อุดรธานี 12 พ.ย.-คนร้ายใช้หินปาตู้โชว์ ใช้เวลา 30 วินาที กวาดทองหนัก 55 บาท จากร้านทองในห้างสรรพสินค้ากลางเมืองอุดรธานี ก่อนวิ่งไปขึ้นรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายอีกคนจอดรออยู่ หนีลอยนวล
เมื่อค่ำวานนี้ (11พ.ย.) ศูนย์วิทยุร่มโพธิ์ทอง สภ.เมืองอุดรธานี รับแจ้งเหตุคนร้ายชิงทองในร้านทองแห่งหนึ่งภายในห้างสรรพสินค้าใกล้สี่แยกบายพาสหนองคาย เขตเทศบาลนครอุดรธานี หลังรับแจ้งทางศูนย์วิทยุฯ สั่งการให้ตำรวจชุดสายตรวจที่อยู่ใกล้ที่สุดออกไปที่เกิดเหตุ และตรวจสอบตามเส้นทางที่คนร้ายจะใช้หลบหนีที่ถนนรอบเมือง ซึ่งเป็นทางออกจากห้างฯ ไปทางสี่แยกหนองสำโรง ที่สามารถไปได้ทั้ง อ.บ้านผือ ไป จ.หนองบัวลำภู และเลี้ยวซ้ายวกเข้าตัวเมืองได้อีกหลายเส้นทาง
หลังรับแจ้ง ตำรวจเดินทางไปตรวจสอบ พบพนักงานของร้านฯ รอเจ้าหน้าที่ด้วยอาการตกใจทั้ง 3 คน เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุกำลังเตรียมที่จะเริ่มเก็บทองเพื่อปิดร้าน ซึ่งปกติจะปิดร้านเวลา 20.30 น.ทุกวัน ขณะที่อยู่หลังเคาน์เตอร์โชว์ทอง คนร้ายเป็นชายอายุประมาณ 30-35 ปี รูปร่างท้วม เดินมาจากทางด้านขวาของร้าน ใส่เสื้อยึดคอโปโลสีดำ มีสายสีขาว ดำ และเทา ที่แขนเสื้อ มีเอี้ยมกันเปื้อนแบบที่พ่อครัวใส่ทำอาหารสีน้ำเงินคลุมทับ กางเกงขาสั้นสีดำ ใส่หมวกแก๊ปลายพราง ใส่หน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า
คนร้ายเดินผ่านร้านทองร้านข้างๆ มาถึงหน้าร้าน ใช้ก้อนหินขนาดเท่ากำปั้นที่อยู่ไว้ในมือ ปาไปที่กระจกตู้โชว์ทองติดผนังของร้านอย่างแรงจนกระจกแตกกระจาย และปีนตู้เคาน์เตอร์โชว์ทองด้านหน้า คว้าเอาทองที่แขวนไว้ในตู้โชว์ทอง ที่มีสร้อยข้อมือหนัก 5 บาท 1 เส้น สร้อยข้อมือหนัก 1 บาท 20 เส้น สร้อยคอหนัก 3 บาท 10 เส้น รวมน้ำหนัก 55 บาท มูลค่า 1.1 ล้านบาท ใส่กระเป๋าหน้าเอี้ยมกันเปื้อน ด้วยความรีบร้อนทำให้ทองรูปพรรณตกเกลื่อนพื้น หลังจากนั้นคนร้ายก็กระโดดข้ามตู้เคาน์เตอร์ วิ่งออกไปทางเดิมที่เข้ามา จึงได้กดสัญญานเตือนภัย ซึ่งตอนเกิดเหตุตกใจมากจนทำอะไรไม่ถูก
ด้าน รปภ.ประจำห้างสรรพสินค้าฯ เปิดเผยว่า ตอนเกิดเหตุตนอยู่หน้างาน เดินตรวจสอบอยู่ในห้าง ได้ยินเสียงกระจกแตก จึงเดินมาดู ตอนนั้นคนร้ายคงเห็นตนแล้วคงตกใจ แค่ตนยังไม่กล้าเข้าไป เพราะกลัวว่าคนร้ายจะมีอาวุธปืน หลังคนร้ายปีนตู้ทองออกมาแล้ววิ่งหนี ตนจึงวิ่งตามออกจากอาคารของห้าง ตะโกนให้พลเมืองดีวิ่งตาม พอวิ่งออกมาถึงหัวมุมอาคารห้างด้านซ้าย คนร้ายวิ่งกระโดดขึ้นรถจักรยานยนต์ที่มีคนร้ายอีกคนจอดติดเครื่องรออยู่ แล้วขี่รถออกไปด้วยความรวดเร็ว ซึ่งตนจำไม่ได้ว่าเป็นรถยี่ห้อหรือรุ่นไหน เพราะว่ามันมืด.-สำนักข่าวไทย