เมืองทองธานี 3 พ.ย. – “จุรินทร์” เปิดงานประชุมสุดยอดด้านธุรกิจและการลงทุนของอาเซียน มุ่งนำเศรษฐกิจอาเซียนรับมือยุคดิจิทัลและยุคปฎิวัติอุตสาหกรรม
ก่อนเปิดการประชุม Asean Summit อย่างเป็นทางการวันนี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดงาน ASEAN Businesses and Investment Summit 2019 ที่มีภาคเอกชนจากกลุ่มประเทศอาเซียนเข้าร่วมงาน โดยนายจุรินทร์ กล่าวว่า ภายใต้แนวคิด “Empowering ASEAN 4.0” ซึ่งภาคเอกชนโดยสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียนจัดขึ้นวันนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมความพร้อมของประเทศสมาชิก เพื่อรับมือกับโอกาสและความท้าทายในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ที่มีเศรษฐกิจดิจิทัลเป็นแรงผลักดันสำคัญ
พร้อมย้ำว่าขอแสดงความชื่นชมต่อภาคเอกชนที่ตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาประชาคมอาเซียนไปสู่ยุค 4.0 หรือยุคดิจิทัล ซึ่งนับว่าเป็นวาระสำคัญและเหมาะสมกับช่วงเวลานี้เป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากปัจจุบันคงไม่สามารถรปฏิเสธได้ถึงการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างรวดเร็วที่ส่งผลให้การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารสามารถทำได้ทุกที่และทุกเวลาและทำให้การติดต่อสื่อสารสามารถทำได้อย่างไร้ขีดจำกัดตลอดจน AI และหุ่นยนต์ก้าวเข้ามาทดแทนแรงงานมนุษย์
ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมยังส่งผลต่อการปรับเปลี่ยนรูปแบบการค้า การบริการ การบริโภค และการผลิต ซึ่งก่อให้เกิดธุรกิจรูปแบบใหม่โดยเฉพาะอย่างยิ่งการซื้อขายสินค้าและบริการผ่านระบบออนไลน์ แต่ในทางกลับกันเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ ก็ส่งผลให้ธุรกิจแบบดั้งเดิมที่ปรับตัวไม่ทันต้องทยอยปิดตัวลงทุกภูมิภาคของโลก
“หากมองย้อนมาในภูมิภาคอาเซียนเศรษฐกิจดิจิทัลมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2018 มีมูลค่าสูงถึง 72,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี 2017 ที่มีมูลค่าประมาณ 50,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการเติบโต คือ การขยายตัวของชนชั้นกลาง การเพิ่มขึ้นของประชากรที่ใช้อินเทอร์เน็ต รวมทั้งการปรับตัวของเอสเอ็มอีในภูมิภาคที่หันมาใช้ดิจิทัลในการดำเนินธุรกิจมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับประเทศอื่น เช่น สหรัฐ สหภาพยุโรป และจีน มีสัดส่วนถึงร้อยละ 35, 27 และ 16 ของจีดีพีตามลำดับ แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจดิจิทัลในอาเซียนยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก โดยการศึกษาจาก 3 บริษัทชั้นนำของโลกอย่าง Google , Temasek Holding และ Ben & Co พบว่าอีก 6 ปีข้างหน้า หรือปี 2025 เศรษฐกิจดิจิทัลภูมิภาคอาเซียนจะถูกคาดการณ์ว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 3 เท่าตัว โดยมีมูลค่าสูงถึง 240,000 ล้านเหรียญสหรัฐ” นายจุรินทร์ กล่าว
นายจุรินทร์ กล่าวว่า อาเซียนตระหนักถึงบทบาทที่เพิ่มมากขึ้นของเทคโนโลยีดิจิทัลที่จะนำมาซึ่งโอกาสทางเศรษฐกิจต่อประเทศสมาชิก จึงได้มีการดำเนินงานเพื่อมุ่งสู่เศรษฐกิจอาเซียน เช่น การจัดทำข้อตกลงด้าน E-Commerce เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรมแดน การจัดทำกรอบบูรณาการด้านดิจิทัลของอาเซียน เพื่อเน้นการอำนวยความสะดวกทางการค้า การคุ้มครองข้อมูลการพัฒนาระบบชำระเงินการพัฒนาทักษะของบุคลากรและการปรับปรุงกระบวนการพัฒนาธุรกิจ และการจัดทำแนวทางพัฒนาแรงงานมีทักษะและผู้ประกอบวิชาชีพเพื่อการรับมือกับ 4IR ซึ่งภาคเอกชนโดยสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียนได้มีบทบาทในการผลักดันการทำแนวทางดังกล่าว เพื่อเตรียมความพร้อมแรงงานรองรับอาชีพที่จะเกิดขึ้นในอนาคตผ่าน Reskilling และ Upskilling
นายจุรินทร์ ย้ำว่า ความร่วมมือที่เข้มแข็งระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ไปสู่การบรรลุเป้าหมายได้ A-BIS จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออนาคตของอาเซียน เชื่อมั่นว่าภายใต้ความร่วมมือนี้จะทำให้เกิดความเข้มแข็งระหว่างรัฐกับเอกชน ทำให้ผู้ประกอบการได้รับประโยชน์และพร้อมรองรับความท้าทายจากการเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างเข้มแข็งและยังยืนต่อไป
จากนั้นรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เข้าร่วมพิธีเปิดสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 35 ต่อไป โดยเป็นภารกิจร่วมกับนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี . – สำนักข่าวไทย