การประชุม ABIS 2019 วันแรกประสบความสำเร็จอย่างงดงาม

เมืองทองธานี 2 พ.ย. – การประชุม ASEAN Business and Investment Summit 2019 ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม พร้อมผลักดันความร่วมมือภายในภูมิภาค



นายอรินทร์ จิรา ประธานสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน กล่าวว่า การประชุม ASEAN Business and Investment Summit 2019: ABIS 2019 ที่จัดขึ้นภายใต้แนวคิดหลัก คือ การเพิ่มขีดความสามารถของอาเซียนเข้าสู่ยุคดิจิทัล (Empowering ASEAN 4.0) ในวันแรกประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง โดยสภาธุรกิจอาเซียน (ASEAN-BAC) จะมุ่งเน้นสนับสนุนปัจจัยช่วยการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคภายใต้ 4 เสาหลัก คือ 1. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล  2. การสร้างความเชื่อมโยงทางด้านดิจิทัล เพื่อรองรับการค้า และการลงทุนในอาเซียน 3. การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อให้มีทักษะใหม่และลดปัญหาการว่างงาน และ 4. การผลักดัน MSMEs เข้าถึงนวัตกรรมและแหล่งเงินทุน เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน 


ทั้งนี้ ASEAN-BAC Thailand ได้ดำเนินโครงการพิเศษ 2 โครงการ (Legacy Projects) ได้แก่ โครงการ ASEAN Human Empowerment And Development (AHEAD) ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพื่อรองรับการปฎิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 โดยมุ่งเน้นการเพิ่มศักยภาพแรงงานและการเพิ่มสมรรถนะของบุคลากรในลักษณะ Upskill / Reskill และ โครงการ National Digital Trade Platform (NDTP) ซึ่งมุ่งเน้นการทำธุรกรรมแบบ end-to-end ในรูปแบบดิจิทัล นอกจากนี้ การประชุม ABIS ครั้งนี้ความหวังที่จะเป็นเวทีสะท้อนมุมมองและวิสัยทัศน์ของภาคเอกชนไปยังผู้นำอาเซียน 10 ประเทศ เพื่อสะท้อนให้ประชาคมโลกทราบว่าอาเซียนพร้อมที่ร่วมมือและก้าวไปพร้อมกัน ซึ่งสอดคล้องกับหัวข้อหลักของอาเซียน คือ ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน


นายโทนี่ เฟอร์นานเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มสายการบินแอร์เอเชีย กล่าวว่า อาเซียนมีศักยภาพเพียงพอที่จะต่อสู้กับธุรกิจจากสหภาพยุโรป (อียู) โดยการสร้างความร่วมมือผ่านระบบ NSW (National Single Window) ในอาเซียนให้เป็นหนึ่งเดียว และการสร้างระบบ Intra–ASEAN Economic จะเป็นการช่วยส่งเสริมศักยภาพในการอำนวยความสะดวกทางการค้าให้กับอาเซียน นอกจากนี้ Online Shopping, Fintech ยังมีส่วนช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (MSMEs) แต่ละประเทศผ่านระบบ e-Commerce ทั้งนี้ การเติบโตของ e-Commerce ในภูมิภาคอาเซียนมีศักยภาพและมีการขยายตัวสูง โดยปี 2025 ระบบเศรษฐกิจดิจิทัลของอาเซียน จะสร้างการเติบโตให้กับ GDP ของภูมิภาคอาเซียนประมาณหนึ่งล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนสำคัญที่สุดที่จะผลักดันให้ ASEAN ก้าวหน้าต่อไป คือ การพัฒนาบุคลากร ซึ่งแต่ละประเทศควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรให้สามารถปรับตัวให้เข้ากับยุค 4IR 

ทั้งนี้ การพัฒนาของอาเซียนจะประสบความสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐในการส่งเสริมศักยภาพการแข่งขันให้กับภาคธุรกิจ เพื่อสร้างตลาดการแข่งขันใหม่ให้ทัดเทียมกับอียู พร้อมย้ำว่าทุกคนต้องมีความฝัน ทำตามความฝันและเชื่อในความฝันนั้น จึงจะประสบความสำเร็จ

สำหรับการเสวนาเรื่อง “Advancing ASEAN 4.0 in the Global Value Chain” เป็นเวทีแลกเปลี่ยนแนวคิดเกี่ยวกับการส่งเสริมภูมิภาคอาเซียนให้ก้าวสู่ห่วงโซ่มูลค่าโลก (Global Value Chain) นั้น มองว่าปัจจัยภายนอกที่เป็นความท้าทายของอาเซียน ได้แก่ สงครามการค้าและ Brexit ซึ่งถูกพิจารณาในการประชุม RCEP และการลดอุปสรรค NTMs ส่งผลให้อาเซียนต้องปรับกรอบการพัฒนาอาเซียน 4.0 ให้ครอบคลุมทางด้านเทคโนโลยีและดิจิทัลเพื่อรองรับการดำเนินธุรกิจในอนาคต

