ตร.คุมคนขับกระบะแหกโค้งชนนิสิต ม.เกษตรฯ สอบปากคำ-แจ้งข้อหา

กทม. 24 ต.ค.-กระบะแหกโค้งชนนิสิต ม.เกษตรฯ ขี่จักรยานยนต์ เจ็บ 5 คน พบรองเท้าแตะขัดใต้เบรก ทำให้เบรกไม่อยู่พุ่งชนใส่ ตำรวจ สน.บางเขน คุมตัวคนขับกระบะคันก่อเหตุไปสอบปากคำและแจ้งข้อหา

นี่เป็นคลิปเหตุการณ์รถกระบะแหกโค้งภายใน ม.เกษตรศาสตร์ พุ่งชนรถจักรยานยนต์นิสิตที่ขับมาในเลนตัวเอง โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 12.40 น.ที่ผ่านมา  โดยตำรวจ สน.บางเขน รับแจ้งอุบัติเหตุรถกระบะชนกับรถจักรยานยนต์ มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย เหตุเกิดภายในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ถนนงามวงศ์วาน เขตจตุจักร กรุงเทพฯ จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมเจ้ามูลนิธิร่วมกตัญญู


ที่เกิดเหตุอยู่บนถนนสุธรรมอารีกุล ฝั่งขาออก มุ่งหน้าถนนวิภาวดี-รังสิต ลักษณะเป็นถนน 2 เลน มีเกาะกลางแบ่งถนนสองฝั่ง ติดกับเคยู อเวนิว พบรถกระบะยี่ห้อฟอร์ด รุ่นเรนเจอร์ สีเทา หมายเลขทะเบียน ฆอ 8417 กรุงเทพมหานคร สภาพพังเสียหาย จอดขวางอยู่กลางถนน มีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเป็นนิสิต 2 คน และบาดเจ็บสาหัส 3 คน เป็นนิสิตผู้ชาย 1 คน และผู้หญิง 2 คน ทราบชื่อนางสาวพิชชาภา พุ่มเหมือน และนางสาว ธมลวรรณ เขตต์สาคร รวมทั้งหมด 5 คน เจ้าหน้าที่นำส่งโรงพยาบาลวิภาวดี จากเหตุการณ์ดังกล่าวมีรถยนต์ได้รับความเสียหาย 4 คัน และรถจักรยานยนต์ 3 คัน

จากการตรวจสอบกล้องหน้ารถพบว่านิสิตขับรถจักรยานยนต์ตามกันมาในช่องทางซ้าย โดยนักศึกษาชายขับอยู่คันหน้าสุด และมีนักศึกษาผู้หญิงขับขี่ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ตามมาอีก 2 คัน และมีรถกระบะยี่ห้อมาสด้าขับอยู่ช่องทางขวา ขณะนั้นมีรถกระบะยี่ห้อฟอร์ดที่อยู่ถนนฝั่งตรงข้ามขับมาด้วยความเร็ว แล้วลักษณะหลุดโค้งข้ามมาชนกวาดรถจักรยานยนต์อย่างแรง จนนักศึกษากระเด็นไปคนละทิศทาง


พลตำรวจตรีพัฒนา เพศยนาวิน ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 เปิดเผยว่า จากการสอบถามนายรัฐวิทย์ ทราบว่าได้ขับรถมาด้วยความเร็วประมาณ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังจะมุ่งหน้าไปธนาคารกับเพื่อนสาว ซึ่งปกติจะถอดรองเท้าแตะขับรถ เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุรองเท้าแตะไปขัดอยู่ที่ตัวเบรกจึงทำให้เบรกไม่ได้

ล่าสุดตำรวจ สน.บางเขน คุมตัวนายรัฐวิทย์ สราวุธวินัย คนขับรถกระบะคันก่อเหตุ ไปตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ที่ รพ.ภูมิพล พบว่าเป็น 0 และไม่พบสารเสพติดในร่างกายแต่อย่างใด ขณะนี้อยู่ระหว่างคุมตัวมาสอบปากคำและแจ้งข้อหาที่ สน.บางเขน

น.ส.สริสสา พณิชยา นิสิตปี 4 คณะเศรษฐศาสตร์ และ น.ส.ธัญมน จิระพรกุล นิสิตปี 4 คณะเศรษฐศาสตร์ เจ้าของกล้องหน้ารถที่บันทึกเหตุการณ์ไว้ได้ เล่าว่า ขณะเกิดเหตุกำลังจะกลับบ้าน สังเกตเห็นความผิดปกติว่ารถกระบะที่พุ่งมานั้นวิ่งสวนเลนมาด้วยความเร็ว จึงชะลอรถเตรียมเบรกไว้ จากนั้นรถก็พุ่งมากวาดรถจักรยานยนต์ของเพื่อนนิสิตที่อยู่ด้านหน้าล้มระเนระนาด ช่วงนั้นคิดว่าต้องไถลมาฟาดรถตนแน่ๆ แต่ยังดีที่รถกระบะหยุดก่อน


สำหรับผู้บาดเจ็บทั้ง 5 ราย ถูกนำไปสอบปากคำที่ สน.บางเขน 4 ราย ส่วนใหญ่มีบาดแผลที่หัวเข่า มือ และข้อศอก ส่วนอีก 1 ราย เป็นนิสิตชายที่ขี่จักรยานยนต์อยู่คันหน้าสุด แพทย์ รพ.วิภาราม ให้แอดมิด เนื่องจากกระทบกระเทือนที่ใบหน้าและศีรษะ ตอนนี้ยังมีอาการหน้าบวม

ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทยลงพื้นที่ไปสอบถามเจ้าของร้านขายผลไม้ที่อยู่ในเคยู อเวนิว เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ในช่วงเกิดเหตุเป็นเวลาประมาณเที่ยงกว่าๆ ตนกำลังจัดผลไม้ อยู่ๆ ได้ยินเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ก่อนจะได้ยินเสียงกรีดร้องของคนในบริเวณนั้น จึงรีบวิ่งออกไปดู ปรากฏว่าเห็นรถกระบะฟอร์ด พลิกคว่ำ และเห็นนักศึกษานอนกระจัดกระจาย มี 2 คนที่อาการสาหัส มีแผลลึกจนมองเห็นกระดูก ส่วนอีกคนโดนชนกระเด็นจนตัวไปอยู่ใต้ท้องรถยนต์ข้างทาง ตนและพ่อค้าแม่ค้าแถวนั้นรีบเข้าไปช่วยเหลือ และรีบนำร่มมากางให้คนเจ็บ เพราะอากาศร้อนมาก

เหตุการณ์นี้ถือว่าเป็นอุบัติเหตุครั้งรุนแรงที่สุด ครั้งแรกที่เกิดขึ้นในบริเวณนี้ เนื่องจากคนที่ใช้เส้นทางประจำขับรถช้า ไม่เกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแน่นอน หากมีเหตุปกติจะถอยชนท้าย เฉี่ยวกันเล็กน้อย ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่นี่ดูแลรถเข้าออกอย่างเข้มงวด รวมถึงบนถนนมีลูกระนาด ไม่ให้ขับรถเร็ว จึงแปลกใจว่าทำไมรถคันนี้ขับมาได้เร็วขนาดนี้

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปหาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่อยู่ในที่เกิดเหตุ เพื่อสอบถามเหตุการณ์ พบนายสุภีร์ มุขมนตรี เล่าว่า ตอนเกิดเหตุกำลังหันหลังโบกรถอยู่ แต่พอได้ยินเสียงที่ดังมากจึงหันมาดู เห็นรถกระบะฟอร์ดกำลังลอยกลางอากาศก่อนจะคว่ำ และมาชนนักศึกษาที่ขี่จักรยานยนต์มา เท่าที่สังเกตเห็นคนขับกระบะ ซักครู่จึงค่อยลงมาโทรศัพท์ แต่ไม่ได้เห็นว่าลงมาดูอาการคนเจ็บหรือไม่ เมื่อเกิดเหตุได้แจ้งวิทยุให้ รปภ.ส่วนกลางมาดูเหตุการณ์ และแจ้งตำรวจให้มาดูเหตุ ยืนยันที่ผ่านมาตรงบริเวณนี้ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงเลย เพราะคนที่ใช้ทางนี้ประจำจะรู้ว่าต้องขับในความเร็วแค่ไหน ยอมรับว่าเมื่อได้ยินเสียงรถที่ชน และภาพเหตุการณ์ตรงหน้า จะต้องมีคนเสียชีวิตแน่นอน แต่ดีที่มีแค่คนเจ็บ แม้จะสาหัสก็ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว ขณะที่ตัวเองปกติจะต้องไปโบกรถเข้าออกจุดที่รถคว่ำเป็นประจำ แต่วันนี้กลับเลือกอยู่ที่ป้อม จึงถือเป็นโชคดีของตัวเอง รวมทั้งเหตุที่เกิดอยู่ในช่วงเที่ยงที่คนไม่เยอะ รถไม่มาก หากเป็นตอนเช้าหรือเย็น อาจจะเสียหายมากกว่านี้

มีรายงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยว่า ผู้ต้องหาเคยป่วยเป็นโรคซึมเศร้าแต่หายแล้ว และให้ปากคำว่าขณะเกิดเหตุมาตามปกติเพื่อไปธนาคาร ใช้ความเร็วประมาณ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เหยียบเบรกแล้วแต่ไม่ทำงาน ตอนขับรถจะถอดรองเท้า อ้างว่ารองเท้าอาจจะไปติดตรงเบรก ทำให้ไม่สามารถควบคุมรถได้ แต่ใช้เส้นทางในมหาวิทยาลัยเป็นประจำ เพราะทำงานที่นั่น แต่บริเวณโค้งที่เกิดเหตุไม่ได้ผ่านบ่อย  

เจ้าหน้าที่ยังเปิดเผยว่า ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อหา และจะไปเยี่ยมและเยียวยาผู้บาดเจ็บ ขณะนี้ได้แจ้งข้อหาขับรถประมาท ทำให้มีทรัพย์สินเสียหายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บเพียงข้อหาเดียว ต้องรอเช็กอาการของคนเจ็บซึ่งมีทั้งหมด 5 ราย สาหัส 2 ราย เจ็บเล็กน้อย 3 ราย และวันนี้ไม่จำเป็นต้องควบคุมตัว เนื่องจากผู้ต้องหาเข้ามาพบกับเจ้าหน้าที่เอง และขอโทษกับผู้ได้รับบาดเจ็บ.-สำนักข่าวไทย

ข่าวเที่เกี่ยวข้อง
กระบะแหกโค้งชนนิสิต ม.เกษตรเจ็บ 5

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน

กัมพูชา 15 มิ.ย.- ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน ซึ่งการหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ประชุมครั้งต่อไปเดือน ก.ย.นี้ ฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 เอกอัครราชทูตประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย และนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา เป็นประธานร่วมในพิธีปิดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) และลงนามบันทึกการประชุมร่วมกัน ที่กรุงพนมเปญ การหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร ทั้งสองฝ่ายกล่าวขอบคุณที่การประชุมสำเร็จลุล่วงด้วยดี โดยเน้นย้ำความสำคัญและประสิทธิภาพของ JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีหลักในการเจรจาเขตแดนระหว่างสองประเทศ การประชุมครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งมีความยาวทั้งหมดประมาณ 800 กิโลเมตร และมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดบริเวณชายแดน ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีภารกิจที่ต้องหารือและดำเนินการร่วมกันต่อไป โดยฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JBC สมัยพิเศษครั้งต่อไปในเดือนกันยายนนี้ ปัจจุบัน ไทยกับกัมพูชามีกลไกความร่วมมือในประเด็นชายแดนร่วมกัน 3 ระดับหลัก ได้แก่ (1) JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีที่สำคัญในการหารือกันทางเทคนิคและข้อกฎหมายระหว่างประเทศ (2) คณะกรรมการชายแดนทั่วไป […]

