คมนาคมรับมือ PM 2.5 คุมเข้มท่าเรือกรุงเทพ-แหลมฉบัง

กรุงเทพฯ 25 ต.ค. – กทท.ออกมาตรการป้องกันคุณภาพอากาศในพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพ-แหลมฉบังอย่างเข้มงวด โดยการฉีดละอองน้ำกว่า 64,000 ลิตร แจกหน้ากากกันฝุ่น และดับเครื่องยนต์เมื่อไม่มีการใช้งาน เพื่อลดฝุ่นละออง



นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมได้ติดตามการดำเนินงานของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ให้เป็นไปตามมาตรการที่ทางรัฐบาลกำหนด ได้แก่ มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ มาตรการป้องกันและลดการเกิดมลพิษที่ต้นทางและมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการมลพิษ โดยให้ กทท.ดำเนินการจัดการกับปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ตามนโยบายของรัฐบาลอย่างเร่งด่วน


เรือโทกมลศักดิ์ พรหมประยูร ผู้อำนวยการ กทท. เปิดเผยว่า กทท.ได้ดำเนินมาตรการป้องกันคุณภาพอากาศภายในพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.) และท่าเรือแหลมฉบัง (ทลฉ.) อย่างต่อเนื่องตามนโยบายฯ เพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าวที่จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพ รวมทั้งรักษาสภาพแวดล้อมและสุขอนามัยที่ดีของพนักงาน กทท. ผู้ใช้บริการ กทท. ชุมชนใกล้เคียง และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อให้สภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ไม่เป็นแหล่งที่ก่อให้เกิดฝุ่นละออง PM 2.5 จากกิจกรรมการดำเนินงานของ กทท.

ทั้งนี้ กทท.กำหนดให้ทุกหน่วยงานที่มิได้ปฏิบัติงานบรรทุกขนถ่ายสินค้าภายในพื้นที่ ทกท.ดับเครื่องยนต์ยานพาหนะและเครื่องมือทุ่นแรงของ กทท.ทุกกรณี รวมทั้งเข้มงวดในการซ่อมบำรุงเครื่องมือ ทุ่นแรงทุกประเภทให้เป็นไปตามรอบการซ่อมบำรุง เพื่อลดการเกิดมลภาวะในอากาศและได้ดำเนินการ แจกหน้ากากกันฝุ่นให้กับพนักงานทุกคน เพื่อสุขภาพที่ดีของพนักงาน

นอกจากนี้ ทกท.ได้เฝ้าระวังแหล่งกำเนิดฝุ่น PM 2.5 โดยฉีดละอองน้ำในแหล่งกำเนิดฝุ่น เพื่อควบคุมและกำจัดไม่ให้ฝุ่นแพร่กระจาย พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่สิ่งแวดล้อมออกตรวจวัดสภาพอากาศภายในพื้นที่ ทกท. อย่างเร่งด่วน ในส่วนของ ทลฉ.ได้มีมาตรการลดฝุ่น PM 2.5 โดยได้จัดรถดับเพลิงฉีดละอองน้ำควบคุมฝุ่นละอองที่เกิดจากยานพาหนะที่อยู่ในพื้นที่ลาน 70 ไร่ และสี่แยกต่าง ๆ บริเวณ ทลฉ. เพื่อควบคุมฝุ่นละออง โดยฉีดเป็นแนวนอนและแนวเฉียง ซึ่งใช้น้ำจำนวนมากกว่า 64,000 ลิตร และสามารถควบคุมสภาพอากาศให้อยู่ในสภาวะปกติ อีกทั้งขอความร่วมมือกับบริษัทผู้ประกอบการ ทลฉ.ทำความสะอาดลานตู้สินค้า การควบคุมรถบรรทุกสินค้าและเครื่องมือทุ่นแรงไม่ให้ปล่อยมลพิษ และให้ความร่วมมือเข้าร่วมกิจกรรม Big Cleaning Day อีกทั้งสมาคมขนส่งจังหวัดชลบุรี ได้ให้ความร่วมมือในการควบคุมรถบรรทุกขณะขนถ่ายสินค้าให้อยู่ในสภาพที่ไม่ก่อมลพิษทางอากาศ และประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ให้ช่วยกวดขันการบำรุงรักษาเครื่องยนต์ของรถบรรทุกและยานพาหนะต่าง ๆ เพื่อไม่ให้ปล่อยควันดำอีกด้วย.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พปชร.เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา

