เกษตรฯ ยังไม่จบกรณี “ปารีณา” รุกที่ ส.ป.ก.

กรุงเทพฯ 14 พ.ย. – กระทรวงเกษตรฯ ยังไม่ปิดช่องเอาผิด “ปารีณา” ทำฟาร์มไก่ที่ ส.ป.ก. ชี้ประกาศเป็นเขตปฏิรูปที่ดินแล้ว แต่ยังไม่มีการออกเอกสารสิทธิ์ ส.ป.ก. 4-01 ให้เกษตรกรแม้แต่รายเดียว เข้าข่ายครอบครองที่ดิน ส.ป.ก.เกินกว่า 500 ไร่  



แหล่งข่าวระดับสูงด้านกฎหมายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ยังมีช่องทางเอาผิด น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส. ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งประกอบกิจการฟาร์มเลี้ยงไก่ชื่อเขาสนฟาร์มในที่ดิน ส.ป.ก. เนื้อที่ 1,706 ไร่ บริเวณหมู่ 6 ตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรีได้ แม้เจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.จะรายงานต่อเลขาธิการ ส.ป.ก. เพื่อนำเรียน ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่า ที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งของฟาร์มไก่ ส.ป.ก. และแบ่งแปลงให้มีเนื้อที่ไม่เกิน 500 ไร่ แต่หลังจากประกาศเป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ส.ป.ก. ยังไม่ได้นำที่ดินแปลงนี้เข้าสู่กระบวนการจัดสรรสิทธิ์และยังไม่เคยออกเอกสารสิทธิ์ให้แก่เกษตรกรแม้แต่รายเดียว


จากการให้ถ้อยคำของ น.ส.ปารีณา ต่อเจ้าหน้าที่สำนักกฎหมาย ส.ป.ก. ระบุว่า ครอบครัวได้เข้าทำประโยชน์ในที่ดินผืนนี้ตั้งแต่ปี 2489 ต่อมากรมป่าไม้ส่งมอบให้ ส.ป.ก.ประกาศเป็นเขตปฏิรูปที่ดินเมื่อปี 2554 ต่อมาเมื่อมีคำสั่ง คสช.ที่ 36/2559 เรื่อง มาตรการในการแก้ไขปัญหาการครอบครองที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินโดยมิชอบกฎหมาย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2557 ให้ยึดคืนที่ดิน ส.ป.ก.จากผู้ที่ครอบครองเกิน 500 ไร่ เพื่อนำมากระจายสิทธิ์ให้แก่เกษตรกรและผู้ยากไร้เข้าทำกิน 

แหล่งข่าวระบุว่า เจ้าหน้าที่ปฏิรูปที่ดินจังหวัดปี  2557 อาจเอื้อประโยชน์แก่ครอบครัว น.ส.ปารีณา ซึ่งเป็นผู้กว้างขวางในจังหวัดราชบุรี โดยแบ่งซอยเป็นแปลงเล็กแปลงน้อย เนื้อที่ไม่ถึง 500 ไร่ จำนวน 58 แปลง แล้วนำเสนอต่อผู้บริหาร ส.ป.ก. แต่ปิดบังว่าเนื้อที่รวมกันมากถึง 1,706 ไร่นั้น ครอบครองโดยบุคคลเดียวคือ น.ส. ปารีณา จึงรอดพ้นจากการตรวจสอบมาได้

ทั้งนี้ ยังพบข้อน่าสังเกตที่ว่าหลังจากมีข้อร้องเรียน น.ส.ปารีณา ยังไม่ได้นำชี้แนวเขตและให้เจ้าหน้าที่รังวัดที่ดิน ซึ่งยังไม่เป็นไปตามขั้นตอนของการพิสูจน์สิทธิ์ครอบครองที่ดินตามกฎหมาย ส่วนข้อกล่าวอ้างที่ว่า ตรงกลางของที่ดินผืนนี้มีหนังสือการทำประโยชน์ตามประมวลกฎหมายที่ดินเป็น นส.3 และ สค.1 นั้นจำเป็นต้องพิสูจน์ความถูกต้องของเอกสารด้วย


แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า น.ส.ปารีณา ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ว่า เข้าทำประโยชน์ในที่ดิน 1,706 ไร่จริง ตั้งแต่ที่ดินยังเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติและได้เสียภาษีบำรุงท้องที่ ภบท. 5 มาโดยตลอด ทั้งที่ปี 2561 ปลัด กระทรวงมหาดไทยมีหนังสือแจ้งเวียนไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ให้ยกเลิกการรับชำระภาษีบำรุงท้องที่ในที่ดินของรัฐทุกประเภทไปแล้ว อีกทั้งถือว่าการเสียภาษี ภทบ. 5 ไม่ได้เป็นหลักฐานในกรรมสิทธิ์ที่ดินแต่อย่างใด ดังนั้น การให้สัมภาษณ์ของ น.ส.ปารีณา บ่งชี้ชัดเจนว่าเป็นผู้ครอบครองที่ดินบริเวณดังกล่าว ที่ยังไม่มีการมอบ ส.ป.ก.4-01 ให้ตามหลักกฎหมายแล้วไม่มีผู้ใดสามารถเข้าไปครอบครองได้

สำหรับการพิสูจน์ว่า น.ส.ปารีณา ครอบครองที่ดิน ส.ป.ก.เกินกว่า 500 ไร่ แหล่งข่าวกล่าวว่า สามารถใช้ภาพถ่ายทางอากาศ ซึ่งจะเห็นรั้วของฟาร์มสามารถนำมากำหนดพิกัดและระบุเนื้อที่ได้ว่า เป็นแปลงเดียวที่มีขนาด 1,700 กว่าไร่จริงหรือไม่ นอกจากนี้ หาก น.ส.ปารีณา ไม่นำชี้แนวเขต เจ้าหน้าที่สามารถรังวัดจากพื้นที่โดยรอบรั้วของฟาร์มได้ ซึ่งจะแสดงให้เห็นว่ามีการใช้ประโยชน์โดยบุคคลเดียว

แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า จากข้อมูลทั้งหมดนี้ ส.ป.ก.สามารถดำเนินการตามมาตรา 44 กำหนดเป็นพื้นที่เป้าหมาย เปิดให้ผู้ครอบครองหรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจมาแสดงสิทธิ์ หากไม่มาตามเวลาที่กำหนด สรุปได้ว่า พื้นที่ดังกล่าวไม่มีผู้ครอบครองสามารถยึดคืนหลวงทันที แต่หากมาพบเจ้าหน้าที่ต้องนำเอกสารถือครองสิทธิ์ทั้งหมดมาแสดง ซึ่งจะต้องตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร หากฟังไม่ขึ้นสามารถใช้มาตรา 44 ยึดคืนได้ทันทีเช่นกัน อีกทั้งยังสามารถฟ้องคดีแพ่งฐานบุกรุกที่ของรัฐและเรียกร้องค่าเสียหายจากการเข้าทำประโยชน์โดยมิชอบ ตลอดจนค่าชดเชยจากการเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ของรัฐ นอกจากนี้ ยังมีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 ซึ่งระบุว่าห้ามเข้ายึดถือครอบครองที่ดินของรัฐ รวมถึงการถาง และทำด้วยประการใด ๆ ให้เป็นการทำลายหรือทำให้เสื่อมสภาพที่ดิน หากผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษมาตรา 108 ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจแจ้งเป็นหนังสือให้ผู้ฝ่าฝืนปฏิบัติตามระเบียบ หากผู้ฝ่าฝืนเพิกเฉยสามารถมีคำสั่งให้ออกจากที่ดินและหรือรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในระยะเวลาที่กำหนด ถ้าไม่ปฏิบัติตามคำสั่งต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

“การเร่งชี้แจงว่า น.ส.ปารีณา ไม่ได้บุกรุกที่ ส.ป.ก.อาจเป็นการด่วนสรุปเกินไป จนเกิดข้อกังขาว่ามีความพยายามที่จะช่วยเหลือกันในกลุ่ม ส.ส.พลังประชารัฐหรือไม่ หาก ส.ป.ก.ปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา สามารถฟ้องร้องเอาผิดต่อ น.ส. ปารีณาตามประมวลกฎหมายที่ดินดังกล่าว อีกสิ่งที่สำคัญ คือ คำพูดของน.ส.ปารีณา ผ่านสื่อมวลชน ซึ่งยอมรับว่าเข้าทำประโยชน์ที่ดินแปลงนั้นทั้งหมด สามารถใช้มาตรา 44 ยึดคืนได้ ซึ่งต้องดูท่าทีของ ส.ป.ก.ว่าจะดำเนินการเรื่องนี้ต่อไปอย่างไร” แหล่งข่าวกล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย