นักวิชาการมองเผดิมชัยแก้เกมถูกจุดเอาชนะเลือกตั้งซ่อม เขต5 นครปฐม

กรุงเทพฯ 24 ต.ค.- “สิริพรรณ” มอง ผลเลือกตั้งซ่อม เขต5 นครปฐม “เผดิมชัย” แก้เกมถูกทาง ทวงคืนพื้นที่บ้านใหญ่ตระกูลสะสมทรัพย์ แนะอนาคตใหม่ปรับกลยุทธ์ สร้างเครือข่ายทำความเข้าใจกับคนพื้นที่ร่วมกับการใช้โซเชียลมีเดีย 


น.ส.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี หัวหน้าภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มองผลการเลือกตั้งซ่อมส.ส. เขต5 จังหวัดนครปฐม ที่นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ ผู้สมัครจากพรรคชาติไทยพัฒนา ชนะการเลือกตั้ง ว่า นี่เป็นการแก้เกมของนายเผดิมชัย คนบ้านใหญ่นครปฐม ซึ่งพื้นที่เดิมก็เป็นของตระกูลสะสมทรัพย์มาอย่างยาวนาน หากครั้งนี้นายเผดิมชัย เพลี่ยงพล้ำก็คงไม่สามารถรักษาพื้นที่เขต 5 ของตนเองและพื้นที่ทั้งจังหวัดนครปฐมได้  ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้จะเห็นการทุ่มเทกันอย่างสุดตัว และหากมองย้อนไปในการเลือกตั้งปี 2554 นายเผดิมชัย ก็เคยชนะการเลือกตั้งมีคะแนนเป็นอันดับหนึ่ง ดังนั้นการชนะในการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ ก็มีความเป็นไปได้ไม่ใช่เรื่องที่เหนือความคาดหมายอะไรมากนัก 

น.ส.สิริพรรณ กล่าวว่า ส่วนพรรคอนาคตใหม่คงต้องทบทวนเพราะเคยมีการวิเคราะห์กันว่า พื้นที่เขต 5 จังหวัดนครปฐม เป็นพื้นที่เขตเมือง คนได้รับข่าวสารผ่านโซเชียลมีเดีย มีเทคโนโลยีสมัยใหม่เป็นฐานเสียงของพรรคอนาคตใหม่ แต่คงต้องกลับมาพิจารณาว่า การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้เกิดอะไรขึ้น  ต้องนำประสบการณ์ครั้งนี้ไปปรับใช้


น.ส.สิริพรรณ ยังกล่าวอีกว่า ผลการเลือกตั้งซ่อมเขต 5 นครปฐมครั้งนี้ คงไม่สามารถฟันธงได้ว่ากระแสของพรรคอนาคตใหม่เริ่มลดลงจนทำให้ไม่สามารถคงเก้าอี้เดิมไว้ได้ ซึ่งตัวแปรที่ต้องนำมาอธิบายร่วมกันคือ การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 เป็นการเลือกตั้งที่มีผลถึงการเลือกนายกรัฐมนตรีด้วย ดังนั้นกระแสของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่  จึงมีผลต่อการเลือกตั้งในครั้งนั้น ที่ต้องอาศัยกระแสของคนที่เป็นหัวหน้าพรรค หรือผู้นำพรรคเพื่อให้คะแนนเสียงของเขตเพิ่มสูงขึ้นมาด้วย แต่การเลือกตั้งซ่อมในครั้งนี้  เป็นการแข่งขันระหว่างตัวบุคคลในพื้นที่ และอาจมีคำถามตามมาว่าพรรคอนาคตใหม่ก็ระดมหัวหน้าพรรคและแกนนำพรรคเพื่อลงพื้นที่หาเสียงบ่อยครั้งจะเป็นตัวชี้ได้หรือไม่ว่ากระแสของอนาคตใหม่ลดลง ก็ยังมองว่าไม่สามารถสรุปไปได้ขนาดนั้น แต่ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาพรรคอนาคตใหม่เจอมรสุมเป็นตำบลกระสุนตกมาโดยตลอด ซึ่งอาจมีหลายปัจจัยร่วมกัน ที่ทำให้มีผลต่อคะแนนการเลือกตั้งซ่อม