อย่างไรก็ตาม อาเซียนจำเป็นต้องพัฒนาทักษะพื้นฐานที่จำเป็นให้เหมาะสมกับความต้องการในอุตสาหกรรมสมัยใหม่ ผลักดันให้ภาครัฐและภาคเอกชนมุ่งเน้นการพัฒนาในระดับภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการสร้างสภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจโดยลดข้อจำกัดให้น้อยที่สุด และควรสร้างความร่วมมือระหว่างกันมากขึ้น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภูมิภาคในการก้าวสู่ห่วงโซ่มูลค่าโลก

ด้านการเสวนาเรื่อง “Next Generation MSME Access to Finance” เป็นเวทีแลกเปลี่ยนแนวคิดเกี่ยวกับการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (MSME)ในยุคแห่งอนาคต ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อจำกัดที่ท้าทายที่สุดสำหรับการเติบโตระยะยาวสำหรับ MSME และธุรกิจเริ่มแรก (Start-Up) ชี้แจงว่าในภูมิภาคอาเซียนที่มีจำนวน MSME เกือบ 80 ล้านราย เป็นสัดส่วน 58% ของ GDP และการเติบโตของ E-Commerce สูงถึง 367% 

สำหรับกลยุทธ์สำคัญในการรับมือกับปัญหาดังกล่าว ได้แก่ การพัฒนาฐานข้อมูลด้านพฤติกรรมทางการเงินของ MSME การปรับวิธีการพิจารณาความเสี่ยงในปัจจุบันในระบบการให้คะแนนเครดิต (Credit Scoring) โดยพัฒนาแนวทางการพิจารณาสินเชื่อ โดยใช้ฐานข้อมูลเป็นหลัก (Information Based Lending) การระดมทุนในรูปแบบใหม่ เช่น Virtual Banking การกู้ยืมเงินระหว่างบุคคลกับบุคคลผ่านระบบออนไลน์โดยไม่ผ่านตัวกลาง (P2P Lending) การระดมทุนแบบ Crowd Funding  และอื่น ๆ ในการสนับสนุนธุรกิจ E-Commerce ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ตลอดจนแนวทางที่ธนาคารจะทำงานกับตลาด E-Commerce เพื่อจัดหาสภาพคล่อง จัดหาสินเชื่อการค้า รวมถึงบริการชำระเงินในรูปแบบต่าง ๆ พร้อมสร้างความเข้มแข็งแก่ระบบนิเวศเพื่อสนับสนุนการเชื่อมโยงระหว่างประเทศ ได้มีการร่วมกันพัฒนาและการปรับเปลี่ยนการทำธุรกรรมค้าขายระหว่างประเทศ เป็นจากระบบที่เป็นเอกสารในปัจจุบัน มาเป็นระบบดิจิทัลทั้งกระบวนการตั้งแต่ต้นจนจบ (End-to-End Regional Digital Trade Transformation) เพื่อความรวดเร็วมากขึ้นและมีต้นทุนที่ถูกลง และจะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำการค้าขายระหว่างประเทศ  . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

เปิดแนวต้านน้ำหล่มสัก ผลักดันแผนแก้น้ำท่วมซ้ำซาก

เพชรบูรณ์ 22 ก.ย. – แม้ว่าน้ำที่ท่วมชุมชนและย่านการค้าในเขตเทศบาลเมืองหล่มสัก ที่เพชรบูรณ์ จะลดลงแล้ว แต่ทิ้งความเสียหายเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะย่านการค้าเก่าแก่ที่เจอน้ำท่วม 2 รอบในช่วง 3 สัปดาห์ เรียกว่ายังไม่ทันได้ฟื้นฟูความเสียหายจากน้ำท่วมรอบแรกเสร็จ ต้องมาเจอน้ำท่วมซ้ำอีก ขณะที่หลายคนกังวลและต้องเตรียมรับมือกับพายุที่คาดว่าจะเข้ามาในช่วงปลายสัปดาห์นี้ พร้อมเรียกร้องให้เร่งป้องกันและหาแนวทาง แก้ปัญหาระยะยาว ไม่ให้หล่มสักกลายเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก .-สำนักข่าวไทย

