บุรีรัมย์ 4 พ.ย. – ตำรวจ สภ.สตึก ควบคุมตัวชายหื่นอ้างเป็นตำรวจ ฉุดนักเรียนและนักศึกษาสาวไปข่มขืนกลางวันแสกๆ วันเดียว 2 รายซ้อน ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ท่ามกลางญาติและชาวบ้านรุมตะโกนสาปแช่ง พร้อมเรียกร้องให้ลงโทษประหารชีวิต
กำลังตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ ของ สภ.สตึก และ สภ.แคนดง จ.บุรีรัมย์ ควบคุมตัว นายสฐาน อ่อนดีกุล อายุ 54 ปี ผู้ต้องหาที่อ้างตัวเป็นตำรวจ ก่อเหตุขู่บังคับนักเรียนหญิงชั้น ม.3 และนักศึกษาสาวอาชีวะแห่งหนึ่ง ไปข่มขืนกระทำชำเรา ในพื้นที่ สภ.สตึก และ สภ.แคนดง ตอนกลางวันแสกๆ ของวันที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หลังจนมุมถูกจับกุมตามหมายจับของศาลจังหวัดบุรีรัมย์ ที่บ้านพักใน ต.สระบัว อ.ปทุมรัตต์ จ.ร้อยเอ็ด เมื่อช่วงเช้ามืดวันนี้ (4 พ.ย.)
จุดแรกเจ้าหน้าที่นำตัวผู้ต้องหาชี้จุดทำแผนฯ บริเวณโกดังร้างบ้านตลาด ต.นิคม อ.สตึก ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ต้องหาบังคับพาตัว น.ส.เอ (นามสมมติ) นักศึกษาอาชีวะ ไปข่มขืนกระทำชำเราในรถเก๋ง ด้านหน้าโกดัง ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้ต้องหาได้ขับรถเก๋งปาดหน้ารถจักรยานยนต์ของผู้เสียหาย และอ้างตัวเป็นตำรวจ ขอตรวจใบขับขี่และยาเสพติด ขณะผู้เสียหายขี่รถจักรยานยนต์ผ่านเส้นทางเปลี่ยวตามลำพัง จากนั้นได้ลากตัวไปข่มขืน และกลับไปส่งผู้เสียหาย หลังก่อเหตุเสร็จ
จากนั้นได้นำตัวไปทำแผนอีกจุด ในท้องที่ ต.ดงพลอง อ.แคนดง ซึ่งเป็นจุดที่ก่อเหตุขับรถประกบนักเรียนชั้น ม.3 ก่อนขู่บังคับให้ขึ้นรถเก๋ง เพื่อพาไปกระทำอนาจาร โดยทั้ง 2 ราย ผู้ต้องหามีพฤติกรรมการก่อเหตุลักษณะคล้ายกัน คือ แสดงตัวว่าเป็นตำรวจขอตรวจใบขับขี่ ทั้งขู่ว่าไม่สวมหมวกผิดกฎหมาย และบังคับให้ขึ้นรถเก๋งที่ใช้เป็นยานพาหนะในการก่อเหตุ หลอกว่าจะพาไปเสียค่าปรับ และตรวจค้นยาเสพติด ก่อนจะบังคับข่มขืน
ขณะทำแผนฯ มีญาติพี่น้องของผู้เสียหายทั้ง 2 ราย รวมทั้งชาวบ้านที่ทราบข่าว มาเฝ้ารอการทำแผนฯ และรอดูโฉมหน้าของผู้ต้องหาจำนวนมาก พร้อมตะโกนสาปแช่งผู้ต้องหาด้วยความโกรธแค้นที่มาก่อเหตุกับลูกหลานของตัวเอง รวมทั้งเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ลงโทษสถานหนัก หากเป็นไปได้ก็อยากให้ประหารชีวิต เพราะหากปล่อยออกมาก็จะเป็นภัยกับสังคม
สำหรับผู้ต้องหารายนี้ ตรวจสอบประวัติพบเคยก่อเหตุในลักษณะดังกล่าว และเคยถูกจับกุมมาแล้วหลายครั้ง แต่ยังไม่สำนึก ออกมาก็มาก่อเหตุแบบเดิมซ้ำอีก
ด้าน พ.ต.อ.สัมภาษณ์ ศรีจันทึก ผู้กำกับการ สภ.สตึก กล่าวว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้ก่อเหตุกระทำชำเราและลวนลามนักเรียนและนักศึกษาทั้ง 2 รายจริง และยืนยันว่า ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมไม่ใช่ตำรวจ พร้อมทั้งได้แจ้งเตือนประชาชน หรือวัยรุ่น เยาวชน อย่าหลงเชื่อบุคคลที่มีพฤติกรรมแอบอ้างเป็นตำรวจ เพราะอาจจะตกเป็นเหยื่อได้ ซึ่งหากเป็นเจ้าหน้าที่ตัวจริงจะต้องพกบัตรแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ชัดเจน
เบื้องต้นได้แจ้งข้อหา “กระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้, พาบุคคลอายุเกิน 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี ไปเพื่อการอนาจาร, พรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร ทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพ, แสดงตนและกระทำการเป็นเจ้าพนักงาน ทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว” – สำนักข่าวไทย