“มหาเธร์” แนะอาเซียนจับมือเสริมความแข็งแกร่ง เพิ่มอำนาจต่อรอง

เมืองทองธานี
2 พ.ย. นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย แนะอาเซียนจับมือเสริมความแข็งแกร่ง
เพิ่มอำนาจต่อรอง ใช้ตลาด
650 ล้านคนให้เกิดประโยชน์


มหาเธร์
โมฮาหมัด (
Mahathir Bin
Mohamad)
นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย
กล่าวบนเวทีการประชุมสุดยอดผู้นำธุรกิจ
ASEAN Business and Investment Summit 2019 หรือ ABIS 2019 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค
เมืองทองธานี ว่า อาเซียนเป็นตลาดขนาดใหญ่ระดับโลก มีประชากรกว่า
650 ล้านคน มีความหลากหลายทางชีวภาพและอยู่ในตำแหน่งยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศสำคัญ
ๆ ซึ่งมีโอกาสอย่างมากที่จะพัฒนาศักยภาพของอาเซียนในการเป็นกลุ่มเศรษฐกิจที่ใหญ่
รวมถึงมีอำนาจการต่อรองของภูมิภาคที่จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย จึงต้องร่วมมือกัน
โดยเริ่มจากสร้างตลาดภายในภูมิภาคอาเซียนให้เข้มแข็งก่อนจะเข้าสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่
4 หรือที่เรียกว่า 4IR (The Fourth Industrial
Revolution)
ซึ่งก็คือ
ยุคแห่งดิจิทัลและนวัตกรรม เป็นยุคที่สามารถเข้าถึงข้อมูลขนาดมหาศาล(
Big Data) และเร่งให้การศึกษาและคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชากรในประเทศ
เพื่อสร้างความเข้าใจเทคโนโลยีและดิจิทัลได้มากขึ้น
ช่วยผลักดันการส่งออกของประเทศในภูมิภาคอาเซียนไปยังตลาดอื่นๆ เช่น ยุโรป สหรัฐฯ
เป็นต้น พร้อมทั้งลดปัญหาเรื่องกำแพงภาษีระหว่างกัน ขณะที่
ภาครัฐก็ควรจะประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนและภาคธุรกิจได้ตระหนักถึงความสำคัญของการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคดิจิทัล

มหาเธร์
ชี้ว่า
ภูมิภาคอาเซียนจำเป็นต้องร่วมมือกันให้มากขึ้นเพื่อลดผลกระทบจากสงครามเศรษฐกิจระหว่างจีนกับสหรัฐฯ
พร้อมยกตัวอย่างว่ามาเลเซียกำลังถูกชาติมหาอำนาจ
กดขี่โดยอ้างถึงกรณีที่สหภาพยุโรประงับนำเข้าน้ำมันปาล์มจากมาเลเซีย ซึ่งรายได้จากการส่งออกน้ำมันปาล์มคิดเป็น
2.8% ของจีดีพีมาเลเซียในปีที่แล้ว
และประมาณ
4.5% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด
พร้อมย้ำจุดยืนว่า
มาเลเซียก็พร้อมโต้ตอบด้วยยกเลิกการนำเข้าสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯและสหภาพยุโรปเช่นเดียวกัน



นายกลินท์
สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า
เวทีนี้เป็นเวทีที่เปิดกว้างในการแลกเปลี่ยนและอภิปรายประเด็นต่างๆเพื่อพัฒนาภูมิภาคอาเซียนสร้างความเชื่อมโยงระหว่างกัน
โดยเสริมความเข้าใจ สร้าง
Mindset
ของคนรุ่นใหม่ ให้มีการแบ่งบัน
เรียนรู้ มีเครือข่ายที่ดี และยังเป็นการวางรากฐานที่ยั่งยืนของภูมิภาคอาเซียนในระยะยาว.
สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง