้องเลขาฯ UN และ UNSC อ้างไทยละเมิดอธิปไตยและข้อตกลงหยุดยิงว่า เป็นการกล่าวอ้าง ซึ่งตนยังไม่เห็นหลักฐานที่ชัดเจน ของกัมพูชาว่าเราละเมิดตรงไหน ในขณะที่ทางกัมพูชาเองใช้วิธีที่ไม่จริงใจต่อความพยายามในการแก้ไขปัญหา ตามกรอบข้อตกลงหยุดยิงที่ได้ทำร่วมกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการยั่วยุด้วยสงครามข่าวสาร ไม่ว่าจะเป็นการใช้ โอกาสในการมาฝังลูกระเบิดสังหารบุคคลในดินแดนของประเทศไทย ในขณะที่ประเทศไทยมีหลักฐานที่ชัดเจน ที่ชี้ให้เห็นว่ากัมพูชาไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาให้เป็นไปตามความตกลงหยุดยิงระหว่างกัน อย่างไรก็ตามการที่กัมพูชาส่งหนังสือไปถึงยูเอ็น ทางฝ่ายยูเอ็นก็ไม่ได้มีการเปิดประชุมเพื่อพิจารณาในเรื่องนี้ ในขณะเดียวกัน ไทยก็ได้มีหนังสือชี้แจง เลขาธิการสหประชาชาติไปในทุกโอกาส และทุกกรณีที่มีการขัดแย้งเกิดขึ้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวด้วยว่า ในเรื่องของอนุสัญญาออตตาวา ทางกระทรวงการต่างประเทศได้มีหนังสือผลักดันในเรื่องนี้ไปถึง ทูต ญี่ปุ่น ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก และเจนีวา ในฐานะที่เป็นประธานของรัฐภาคีอนุสัญญาออตาวา 3 ฉบับและอีกหนึ่งฉบับก็กำลังจะส่งตามไป เพื่อกดดันหรือผลักดันให้รัฐภาคี ดำเนินตามมาตรการ อนุสัญญาออตตาวาโดยเร็ว ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบขอข้อมูลหลักฐาน ที่ชัดเจนซึ่งตรงนี้รัฐบาลโดยกระทรวงการต่างประเทศ และกองทัพได้ร่วมมือกันอย่างดี และสนับสนุน […]

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณอีสาน-ตะวันออก-ใต้ฝั่งตะวันตก

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคอีสาน ภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณ จ.จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดจันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาว เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาว และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง […]