เปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่ การประชุมสุดยอดผู้นำภาคธุรกิจ ABIS 2019

เมืองทองธานี 2 พ.ย. –
ภาคเอกชนไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมสุดยอดผู้นำภาคธุรกิจ
ABIS2019
ชูแนวคิด
“Empowering ASEAN 4.0เตรียมพร้อมอาเซียนสู่เศรษฐกิจดิจิทัล


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ 
สภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน
ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน
(กกร.) ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
และสมาคมธนาคารไทย ร่วมเป็นเจ้าภาพในจัดการประชุมสุดยอดผู้นำธุรกิจ
ASEAN
Business and Investment Summit 2019 หรือ ABIS 2019
ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี
โดยเวทีดังกล่าวถือเป็นเวทีคู่ขนานสำคัญของการจัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน (
ASEAN
Summit) ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยมีผู้นำประเทศ
ผู้นำธุรกิจและผู้นำองค์กรระหว่างประเทศเข้าร่วมงานกว่า 1,200 คน


 นายอรินทร์ จิรา
ประธานสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน (
ASEAN Business Advisory Council:
ASEAN-BAC) กล่าวว่า
ภาคเอกชนมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียน เวทีประชุมสุดยอดผู้นำภาคธุรกิจ
ASEAN Business and Investment Summit 2019  หรือ ABIS 2019
ที่จัดขึ้นในครั้งนี้จึงถือเป็นเวทีการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียนท่ามกลางความท้าทายใหม่
ขณะเดียวกันยังถือเป็นการยกระดับความร่วมมือและแสดงให้ประจักษ์ถึงการเป็นภูมิภาคที่โดดเด่นเป็นศูนย์กลางการค้าและการลงทุนของอาเซียน

 โดยการประชุมครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด Empowering
ASEAN 4.0
มีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมความพร้อมประเทศสมาชิกเพื่อรับมือกับความท้าทายใหม่ในยุคดิจิทัล
สอดคล้องกับแนวคิดหลักของสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน (
ASEAN-BAC) ร่วมสนับสนุนและผลักดันให้เกิดการดำเนินการของประชาคมอาเซียนในปี
2562 ประกอบด้วย 4 เสาหลัก ได้แก่ 1.
Digital Infrastructure การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี
2.
Digital Connectivity  การสร้างความเชื่อมโยงทางด้านดิจิทัล
เพื่อรองรับการค้า การลงทุนในอาเซียน 3.
Human Empowerment and Development
การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้เกิดความสามารถใหม่และลดปัญหาการว่างงานในอาเซียน
และ 4.
MSME ผลักดันให้ผู้ประกอบการ MSME เข้าถึงนวัตกรรมและเงินทุนเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน

 “ASEAN 4.0 เป็นทั้งโอกาสและความท้าทาย
ที่ภาคส่วนต่างๆ โดยเฉพาะภาคธุรกิจต้องตระหนักและปรับตัว เมื่อเทคโนโลยีดิจิทัล
กำลังเข้ามามีบทบาทและสร้างผลกระทบในอัตราเร่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน อาทิ
การเข้ามาแทนที่แรงงานทักษะต่างๆ ด้วยหุ่นยนต์
ปัญญาประดิษฐ์ที่จะมาทดแทนงานบริการของประเทศสมาชิกในอาเซียน ฯลฯ การจัดประชุมครั้งนี้เราจึงมองว่าจะทำอย่างไรที่ประเทศสมาชิกอาเซียนจะได้ตระหนักและพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่พลิกผัน
สามารถสร้างประโยชน์ให้กับคนอาเซียนและประชาคมอาเซียนได้มากที่สุด
นายอรินทร์กล่าว


สำหรับงานประชุมสุดยอดผู้นำธุรกิจ ABIS 2019
ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในครั้งนี้
นอกจากจะได้รับการตอบรับความร่วมงานจากผู้บริหารระดับสูงขององค์การระหว่างประเทศ
ไม่ว่าจะเป็นสภาเศรษฐกิจโลก (
WEF) องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ
(
OECD) ยังได้รับเกียรติจากบรรดาผู้นำประเทศอาเซียนและผู้นำของบริษัทชั้นนำ
ที่จะมาร่วมแสดงวิสัยทัศน์แห่งอาเซียน อาทิ แอร์เอเชีย
, แกร็บ,
หัวเว่ย, โตโยต้า มอเตอร์, สิงคโปร์เทเลคอมมูนิเคชั่น,
เอสซีจี, ธนาคารกรุงเทพ, เชลล์
(ประเทศไทย)
, มิตซูบิชิ, ยูเอฟเจ
ไฟแนนเชียล กรุ๊ป และกลุ่มบริษัท แอนท์ ไฟแนนเชียล เซอร์วิสเซส ฯลฯ

 นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า
การจัดงานครั้งนี้จะมีผู้นำจากประเทศต่างๆ
ทั้งภาครัฐและเอกชนมาร่วมแสดงความคิดเห็นในประเด็นเศรษฐกิจและสังคม
รวมทั้งปัญหาต่างๆ ที่ประเทศในกลุ่มประเทศอาเซียนกำลังเผชิญอยู่  การประชุม
ABIS
ในส่วนของภาคการเงินการธนาคารมองโจทย์ความท้าทายในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของวิสาหกิจขนาดกลาง
ขนาดย่อม และรายย่อยในยุคแห่งอนาคต
ซึ่งการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเป็นความท้าทายอันดับต้น ๆ ที่วิสาหกิจขนาดกลาง
ขนาดย่อม และรายย่อยกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้
อันเป็นอุปสรรคอย่างยิ่งต่อการเติบโตและการพัฒนาธุรกิจในระยะยาว  

โดยกลยุทธ์สำคัญในการรับมือกับปัญหาดังกล่าว คือ
การสร้างความเข้มแข็งให้แก่ระบบนิเวศทางการเงินในภูมิภาค
และส่งเสริมให้วิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย
ได้มีโอกาสเข้าถึงบริการทางการเงินและสินเชื่อเพิ่มมากขึ้น
 เชื่อว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อจัดทำเครื่องมือด้านการเงินในยุคแห่งการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่
4 หรือ 4
IR ได้ช่วยการทำธุรกรรมทางด้านการเงินสะดวก
มีต้นทุนที่ถูกลง
และช่วยให้การปล่อยสินเชื่อของธนาคารก้าวไปสู่การให้สินเชื่อที่ดูจากฐานข้อมูลเป็นหลักมากขึ้น
(
Information Base Lending) เช่น AI และ
Big Data ทำให้เกิดสินเชื่อและผู้ให้สินเชื่อในรูปแบบใหม่
การระดมทุนในรูปแบบ
crowd funding และการกู้ยืมเงินระหว่างบุคคลกับบุคคลผ่านระบบออนไลน์โดยไม่ผ่านตัวกลาง
หรือ
P2P เป็นต้น

นวัตกรรมทางด้านการเงินใหม่ๆ
เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของการบริการทางการเงินใหม่ที่จะช่วยให้วิสาหกิจขนาดกลาง
ขนาดย่อม และรายย่อยในอาเซียนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนและเตรียมพร้อมเข้าสู่ยุคแห่งอนาคตได้เพิ่มมากขึ้น
การใช้ประโยชน์จากโอกาสจากการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล
และการความเชื่อมโยงด้านดิจิทัลที่จะทำให้การค้าภายในภูมิภาคอาเซียนเติบโตอย่างก้าวกระโดด

นายปรีดี กล่าว

นอกจากนี้ระหว่างการประชุมยังมีกิจกรรมคู่ขนานต่างๆ
เพื่อสร้างโอกาสและพัฒนาศักยภาพของธุรกิจในอาเซียน อาทิ งานแสดงสินค้า
งานจับคู่ธุรกิจการประชุมหารือกับภาคเอกชนและภาคธุรกิจ ฯลฯ
รวมไปถึงงานประกาศรางวัล
ASEAN Business Award 2019
(
ABA) ที่จะจัดขึ้นภายหลังการประชุมในช่วงเย็นของวันที่
2 พฤศจิกายน 2562 โดยจะมอบรางวัล
The Most Admired ASEAN Enterprise ให้แก่บริษัทที่ถือกำเนิดในอาเซียน
(
home-grown ASEAN companies) บริษัทขนาดกลางและขนาดย่อม (ASEAN
SMEs) ที่มีศักยภาพในการก้าวไปสู่การค้าระดับสากลและเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมเศรษฐกิจอาเซียนให้เจริญเติบโตอย่างยั่งยืน
รวมจำนวนทั้งหมด 11 รางวัล
ทั้งนี้ผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
http://www.aseanbac2019.org

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี
ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า
การประชุมอาเซียนในครั้งนี้จะทำให้เกิดความร่วมมือทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม
และวัฒนธรรมภายในภูมิภาคอาเซียน พร้อมมุ่งหวังผลักดันให้เกิด
Industry
Transformation เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัล
ภาคอุตสาหกรรม และผู้ประกอบการ
SMEs ไทยจะต้องเตรียมพร้อมสู่โลกอุตสาหกรรมแห่งอนาคต
และโลกธุรกิจยุคใหม่
เพื่อให้อุตสาหกรรมและธุรกิจสามารถเติบโตอยู่รอดอย่างยั่งยืนในอนาคต
และปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง ได้อย่างรวดเร็ว

นายไพรัช บูรพชัยศรี รองประธานกรรมการ
หอการค้าไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการโครงการ
ASEAN Business Awards (ABA)
 2019  กล่าวว่า การจัดงาน ABA 2019
มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมภาคธุรกิจ
มุ่งยกย่องเชิดชูบริษัทอาเซียนที่มีศักยภาพและมีความโดดเด่นในด้านต่างๆ พร้อมไปกับการส่งเสริม
SMEs ในอาเซียนที่จะก้าวขึ้นเป็นบริษัทชั้นนำและมีศักยภาพในการแข่งขันในระดับสากล
ซึ่งถือเป็นกลไกในสำคัญในการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (
AEC)

 “เรามุ่งหวังว่ารางวัลดังกล่าวจะเป็น Best
Practice ที่จะส่งเสริมบริษัทเอกชนอื่นได้เรียนรู้
การดำเนินธุรกิจ และสามารถขยายการดำเนินธุรกิจสู่ประเทศในอาเซียน
ซึ่งหากบริษัทเอกชนรวม โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของอาเซียนมีความเข็มแข็ง
ช่วยส่งเสริมและสนับสนุนซึ่งกันและกัน
จะช่วยส่งเสริมความเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
นายไพรัช
กล่าวในที่สุด . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เสียงสะท้อนจากวีรบุรุษแนวหน้าถึงแนวหลัง

11 ส.ค. – แม้สถานการณ์สู้รบไทย-กัมพูชาเหมือนจะดีขึ้น แต่ยังวางใจไม่ได้ เช่นข่าวทหารไทยเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บอีก 3 นาย วันนี้จะพาไปดูความพร้อมของหน่วยแพทย์ในการดูแลทหารของชาติในฐานะวีรบุรุษ พร้อมข้อคิดจากจ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญชูกล้า หรือจ่าเต้ 1 ในวีรบุรุษ ฝากถึงแนวหลัง.-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” เล็งปิด​ ศบ.ทก. หลังถก​ สมช.​ เคาะสถานการณ์สงบจริง

เมืองทองธานี 11 ส.ค.- “ภูมิธรรม” ลั่น​ ก็จบ!! ​ หลัง “กองทัพ” ยืนยันแล้ว “แม่ทัพภาค 2” ไม่ได้พูดยึดปราสาทตาควาย ย้ำยังไม่มีอะไรผิดสัญญา เล็งปิด​ ศบ.ทก. หลังประชุม​ สมช.​ 13-14 ส.ค.นี้​ เคาะสถานการณ์สงบจริง​ นายภูมิธรรม​ เวชยชัย​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี​ กล่าวถึงกรณีพลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2​ ออกมา ประกาศยึดคืนปราสาทตาควาย จะถือเป็นการละเมิดข้อตกลงไทย-กัมพูชาหรือไม่ ว่า​ ยังไม่ได้ยินแม่ทัพภาคที่ 2 พูด​ แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามข้อตกลง​ เมื่อถามว่าแม้กองทัพ จะออกมาปฏิเสธแล้ว​ แต่ทางกัมพูชา​อาจมองเป็นการกระตุ้นให้เกิดความขัดแย้ง และละเมิดข้อตกลง 13 ข้อ นายภูมิ​ธรรม​ กล่าวว่า​ ยังไม่มีอะไรผิดสัญญา กองทัพซึ่งเป็นตัวหลักได้ยืนยันแล้ว​ ก็จบตามนั้น​ เมื่อถามว่า​ สถานการณ์ชายแดน 2-3 วันที่ผ่านมา​ ถือว่าสงบนิ่งหรือไม่​ เนื่องจากมีกระแสข่าวว่าเหตุการณ์ความไม่สงบจะกลับมา​อีก […]

ทบ.ยัน ‘มทภ.2’ ไม่ได้กล่าวรุกล้ำอธิปไตยปมปราสาทตาควาย

11 ส.ค.- โฆษกกองทัพบกโต้กัมพูชา ยันแม่ทัพภาค 2 ไม่ได้กล่าวรุกล้ำอธิปไตยปมปราสาทตาควาย ย้ำไทยไม่มีความพยายาม “ยั่วยุ-วางแผน” ใช้กำลังทางทหารตามที่เขมรกล่าวอ้าง พลตรี​ วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงกรณีกระทรวงกลาโหมกัมพูชาแถลงการณ์ถึงคำสัมภาษณ์ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เรื่องของปราสาทตาควาย ว่า “ยืนยันว่าเนื้อหาที่แม่ทัพภาคที่ 2 พูด ไม่ได้มีความหมายในแบบที่โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้แถลงไป โดยเฉพาะท่านไม่พูดเรื่องการเคลื่อนย้ายกำลัง เพื่อรุกล้ำอธิปไตยกัมพูชา สิ่งที่ท่านได้กล่าวในวันนั้นคือ ปราสาทตาควายอยู่ภายใต้อธิปไตยของไทย ในช่วงที่มีการปะทะที่ผ่านมาพยายามเข้าไปยึดด้วยการวางกำลัง แต่ยังไม่สำเร็จ จึงได้ทำการวางกำลังบริเวณด้านนอก ห่างจากตัวปราสาท 30 เมตร แต่ในอนาคตจะต้องพยายามนำกลับมาภายใต้การควบคุมของไทยให้ได้ ตามขั้นตอนที่เหมาะสม พร้อมกล่าวว่าเตรียมนำเรื่องต่างๆ ไปพูดคุยเจรจาในวงเจรจาในกรอบการประชุม RBC ที่จะเกิดขึ้นใน 2 สัปดาห์ และย้ำถึงจุดยืนว่าไทยจะไม่ถอยจากแนวการวางกำลังเดิม ขอยืนยันว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ไม่ได้พูดถึงเรื่องการใช้กำลังทางทหาร ไปดำเนินการอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นที่กล่าวไปในข้างต้น จึงไม่ใช่ความพยายามที่มีการยั่วยุและมีการวางแผนใช้กำลังทางทหารต่อกรณีปราสาทตาควายอย่างที่กัมพูชากล่าวอ้างแต่อย่างใด” -สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเล็ก​” ยันรับฟังข้อเรียกร้องต่ออายุราชการ “มทภ.2” ยึดรอบคอบ

11 ส.ค.- “พล.อ.ณัฐพล​” ยันรับฟังข้อเรียกร้องต่ออายุราชการ “แม่ทัพภาค 2” แต่ต้องพิจารณารอบคอบ เพื่อไม่ให้กระทบขวัญกำลังใจผู้ปฏิบัติงานระดับรอง ที่จะมีโอกาสเติบโตก้าวหน้า พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวเรียกร้องให้มีการต่ออายุราชการทหาร ของ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2  โดยยืนยันว่า รับฟังกระแสเรียกร้องดังกล่าว ที่มีมาจากคนไทยที่รักประเทศ และห่วงใยในสถานการณ์ หลังการสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชาเพิ่งผ่านไป ซึ่งในฐานะผู้บังคับบัญชา ยืนยันว่ารับฟังข้อเรียกร้องดังกล่าว อย่างไรก็ตามเรี่องนี้ ยืนยันว่าจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ สิ่งสำคัญ ต้องพิจารณาภาพรวมขวัญและกำลังใจของผู้ปฏิบัติงานระดับรอง ที่จะมีโอกาสก้าวหน้าเติบโตต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาสถานการร์การสู้รบ ทั้งแม่ทัพภาค 2 เอง และผู้บังคับบัญชาระดับรอง ต่างก็ทำภารกิจอย่างเต็มกำลัง และมีความสามารถทั้งหมด นักวิชาการไม่เห็นด้วยปมต่ออายุราชการ “แม่ทัพภาค 2” ผศ. ดร.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต  ได้โพสท์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุถึงประเด็นดังกล่าวว่า เรื่องการขอเสนอการต่ออายุราชการ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ออกไปนั้น ตนไม่เห็นด้วย ขอให้วางใจวางสติให้ดี ว่าเราต้องไม่ตกหลุมกับดักของคนภายในและภายนอก […]