สยามพารากอน 14 พ.ย.-รมว.คลังคาดได้ข้อสรุปกองทุนใหม่แทน LTF ใน 2 สัปดาห์ ยันศึกษารายละเอียดรอบคอบ ด้านเศรษฐกิจไทยมีความท้าทาย พร้อมออกมาตรการเพิ่มเติมหากจำเป็น
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจัดตั้งกองทุนใหม่แทนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ว่า ขณะนี้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) อยู่ระหว่างศึกษารายละเอียดกองทุนใหม่ที่จะทดแทน LTF คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 2 สัปดาห์นี้ โดยกองทุนใหม่จะต้องเน้นส่งเสริมการออมระยะยาว
“เป้าหมายของกองทุนใหม่ ยืนยันว่าจะต้องเน้นการส่งเสริมการออมระยะยาว และเข้าถึงประชาชนทุกกลุ่มตอบโจทย์ทุกการออม ทั้งผู้สูงวัยและวัยทำงาน และพยายามให้ตอบโจทย์ตลาดทุนมากที่สุด ส่วนเงื่อนไขต่าง ๆ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งยืนยันว่าขณะนี้ยังมีเวลาเหลือที่จะดูรายละเอียดให้รอบคอบ รัดกุมที่สุด” นายอุตตม กล่าว
นายอุตตม ยอมรับว่าสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันมีความผันผวนและไม่แน่นอนสูง รวมถึงยังมีความท้าทาย ดังนั้น ที่ผ่านมารัฐบาลจึงจำเป็นต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น เพื่อประคองเศรษฐกิจให้ขับเคลื่อนต่อไปได้ แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเศรษฐกิจในอนาคตจะดีหรือไม่ ดังนั้น รัฐบาลจะต้องเตรียมพร้อมและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ที่ผ่านมากระทรวงการคลังร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ติดตามภาวะเศรษฐกิจใกล้ชิดมาโดยตลอด และหากมีความจำเป็นที่จะต้องออกมาตรการเพิ่มเติมจะพิจารณาถึงความเหมาะสมและสถานการณ์ว่าจะสามารถตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในช่วงเวลาดังกล่าวได้หรือไม่
“ที่ผ่านมาจำเป็นต้องออกมาตรการ แต่ไม่ใช่มาตรการนี้จะอยู่ตลอด ทำเท่าที่จำเป็น และในอนาคตหากมีความเสี่ยงและผันผวนมากจนกระทบภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศสามารถที่จะออกมาตรการเพิ่มเติมได้ตามความเหมาะสม” นายอุตตม กล่าว
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังต้องการเห็นตลาดทุนไทยเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการสนับสนุนให้เกิดการระดมทุนอย่างมีคุณภาพ โดยกระทรวงการคลังจะใช้เครือข่ายคลังจังหวัดร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงให้ความรู้ด้านการออมและการลงทุนอย่างถูกต้องให้กับประชาชน พร้อมทั้งต้องการให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เชื่อมโยงกับตลาดทุนต่างประเทศ โดยเฉพาะ CLMV เพื่อพัฒนาตลาดทุนให้มีความแข็งแกร่ง รองรับการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในอนาคต เพราะในอีก 5 ปีข้างหน้า รัฐบาลมีแผนลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานมูลค่ากว่า 3.1 ล้านล้านบาท
ขณะเดียวกันยังต้องการเห็นคณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนไทย (CMDF) เข้ามามีส่วนร่วมในเรื่องดังกล่าวด้วย โดยใน 2 สัปดาห์ข้างหน้าจะเรียก ตลท. สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ธปท. และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) นัดแรก เพื่อระดมความคิดร่วมกันพัฒนาตลาดทุนในอนาคต เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลาง การค้า การลงทุน . – สำนักข่าวไทย