ฝนถล่มเชียงใหม่ ประกาศปิดน้ำตกแม่สา ส่วนวัดผาลาด เตือนน้ำป่าหลาก

เชียงใหม่ 22 ก.ย.-ฝนถล่มเชียงใหม่ อุทยานฯ ดอยสุเทพ-ปุย ประกาศปิดน้ำตกแม่สา อ.แม่ริม ชั่วคราว หลังน้ำป่าไหลหลาก ส่วนวัดผาลาด แจ้งเตือนชาวบ้านรับมือน้ำป่าหลากลงน้ำตกผาลาด ช่วงบ่ายวันนี้ ( 22 กันยายน) เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ เพจเฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ได้โพสต์ข้อความประกาศปิดน้ำตกแม่สา ในอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว เนื่องจากเกิดเหตุน้ำป่าไหลหลากลงมาจนน้ำมีสีน้ำตาลขุ่น กระแสน้ำไหลแรงและเชี่ยวกราก โดยจะปิดน้ำตกแม่สาตั้งแต่วันนี้จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ ขณะที่พระมหาสง่า ไชยวงค์ เจ้าอาวาสวัดผาลาด ก็ได้โพสต์คลิปภาพวิดีโอ พร้อมข้อความ “มวลน้ำจากยอดดอยกำลังผ่านวัดผาลาด ญาติโยมด้านล่างช่วงนี้ก็เฝ้าไว้เน้อ” ซึ่งทางวัดผาลาดจะมีการแจ้งเตือนชาวบ้านที่อยู่ใกล้ทางน้ำไหลน้ำตกผาลาด และบริเวณเชิงดอยสุเทพในตัวเมืองเชียงใหม่ ให้เฝ้าระวังน้ำป่าที่ไหลผ่านวัดลงสู่ด้านล่างทุกครั้ง สำหรับวัดผาลาดตั้งอยู่บริเวณทางขึ้นดอยสุเทพ และมีน้ำตกผาลาดไหลผ่านพื้นที่วัดช่วงที่เกิดฝนตกหนัก จะมีน้ำป่าไหลหลากจากบนดอยสุเทพผ่านน้ำตกผาลาด ก่อนจะไหลลงสู่พื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่.-สำนักข่าวไทย

กองทัพไทย ย้ำบ้านหนองหญ้าแก้วอยู่เขตแดนไทย ชี้ JBC รับรองแล้ว

กทม. 22 ก.ย.- กองทัพไทย ย้ำบ้านหนองหญ้าแก้วอยู่เขตแดนไทย ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน ชี้ JBC รับรองแล้ว สอดคล้อง MOU 2543 พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยถึงประเด็นหลักเขตแดนที่ 42 และ 43 ในพื้นที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้วว่า หลักเขตแดนที่ 42 ตั้งอยู่ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว (บ้านไปรจัน) ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว และหลักเขตแดนที่ 43 ตั้งอยู่ที่บ้านโนนหมากมุ่น ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว โดยการกำหนดแนวเขตแดนในพื้นที่ดังกล่าวเป็นเส้นตรงจากหลักเขตแดนที่ 41 มายังหลักเขตแดนที่ 42 และต่อเนื่องไปยังหลักเขตแดนที่ 43 จากนั้นแนวเขตแดนจะไปตามคลองระลมระสือจนถึงหลักเขตแดนที่ 44 สำหรับกระบวนการสำรวจ ชุดสำรวจร่วมไทย–กัมพูชาได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่ 1 ของ TOR คือ การสำรวจสภาพ และที่ตั้งของหลักเขตแดนทั้งหมด 74 หลัก ตั้งแต่ปี พ.ศ. […]

ทีมทนายวัดนาป่าพง หอบเอกสารเข้าพบกองปราบ

22 ก.ย.- ทีมทนายวัดนาป่าพง หอบเอกสารเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบ ขณะที่สีกาเยอรมนีเตรียมนั่งเครื่องเข้าพบตำรวจ 2 ต.ค.นี้ หลังจากที่นายนันทน อินทนนท์ ทนายความวัดนาป่าพง จ.ปทุมธานี พร้อมทีมทนายความ ได้มีการตั้งโต๊ะแถลงชี้แจงประเด็นที่ น.ส.ทองใหม่ ขวัญหมื่น หรือ ทนายอุ้ม ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากสีกาจากประเทศเยอรมนี เข้ามาร้องเรียนที่กองบังคับการปราบปราม กล่าวหาว่า พระคึกฤทธิ์ ยักยอกเงินวัด ก่อนนำมาฟอกกับมูลนิธิพุทธวจนที่ประเทศเยอรมนีนั้น ความเคลื่อนไหวล่าสุดวันนี้ (22 ก.ย.68) เวลา 10.00 น. ที่กองบังคับการปราบปราม กองกำกับการ 2 นายนันทน อินทนนท์ ทนายความวัดนาป่าพง จ.ปทุมธานี และทีมทนายความ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน โดยนำเอกสารเป็นพยานหลักฐานเกี่ยวกับเส้นเงิน เงินบริจาคภายในวัด มามอบให้กับพนักงานสอบสวน เพื่อชี้แจงในประเด็นต่างๆ โดยใช้เวลาในการชี้แจงกับพนักงานสอบสวนไม่ถึง 1 ชั่วโมง ก่อนจะเดินทางกลับทันที และไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด หลังจากนั้นทีมข่าวได้ติดต่อไปที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัดนาป่าพง โดยเฉพาะเงินที่เปิดรับบริจาคทั่วประเทศ หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีความผิดจริง […]