กมธ.เศรษฐกิจวุฒิสภาหนุนประกันภัยรายย่อย

คปภ. 29 ต.ค. –  กมธ.เศรษฐกิจฯ วุฒิสภาหนุนประกันภัยรายย่อย พัฒนาสวัสดิการชาวบ้าน ลดภาระเบี้ยประกัน พัฒนาผลิตภัณฑ์ตรงกลุ่มเป้าหมายของเกษตรกร ผู้สูงอายุ ดูแลแรงงานต่างด้าวลดปัญหาตัดสิทธิ GSP จากสหรัฐ


นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมธุรกิจประกันภัย (คปภ.) รายงานแผนพัฒนาระบบประกันภัย เพื่อดูแลประชาชนรายย่อยให้เข้าถึงระบบประกัน ให้กับนายวิสุทธ์ ศรีสุพรรณ ประธานคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง วุฒิสภา พร้อมกรรมาธิการฯ ว่า ขณะนี้รัฐบาลมอบหมายการบ้านให้ คปภ.เน้นดูแลรายย่อย เพื่อพัฒนาระบบการดูแลชาวบ้านรายย่อยและผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ หวังระบบการดูแลสุขภาพครอบคลุมมากขึ้น ตอบโจทย์ให้กับชาวบ้านตามพื้นที่แตกต่างกัน เช่น ไข้เลือดออก ประกันทุเรียน ประกันชาวประมง เฉพาะกลุ่มมากขึ้น ทำให้เบี้ยประกันลดลง ไม่กระทบต่อภาระเบี้ยประกันกับรายย่อย เห็นได้จากบริษัทประกันเข้าร่วมโครงการประกันภัยไข้เลือดออกถึง 23 รายในช่วงแรก 

นายสุทธิพล กล่าวว่า คปภ.ศึกษาแนวทางการดึงผู้มีรายได้น้อยเข้าถึงระบบมากขึ้น ด้วยการจัดทำแบบประกันอุบัติเหตุรายย่อย คิดเบี้ยประกันถูกไม่เป็นภาระจ่ายรายเดือนเพียง 5-7 บาท ให้ความคุ้มครองกรณีประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต รวมถึงกรณีการทุพพลภาพสูงสุด 100,000 บาท เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนรายย่อยเข้าถึงการทำประกันภัยมากขึ้นตามนโยบายของรัฐบาล จึงต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยให้กว้างและตรงจุดกลุ่มเป้าหมาย เช่น ประกันภัยพืชผลทางการเกษตรครอบคลุมพืชหลากหลายประเภทมากขึ้น และการประกันภัยทรัพย์สินของหน่วยงานราชการ หลังจากไทยได้รับผลประเมินของ FSAP ประจำปี 2561-2562 ไทยติดอันดับ 2 ของอาเซียน และอันดับ 4 ของโลกในการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัย จึงพร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์หลากหลายรองรับการขยายฐานผู้เอาประกัน 


นายสุทธิพล ยอมรับว่า เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปมาก จึงต้องนำเทคโนโลยีกำกับดูแลธุรกิจประกันภัย การทดสอบระบบประกัน การพัฒนาระบบฐานข้อมูล ผ่านแอปพลิเคชั่น “Me Claim” เพื่อให้บริษัทประกันใช้ประโยชย์ได้นำมาใช้ประโยชน์ ขยายการดูแลให้กว้างมากขึ้น  คปภ.หารือสมาคมประกันวินาศภัยในการจัดทำแบบประกันภัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยแล้ว และเตรียมเสนอให้กระทรวงการคลังพิจารณา เพื่อเป็นทางเลือกในการเพิ่มสวัสดิการให้แก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยรูปแบบการชำระเบี้ยอาจมี 2 ทางเลือก คือ ให้รัฐบาลเป็นคนจ่ายเบี้ยให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ ทุกคน หรือเปิดให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ เข้ามาทำประกันแบบภาคสมัครใจ เตรียมเสนอนำวงเงินในบัตรสวัสดิการไปซื้อแบบประกันได้ตามความสมัครใจ  คิดเบี้ยประกันเบื้องต้น 7 บาทต่อเดือน  แต่ถ้ามีคนทำจำนวนมากเป็นล้านคนราคาอาจถูกกว่านั้น เหลือไม่ถึง 5 บาท นอกจากนี้ คปภ.จะมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่รองรับสังคมผู้สูงอายุ เมื่อไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ภาครัฐมีงบประมาณสูงขึ้น เช่น ผลิตภัณฑ์ประกันภัยแบบบำนาญ แบบเงินรายงวดตลอดชีพ และแบบประกันภัยการดูแลระยะยาว 

ปัจจุบันภาพรวมธุรกิจประกันภัยปี 2561 แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรับกว่า 860,000 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 4.99 ธุรกิจประกันชีวิต เบี้ยประกันภัยรับ 627,560 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 4.55 ธุรกิจประกันวินาศภัย เบี้ยประกันภัยรับ 231,990 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 6.20 ทำให้เบี้ยประกันภัยรวมทั้งระบบสัดส่วนต่อจีดีพีร้อยละ 5.27 

นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า การขยายตัวของเบี้ยประกันไทยช่วงที่ผ่านมายังเติบโตได้ดี จึงมีศักยภาพขยายตัวอีกมาก จากเป้าหมายขยายตัวร้อยละ 6 ส่วนใหญ่ผู้ซื้อประกันระบบบน ระดับกลาง ผู้มีรายได้น้อย ยังเข้าไม่ถึงประกันมากนัก ยอมรับว่ายังไม่ครอบคลุม อาจกระทบต่อฐานะการคลังในอนาคตในการดูแลสุขภาพ  ดังนั้น จึงต้องให้ความรู้เกี่ยวกับการเข้าถึงประกัน เมื่อชาวบ้านเริ่มเข้าถึงถุงเงินประชารัฐ  แอปเป๋าตัง ผู้ค้าหาบเร่ แผงลอย อีกจำนวนมาก เวลาเกิดปัญหาหัวหน้าครอบครัวเสียชีวิต จึงต้องมีระบบดูแลความมั่นคง  เมื่อรายย่อยเริ่มเข้าถึงเทคโนโลยีมากขึ้น หากค้าขายในตลาดมีกำไรบ้างเล็กน้อยต้องชวนออมเงิน หรือซื้อประกันบ้าง 5-7 บาทต่อเดือน เพื่อไม่เป็นภาระมากนัก หากมีแอปพลิเคชั่นสร้างวินัยให้นักเรียนผู้จบการศึกษาที่กู้เงินจาก กยศ.รู้จักใช้หนี้ รู้จักออมเงิน ระยะยาว ผ่านระบบประกัน เพื่อนำเทคโนโลยีการเงิน หารือกับ กยศ. กอช. เพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว 


นายสมพล เกียรติไพบูลย์ กรรมาธิการเศรษฐกิจฯ วุฒิสภา เสนอแนะว่าบทบาทของประกันภัยต้องเปลี่ยนไปมากช่องว่างในการพัฒนาระบบประกันภัยยังมีอีกมาก และยังต้องพัฒนาประกันภัยตอบโจทย์สังคมผู้สูงอายุ ประกันสังคม ประกันสุขภาพ ประกันชีวิต เพื่อขยายให้ครอบคลุมมากขึ้น ยอมรับว่ากฎหมายประกันภัยวิ่งสวนทางกับการพัฒนากระแสโลก ไทยคุ้นชินกับการออกกฎหมายจำนวนมาก จนกลายเป็นอุปสรรคในการพัฒนาประเทศ จึงต้องยึดใช้ พ.ร.บ.เป็นกฎหมายหลัก กฎหมายลูกค่อยนำเข้ามาประกอบ เพราะแก้ไขง่ายกว่า เมื่อกระแสโลกเปลี่ยนไป หากละเอียดมากไปขอให้ปรับ เพื่อให้กฎกระทรวงบังคับใช้ในแต่ละยุคสมัยให้สอดคล้องกับความจริง 

นายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ อดีตผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กรรมาธิการเศรษฐกิจฯ วุฒิสภา เสนอให้จัดทำประกันภัยสุขภาพแรงงานต่างด้าว เพราะได้เข้ามาทำงานพัฒนาเศรษฐกิจไทยจะพัฒนาระบบประกันสุขภาพอย่างไร เพิ่มจากประกันสุขภาพ กองทุน สปสช.ในการจัดทำประกันดูแลแรงงาน  เพื่อลดข้อครหาการดูแลแรงานต่างด้าว และลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม 

นางประภาศรี สุฉันทบุตร กรรมาธิการเศรษฐกิจฯ วุฒิสภา  เสนอแนะว่า ผู้สูงอายุ 65 ปี จะไม่ทำประกันภัยสุขภาพ หรือประกันอื่น ๆ ให้ เพราะมีอายุมากแล้ว จึงเสนอให้ทำประกันได้แต่เบี้ยถูกลงหรือมูลค่าชดเชยลดลง เพื่อดูแลสังคมผู้สูงอายุ และปัจจุบัน คปภ.แบล็คลิสต์โรงพยาบาลเอกชนประมาณร้อยละ 20 หลังกระทรวงพาณิชย์ควบคุมราคากลาง แม้ว่าโรงพยาบาลบางแห่งถูกจัดอยู่ในกลุ่มราคาถูก แต่ยังไม่ถูกปลดแบล็คลิสต์ เพื่อต้องการให้นำมาให้บริการกับผู้ป่วยหลังได้ปฏิบัติอย่างถูกต้อง และเสนอ คปภ.กำกับดูแล การเวนคืนประกันค่อนข้างยุ่งยาก รายละเอียดเยอะมาก ผู้สูงอายุ หรือคนทั่วไปอ่านแล้วไม่เข้าใจการขอคืน หรือได้รับเงินคืนหากต้องขอเงินก่อนครบกำหนด จึงขอให้จัดทำแบบสรุปเข้าใจง่าย 

นายวุฒิพันธ์ วิชัยรัตน์ กรรมาธิการเศรษฐกิจฯ วุฒิสภา เสนอแนะว่า ผู้ซื้อประกันวินาศภัย ประกันสุขภาพ มีตัวชี้วัดอย่างไร เช่น การซ่อมรถ มีบรรทัดฐานอย่างไร การรักษาสุขภาพ ได้รับบริการดูแลอย่างไร ทำไมต้องจ่ายเงินสดไปก่อน เมื่อซื้อประกันไปแล้ว และการร้องเรียน ได้รับการดูแลอย่างไร และติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์การให้บริการของบริษัทประกัน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]