“อนุทิน”​ ยกคณะ สส.​-​ขรก.มหาดไทย​ เยือนอุดรฯ

อุดรธานี ​15 มิ.ย.​- “อนุทิน”​ โหมโรง​ ยกคณะ สส.​-​ขรก.มหาดไทย​ เยือนอุดรธานี​ เปิดตัว​ “อดิศักดิ์​” ไทยสร้างไทย บอก​ “นู๋หนู​-​ดู๋ดี๋”​ ซี้กัน​ อวยเป็น สส.คุณภาพ​ ภูมิใจไทย​ ภูมิใจแทน​ รอบหน้าขอชาวอุดรฯ​ เลือกเป็น สส.ภท.​ โอดแทนชาวบ้าน​ ซัด​ห่วย 3 ปี งบโยธาแค่​ 700 ล้าน​ บอกถ้าเลือกภูมิใจไทยซัดไปแล้ว​ 3,000 ล้าน​ เหน็บ​ถนน 4 เลน ใครทำให้กุดอย่าไปเลือก นายอนุทิน​ ชาญ​วี​รกูล​ รองนายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ พร้อมด้วยนายอรรษิษฐ์​ สัมพันธรัตน์​ ปลัดกระทรวงมหาดไทย​ และผู้บริหารระดับสูง​ ลงพื้นที่เทศบาลตำบลจำปี​ อำเภอศรีธาตุ​ จังหวัดอุดรธานี​ เพื่อพบปะประชาชน ที่โรงเรียนศรีธาตุพิทยาคม​ โดยมี​นายอดิศักดิ์ แก้วมุงคุณทรัพย์ สส.อุดรธานี​ พรรคไทยสร้างไทย​ ให้การต้อนรับ โดยนายอนุทิน​ ได้รับฟังการรายงานความคืบหน้าการ​แก้ไขปัญหา​ในพื้นที่ ก่อนจะขึ้นเวทีพร้อมกับ […]

จับตาประชุม JBC วันที่ 2 หลังกัมพูชายื่นศาลโลก

กัมพูชา 15 มิ.ย.-ผู้สื่อข่าวกัมพูชา รายงานการประชุม JBC ไทย-กัมพูชา วันที่ 2 เริ่มขึ้นแล้ว ที่กรุงพนมเปญ หลังวานนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป โดยมีการประชุมวงเล็กก่อน จากนั้นอาจมีการแถลงร่วมกัน ต้องจับตาว่าวันนี้จะได้ข้อยุติหรือไม่ รวมถึงท่าทีของแต่ละฝ่าย หลังกัมพูชายื่นศาลโลก.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ เปิดทำเนียบต้อนรับ “โอปอล สุชาตา” พรุ่งนี้

ทำเนียบ 15 มิ.ย.-รัฐบาลเตรียมเปิดตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบฯ ต้อนรับ “โอปอล สุชาตา” Miss World 2025 ร่วมโชว์พลังหญิง นำเสนอวัฒนธรรมที่สร้างสรรค์ให้กับประเทศไทยในทุกมิติ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (วันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน 2568) รัฐบาลเตรียมเปิดตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ให้การต้อนรับ “โอปอล” นางสาวสุชาตา ช่วงศรี Miss World คนแรกของประเทศไทย ที่เพิ่งคว้ามงกุฎระดับโลกในการประกวด Miss World ประจำปี 2025 ที่ประเทศอินเดีย มีกำหนดการเข้าพบนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในเวลา 10.00 น. การพบปะกันในครั้งนี้ ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งพลังของสตรีไทย ที่สามารถสร้างชื่อเสียงและแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในประเด็นสิทธิสตรี การศึกษา และการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของนโยบายรัฐบาลในปัจจุบัน การเข้าเยี่ยมคารวะของ Miss World 2025 ยังเป็นการส่งสารเชิงบวกต่อประชาคมโลกว่า ประเทศไทยมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านความเท่าเทียมทางเพศอีกด้วย […]