รัฐสภา 29 ต.ค.- กมธ.ควบคุมการใช้สารเคมีในภาคเกษตรกรรม สภาฯ แนะเร่งตั้งห้องแลปสุ่มตรวจสารเคมีปะปนผัก-ผลไม้ นำเข้าผ่านด่านเชียงของ ขณะเดียวกัน ชี้ ตั้งคณะทำงานพิจารณาหาสารเคมีทดแทน สวนทางนโยบาย รมว.เกษตรฯ ที่ให้ทำเกษตรอินทรีย์
นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการควบคุมการใช้สารเคมีในภาคเกษตรกรรม สภาผู้แทนราษฎร แถลง วันนี้ (29 ต.ค.) ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาการหาสารเคมีเข้ามาทดแทน 3 สารเคมีอันตราย ได้แก่ สารพาราควอต / ไกลโฟเซต และ คลอร์ไพริฟอส ที่คณะกรรมการวัตถุอันตรายได้มีมติแบน เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ที่ผ่านมา และห็นว่าการตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาหาสารเคมีทดแทน จะสวนทางกับที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เคยแถลงนโยบายเกี่ยวกับการทำเกษตรอินทรีย์ 1 ล้านไร่ และการจะหาสารเคมีมาทดแทนการทำเกษตรอินทรีย์จะไม่เกิดความสำเร็จ เนื่องจากมีสารเคมีตัวใหม่เข้ามาทดแทน
“คณะกรรมาธิการฯ จึงเห็นว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุข ควรเร่งให้มีการจัดตั้งห้องแลปในการสุ่มตรวจสารเคมี ที่ปะปนมากับผักและผลไม้ที่นำเข้าจากด่านเชียงของ ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ ไปพร้อมๆ กับการยกเลิกใช้ 3 สารเคมีดังกล่าวด้วย เพราะประเทศไทยยังคงที่จะต้องนำเข้าทั้งผัก และผลไม้จากสาธารณรัฐประชาชนจีนและจากประเทศเพื่อนบ้าน ผ่านศูนย์ขนส่งสินค้าเชียงของ” นายชวลิต กล่าว
นายชวลิต กล่าวว่า ในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ คณะกรรมาธิการฯ จะเดินทางไปศึกษาดูงานเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาเรื่องสารเคมีตกค้างในสิ่งแวดล้อม ที่ จ.หนองบัวลำภู พร้อมรับฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการแก้ปัญหาเรื่องสารเคมีจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และลงพื้นที่ศึกษาดูงานเกี่ยวกับเกษตรกรรมแบบยั่งยืน เยี่ยมชมแปลงอ้อยอินทรีย์ พร้อมพบปะกับผู้ป่วยโรคเนื้อเน่า และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสารเคมีด้วย . – สำนักข่าวไทย