พปชร. เปิดตัวทัพใหญ่ ว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา เผยเลือดไหลเข้าพรรคพร้อมรับใช้ประชาชนอีกมาก

สาวถูกงูเห่ากัดใช้เบตาดีนทา สุดท้ายถูกหามเข้า ICU

อุทาหรณ์ สาวโพสต์โดนงูเห่ากัดตอนตี 5 ล้างแผล ทาเบตาดีนสู้พิษงู ลุกไปเข้าเวรเช้าต่อ ก่อนภาพตัด ถูกหามเข้าไอซียู

ตร.ไซเบอร์บุกค้น 9 จุด รวบรอบ 2 “มินนี่” เจ้าแม่เว็บพนัน

ตำรวจ บช.สอท. นำกำลังพร้อมหมายค้น ปูพรม 9 จุด ทั้งในกรุงเทพฯ จังหวัดเลย และจังหวัดใกล้เคียง จับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายพนันออนไลน์ “มินนี่” กว่า 30 หมายจับ

เตือนพายุฤดูร้อนไทยตอนบน ฉ.1 มีผล 6-8 มี.ค.นี้

กรมอุตุฯ ออกประกาศเตือนพายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน ฉบับที่ 1 มีผลกระทบช่วงวันที่ 6-8 มี.ค.68 เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง

ข่าวแนะนำ

ขอหมายจับสามีภรรยาแจ้งความเท็จไฟไหม้บ้านเผาเงิน 10 ล้าน

ตำรวจขอศาลออกหมายจับสามีภรรยา แจ้งความบ้านถูกไฟไหม้เผาเงิน 10 ล้านบาท ด้าน พฐ. ตรวจบ้านไฟไหม้ไม่พบไฟฟ้าลัดวงจร ยืนยันน่าจะเป็นการจงใจวางเพลิง พบเงิน 10 ล้าน ไม่มีจริง พร้อมตรวจสอบเส้นเงินอีก 6.5 ล้าน ที่ยึดได้ในรถ ส่อฟอกเงิน-บัญชีม้า

พายุฤดูร้อนถล่มอีสาน

พายุฤดูร้อนถล่มอีสาน ลมแรง ต้นไม้ล้ม

ไทยเข้าสู่ฤดูร้อนไปเมื่อวันศุกร์ ที่ 28 ก.พ.68 หลายพื้นที่ถูกพายุฤดูร้อนพัดถล่ม โดยเฉพาะเมื่อวานฝนกระหน่ำ ลมแรง ต้นไม้ล้ม ต้นทุเรียนโค่น อุตุฯ เตือนช่วง 6-8 มีนาคมนี้ ระวังพายุฤดูร้อน

ระดมชุดสืบสวนเร่งไล่ล่าคนร้ายชิงทอง 102 บาท

ตำรวจภูธรภาค 6 ระดมชุดสืบสวนเร่งไล่ล่าโจรชิงทองกลางห้างดังแม่สอด พร้อมจำลองเหตุการณ์ถอดแผนประทุษกรรมคนร้าย คาดมีข่าวดีเร็วๆ นี้ ขณะที่ 5 อำเภอชายแดน ยังเข้มตั้งจุดตรวจ-จุดสกัด ป้องกันคนร้ายหนีข้ามแดน

นายกฯ พบผู้บริหารบริษัท DKSH ณ นครซูริก ก่อนบินต่อเบอร์ลิน

นายกฯ หารือภาคเอกชน พบผู้บริหารบริษัท DKSH ณ นครซูริก ก่อนบินต่อเบอร์ลิน เยอรมนี พูดคุยข้อจำกัดการขออนุญาตจำหน่ายยาและเวชภัณฑ์พัฒนาการรักษาโรคในไทย สานต่องานอดีตนายกฯ เศรษฐา พร้อมขอให้เป็นตัวกลางส่งออกสินค้าเกษตรไทยไปต่างประเทศ