เกษตรกรลั่นร้องศาลปกครองทันทีที่ กม.ยกเลิก 3 สารมีผลบังคับใช้

กรุงเทพฯ 11 พ.ย. – แกนนำเกษตรกรประกาศจะร้องศาลปกครองอีกครั้ง เมื่อประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมยกเลิก 3 สารมีผลบังคับใช้ ชี้กระทรวงเกษตรฯ ยังไม่มีมาตรการรองรับเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร หากไล่จับปรับเกษตรกรที่ซื้อสารมาใช้วุ่นวายแน่  ยันยังไม่เชื่อประสิทธิภาพสารชีวภัณฑ์กำจัดวัชพืชที่ “อลงกรณ์” มาศึกษาจากแปลงอ้อย จ. สุพรรณบุรี ที่ผ่านมาเกษตรกรจำนวนมากถูกหลอกขาย เนื่องจากผสมพาราคอวตและไกลโฟเซตทั้งสิ้น


นายสุกรรณ์ สังข์วรรณะ เลขาธิการ สมาพันธ์เกษตรปลอดภัย กล่าวว่า เตรียมจะร้องศาลปกครองให้ไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อคุ้มครองชั่วคราวอีกครั้ง ทันทีที่ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมยกเลิกใช้สารเคมี 3 ชนิดมีผลบังคับใช้ เกษตรกรจำนวนมากไม่สบายใจในการปฏิบัติของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เนื่องจากยังไม่มีมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ต้นทุนจะสูงขึ้นจากการห้ามใช้สารเคมี 3 ชนิด แต่กรมวิชาการเกษตรออกคำสั่งกำหนดแผนแจ้งการครอบครองและส่งมอบสารเคมีแล้ว จึงเห็นว่าการเปิดรับฟังความคิดเห็นต่อร่างประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นเพียงการทำให้ครบตามขั้นตอนเท่านั้น แต่ไม่ได้มีเจตนาที่จะนำความคิดเห็นของประชาชนและเกษตรกรไปพิจารณา เพื่อตัดสินใจแต่อย่างใด 

นอกจากนี้ นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ยังระบุว่าค่าทำลายสารเคมีเป็นความรับผิดชอบของผู้ครอบครอง เกษตรกรทั่วประเทศที่ซื้อสารเคมี 3 ชนิดมาไว้ใช้นั้น ต้องจ่ายค่าทำลายที่มีอัตราสูงมากอีก หากสารวัตรเกษตรมาไล่จับเกษตรกร เชื่อว่าจะทำให้เกิดความวุ่นวายแน่นอน ล่าสุดสมาพันธ์เกษตรปลอดภัยเปิดบัญชีให้เกษตรกรส่งเงินมาสนับสนุนค่าจ้างทนายความ เพื่อร้องต่อศาลปกครอง ทนายความที่รับว่าความแจ้งค่าใช้จ่าย 800,000 บาท จึงขอให้เกษตรกรร่วมสมทบตามกำลัง อีกทั้งกำลังเตรียมเอกสารให้เกษตรกรที่เดือดร้อนเป็นโจทย์ร่วม


นายสุกรรณ์ ยังแสดงความเห็นถึงการที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ มอบหมายให้นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษา รมว.เกษตรฯ ไปตรวจเยี่ยมแปลงอ้อยของเกษตรกรรายหนึ่งในอำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี โดยระบุว่าเป็นแปลงอ้อยอินทรีย์ใช้สารชีวภัณฑ์ของผู้ผลิตรายหนึ่ง เพื่อกำจัดวัชพืชมา 7 ปีซึ่งได้ผลดี ทั้งนี้ ต้องการทราบผลการตรวจสอบจากห้องปฏิบัติการว่าจุลินทรีย์ที่กล่าวอ้างว่า กำจัดวัชพืชได้นั้นเป็นชนิดใด หากกำจัดวัชพืชได้จริงส่งผลต่อพืชประธานหรือไม่ หากได้ผลดีจริง จะได้นำมาใช้ในแปลงอ้อย 420 ไร่ อำเภอหนองหญ้าไซ จังหวัดสุพรรณบุรีด้วย จึงขอให้กรมวิชาการเกษตรเร่งทดสอบประสิทธิภาพ แต่ก่อนขึ้นทะเบียนสารชีวภัณฑ์ดังกล่าว ขอให้ตรวจให้แน่ชัดว่าไม่มีสารเคมีป้องกันกำจัดวัชพืชอื่นใดผสมอยู่ เนื่องจากที่ผ่านมาเกษตรกรจำนวนมากถูกหลอกให้ซื้อสารชีวภัณฑ์หลายยี่ห้อมาใช้ แต่เมื่อตรวจสอบในห้องปฏิบัติการพบว่าผสมพาราควอตและไกลไฟเซตลงไปขายราคาแพงอีกด้วย.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

มุกใหม่มิจฉาชีพ

มุกใหม่มิจฉาชีพ! ป่วนโทรแจ้ง ตร. เกิดเหตุร้ายที่บ้านเหยื่อ

อินฟลูฯ สาว สายทำอาหาร ถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นตำรวจโทรหา แต่เธอไม่เชื่อ โดนท้าอีก 10 นาทีเจอกัน ปรากฏว่า มีตำรวจจาก 2 โรงพักบุกมาที่บ้านจริง

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา บอกสนามใหญ่ ไม่เข้าไปก้าวก่ายสนามท้องถิ่น ซ้ายก็เพื่อน ขวาก็พวก

ครม.เคาะแจกเงินหมื่นเฟส 2 ผู้สูงอายุ 60 ปี

“จุลพันธ์” เผย ครม.เห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกลุ่มผู้สูงอายุ วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการทันก่อน 29 ม.ค.68 รวม 3 มาตรการ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ 1.4-1.5 แสนล้านบาท

ข่าวแนะนำ

หยุดยาววันแรก การจราจรขาออก กทม. มุ่งสู่อีสานเริ่มแน่น

เริ่มหยุดยาววันแรก การจราจรบนท้องถนนขาออกกรุงเทพฯ มุ่งสู่อีสานเริ่มแน่นตั้งแต่เมื่อคืน เช้านี้ ถนนมิตรภาพ ช่วง ต.กลางดง อ.ปากช่อง ชะลอเคลื่อนตัวไปได้เรื่อยๆ ส่วนถนนพหลโยธิน ขาเข้าหนองแค รถเริ่มแน่น

วันแรก ตาย 52 อุบัติเหตุ 322 ครั้ง บาดเจ็บ 318 คน

สถิติวันแรก 10 วันอันตราย ตาย 52 อุบัติเหตุ 322 ครั้ง บาดเจ็บ 318 คน​ “เพิ่มพูน” เน้นทุกฝ่ายช่วยกันดูแลความปลอดภัย อำนวยความสะดวก เข้มเรื่องกฎหมาย