รปภ.ม.เกษตร เล่าวินาทีอุบัติเหตุระทึก ฟังแค่เสียงคิดว่าต้องมีตายแน่ๆ

ม.เกษตรฯ 24 ต.ค. – รปภ.ม.เกษตร เล่าวินาทีอุบัติเหตุระทึก ฟังแค่เสียงคิดว่าต้องมีตายแน่ๆ ยืนยันที่ผ่านไม่ไม่เคยมีอุบติเหตุร้ายแรง หากเป็นคนที่ใช้ประจำจะรู้ว่าห้ามใช้ความเร็ว


เมื่องช่วงเวลาประมาณ 12.30 น.อุบัติเหตุรถกระบะชนกับรถจักรยานยนต์จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย เหตุเกิดภายใน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (บางเขน) ที่เกิดเหตุอยู่บนถนนสุธรรมอารีกุล ฝั่งขาออกมุ่งหน้าถนนวิภาวดี-รังสิต ลักษณะเป็นถนน 2 เลน มีเกาะกลางแบ่งถนนสองฝั่ง ติดกับเคยู อเวนิว  มีผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 5 ราย เจ้าหน้าที่เร่งนำส่ง รพ.วิภาวดี จากเหตุการณ์ครั้งนี้ มีรถยนต์ได้รับความเสียหาย 4 และรถจักรยานยนต์ 3 คัน


หลังจากเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยได้เข้าเคลียร์พื้นที่ จนสามารถให้รถกลับมาวิ่งสัญจรได้ตามปกติ  ในที่เกิดเหตุยังเห็นร่องร่อยล้อรถกระบะที่ปีนเกาะกลาง จากฝั่งสนามกีฬา มาฝั่งเคยูอเวนิว  เศษกระจกรถที่แตก ตกอยู่กลางถนน และร่องรอยทรายที่นำมาเทกลบน้ำมันจากรถมอเตอร์ไซต์ รวมถึงมีนักศึกษา ประชาชน มานั่งจับกลุ่ม ดูคลิปและพูดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งจะเกิดขึ้น


ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปสอบถาม พี่กุ๊ก เจ้าของร้านขายผลไม้ที่อยู่ใน เคยู อเวนิว เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ในช่วงเกิดเหตุเป็นเวลาประมาณเที่ยงกว่าๆ ตัวเองกำลังจัดผลไม้ อยู่ๆได้ยินเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ดังตุ๊บๆๆ หลายครั้ง ก่อนจะได้ยินเสียงกรีดร้องของคนในบริเวณนั้น จึงรีบวิ่งออกไปดู ปรากฎว่าเห็นรถกระบะฟอร์ด พลิกคว่ำ และเห็นนักศึกษานอนกระจัดกระจาย มี 2 คนที่อาการสาหัส มีแผลลึกจนมองเห็นกระดูก ส่วนอีกคนโดนชนกระเด็นจนตัวไปอยู่ใต้ท้องรถยนต์ข้างทาง ตนและพ่อค้าแม่ค้าแถวนั้นรีบเข้าไปช่วยเหลือ และรีบนำร่มมากางให้คนเจ็บเพราะอากาศร้อนมาก

เหตุการณ์นี้ถือว่า เป็นอุบัติเหตุครั้งรุนแรงที่สุด ครั้งแรกที่เกิดขึ้นในบริเวณนี้ เนื่องจากคนที่ใช้เส้นทางประจำขับรถช้า ไม่เกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแน่นอน หากมีเหตุปกติจะถอยชนท้าย เฉี่ยวกันเล็กน้อยเท่านั้น ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่นี่ดูแลรถเข้าออกอย่างเข้มงวด รวมถึงบนถนนมีลูกระนาด ไม่ให้ขับรถเร็ว จึงแปลกใจว่าทำไมรถคันนี้ขับมาได้เร็วขนาดนี้

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปหา เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่อยู่ในที่เกิดเหตุเพื่อสอบถามเหตุการณ์ พบ นายสุภีร์ มุขมนตรี เล่าว่า ตอนเกิดเหตุกำลังหันหลังโบกรถอยู่ แต่พอได้ยินเสียงที่ดังมาก จึงหันมาดู เห็นรถกระบะฟอร์ดกำลังลอยกลางอากาศก่อนจะพลิกคว่ำ ไหลมาชนนักศึกษาที่ขี่จักรยานยนต์มา เท่าที่สังเกตุเห็นคนขับกระบะ นั่งในรถซักครู่จึงค่อยลงมาโทรศัพท์ แต่ไม่ได่เห็นว่าลงมาดูอาการคนเจ็บหรือไม่  เมื่อเกิดเหตุได้แจ้งวิทยุให้ รปภ.ส่วนกลางมาดูเหตุการณ์ และแจ้งตำรวจให้มาดูเหตุ ยืนยันที่ผ่านมาตรงบริเวณนี้ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงเลย เพราะคนที่ใช้ทางนี้ประจำจะรู้ว่าต้องขับในความเร็วแค่ไหน

ยอมรับว่า เมื่อได้ยินเสียงรถที่ชน และภาพเหตุการณ์ตรงหน้า จะต้องมีคนเสียชีวิตแน่นอน แต่เดชะบุญที่มีแค่คนเจ็บ แม้จะสาหัสก็ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว ขณะที่ตัวเองปกติ จะต้องไปโบกรถเข้าออกจุดที่รถคว่ำเป็นประจำ แต่วันนี้กลับเลือกอยู่ที่ป้อมจึงถือเป็นโชคดีของตัวเอง รวมทั้งเหตุที่เกิดอยู่ในช่วงเที่ยงที่คนไม่เยอะ รถไม่มาก หากเป็นตอนเช้า หรือเย็น อาจจะเสียหายมากกว่านี้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

หนุ่มอุดรฯ ดวงเฮง ถูกลอตเตอรี่เกาหลีใต้ 45 ล้านบาท

สุดเฮง! หนุ่มอุดรฯ ถูกลอตเตอรี่เกาหลีใต้ รับเงินรางวัล 45 ล้านบาท ลูกสาวเผยพ่อเป็นคนชอบทำบุญ ก่อนหน้านี้เพิ่งโทรมาบอกให้ใส่บาตร เชื่อผลบุญหนุนโชคลาภ

สามีภรรยาจากอยุธยารับ “เจ้าจอร์จ” ไปดูแล

สามีภรรยาใจบุญจาก จ.พระนครศรีอยุธยา ขอรับ “เจ้าจอร์จ” สุนัขพันธุ์อเมริกันบูลลี่ ไปอุปการะแล้ว หลังกัดแทะร่างพระเจ้าของที่มรณภาพในกุฏิด้วยโรคประจำตัว

ดีเอสไออนุมัติสืบสวนคดีแตงโม คาดตั้งชุดเริ่มสืบได้ 27 ม.ค.นี้

อธิบดีดีเอสไอ อนุมัติให้สืบสวนคดีแตงโม ว่ามีการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาหรือไม่ และมีบุคคลหรือเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ คาดเริ่มได้ 27 ม.ค.นี้