กรุงเทพฯ 11 ก.พ.- “พิชัย” เตรียมปรับปรุงกองทุน LTF ใหม่ อาจถ่ายโอนเข้า Thai ESG ตอบรับข้อเสนอ ตลาดทุน ที่บอบช้ำจากแรงเทขาย LTF หนึ่งในปัจจัย กดหุ้นไทยตกต่ำสุดในโลก
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมที่จะมีการพิจารณาปรับปรุงกองทุนรวมระยะยาว (LTF) ที่หมดอายุ เพื่อให้นักลงทุนพิจารณา หลังจาก LTF จัดตั้งมานานแล้ว ซึ่งการจัดตั้งกองทุนเดิมนั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะใช้ประโยชน์ทางด้านภาษีและเป็นเงินออม และเวลานี้มีนักลงทุนทยอยขายกองทุนออกเป็นจำนวนมาก เนื่องจากต้องการปรับเปลี่ยนการลงทุน และมีผลให้ตลาดหุ้นไทยลดลงต่อเนื่อง
โดยหุ้นส่วนใหญ่ในกองทุน LTF นั้นเป็นหุ้นตัวใหญ่ จึงกำลังพิจารณาว่าจะมีนโยบายที่จะถ่ายโอนหรือมีการจัดตั้งให้มาอยู่ในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน หรือ Thai ESG แทน ซึ่งยอด LTF เวลานี้อยู่ที่ประมาณ 180,000 ล้านบาท โดยอยากให้นักลงทุนมีการชะลอดูก่อนที่จะมีการตัดสินใจขาย ซึ่งความคืบหน้าของการปรับปรุงกองทุน LTF นั้น กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาว่าจะให้ประโยชน์ต่อเนื่อง ระยะเวลา 5 ปี หรือมากกว่านั้น ซึ่งจะมีการพิจารณาโดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ระบุวานนี้ว่า เตรียมหารือกับ นายพิชัย เรื่องแผนกระตุ้นระยะสั้นช่วยพยุงตลาดหุ้น โดยจะหารือเรื่อง LTF และมีข้อเสนอจากสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ได้เสนอกระทรวงคลังให้ปรับเงื่อนไขกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (ThaiESG) ให้มีนโยบายลงทุนในหุ้นไทยทั้งหมด เหมือนกองทุน LTF ในอดีต เพราะปัจจุบัน กอง ThaiESG ไม่ค่อยได้ช่วยตลาดหุ้นไทย เพราะส่วนใหญ่ไปลงทุนตลาดตราสารหนี้
ด้านบทวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส ออกมาระบุ ข้อมูลจากบลูมเบิร์ก เปรียบเทียบผลตอบแทนหุ้นทั่วโลก 92 ดัชนี ตั้งแต่ต้นปี จนถึงวันที่ 5 ก.พ.68 พบว่า SET Index ปรับตัวลดลง 8% ลดลงมากที่สุดในโลก ส่วนหนึ่งที่กดดัน คือแรงขาย LTF ที่เร่งออกมา โดยยอด LTF ในเดือน ม.ค.68 ลดลง 3.14 หมื่น ลบ. หรือ 14.5% เหลือ 1.88 แสน ลบ. เป็นการลดลงมากที่สุดในรอบ 10 ปี
บล.กสิกรไทย กลยุทธ์การลงทุนในกองทุนLTF หลังครบกำหนดนั้น ตั้งแต่ปี 2547 กระแสเงินทุนไหลเข้าสู่ LTF ได้ช่วยสนับสนุนดัชนี SET Index แต่หลังจาก LTF สิ้นสุดลงในปี 2562 โดยมีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) อยู่ที่ 4.06 แสนล้านบาท ดัชนีได้เคลื่อนไหวแกว่งตัวออกข้าง เนื่องจากแรงไถ่ถอนที่เพิ่มขึ้น และแรงไถ่ถอนเดือน ม.ค.2568 สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตของเดือน ม.ค.ที่ 5 – 8 พันล้านบาท กองทุน LTF ขนาดใหญ่ 10 อันดับแรก คิดเป็น 63% ของ AUM 14% ทั้งนี้ บล.กสิกรไทย ชี้ว่า มี 5 ทางเลือกสำหรับ LTF เมื่อครบกำหนด ดังนี้ ถือเพื่อการเติบโตระยะยาว เป็นคงการลงทุน ,ขายเพื่อตัดขาดทุน โดยผลการขาดทุน 5-10% ได้ถูกชดเชยด้วยสิทธิประโยชน์ทางภาษีไปแล้ว, เปลี่ยนไปลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ได้, หากรับความเสี่ยงได้สูง สามารถไถ่ถอนบางส่วนเพื่อนำไปกระจายการลงทุนในหุ้นต่างประเทศก็ได้ หรือนำเงินกลับไปลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษี หากยังคงต้องเสียภาษีอยู่. -511-สำนักข่าวไทย