น.ส.สิริพรรณ กล่าวว่า ยังมองว่า ผลการเลือกตั้งซ่อมเขต 5 นครปฐม เป็นการแก้เกมที่ถูกทางของตระกูลสะสมทรัพย์ และเป็นการสะท้อนได้อย่างชัดเจนว่านักการเมืองในพื้นที่เดิมรู้จักประชาชนอย่างไร รู้จักเครือข่ายและสามารถใช้สายสัมพันธ์ไปสู่ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพแค่ไหน  นี่จึงเป็นความท้าทายของการเลือกตั้งซ่อมและการเลือกตั้งครั้งหน้าว่าวัฒนธรรมหรือสายสัมพันธ์ดั้งเดิมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ และ โซเชียลมีเดีย จะต่อสู้กันอย่างเข้มข้นและแหลมคมมากขึ้น

ส่วนข้อสงสัยเรื่องการเลือกตั้งซ่อมในวันที่ 23 ต.ค. ซึ่งตรงกับวันพุธ นั้น น.ส.สิริพรรณ บอกว่า การเลือกตั้งวันพุธ อาจเป็นปัจจัยส่วนหนึ่งที่มีผลต่อคะแนนและการออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง แต่ไม่ใช่คำอธิบายทั้งหมด และไม่สามารถใช้เป็นข้ออ้างว่าแพ้การเลือกตั้งเพราะจัดเลือกตั้งวันพุธ  ดังนั้นต้องนำประสบการณ์ที่ผ่านมามาทบทวนด้วย


น.ส.สิริพรรณ กล่าวอีกว่า ผลคะแนนเลือกตั้งซ่อมระหว่างอันดับหนึ่ง และอันดับสอง มีความห่างพอสมควร นั้น ส่วนตัวมองตั้งแต่แรกว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นเพียงตัวประกอบในการลงเลือกตั้งซ่อม เพราะ พื้นที่นี้เป็นของนายเผดิมชัย มายาวนานตั้งแต่สมัยอยู่พรรคเพื่อไทย แต่การเลือกตั้งครั้งที่แล้วไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น จึงทำให้พรรคประชาธิปัตย์มีคะแนนเป็นอันดับ 2 ทำให้พรรคประชาธิปัตย์เข้าใจว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มีสิทธิ์ลุ้น ขณะที่พรรคอนาคตใหม่ ก็ถือว่าเป็นเจ้าของเก้าอี้ที่ชนะการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ซึ่งผลคะแนนการเลือกตั้งซ่อมปรากฏว่า พรรคอนาคตใหม่คะแนนเสียงหายไปเยอะ ส่วนหนึ่งเพราะคนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งน้อย อาจเป็นปัจจัยจากการเลือกตั้ง วันพุธ แต่สิ่งที่ต้องถาม คำถามใหญ่คือคนที่เคยลงคะแนนให้กับพรรคอนาคตใหม่เขต5 นครปฐม หายไปไหนเกือบ 10,000 คะแนน เป็นไปได้ที่อาจจะกระจายไปลงคะแนนให้กับนายเผดิมชัย หากนึกย้อนไปการเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม 62 พรรคฝ่ายค้านปัจจุบัน เช่น พรรคเศรษฐกิจใหม่ พรรคเสรีรวมไทย  รวมไปแล้วอีกกว่า 10,000 คะแนน ซึ่งปรากฏว่าคะแนนในส่วนนี้ก็หายไปด้วย

ส่วนพรรคอนาคตใหม่ต้องปรับกลยุทธ์หรือไม่ โดยเฉพาะเขตเลือกตั้งที่มีฐานเสียงเดิมเข้มแข็ง รวมถึงการเลือกตั้งท้องถิ่นที่กำลังจะเกิดขึ้น นั้น น.ส.สิริพรรณ กล่าวว่า  พรรคอนาคตใหม่ ต้องปรับกลยุทธ์ ต้องทำความเข้าใจกับเครือข่าย และคนในพื้นที่ให้มากขึ้น การปรับยุทธศาสตร์คิดว่าการใช้โซเชียลมีเดีย และมีกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นคนรุ่นใหม่เป็นยุทธศาสตร์หลักและเป็นยุทธศาสตร์ที่ใช้ได้ดีกับพรรคอนาคตใหม่ แต่ความสำเร็จอาจจะไม่ล้นหลามเหมือนการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีหลายปัจจัยที่ต้องนำมาวิเคราะห์ โดยเฉพาะการปรับตัวของกลุ่มเครือข่ายในพื้นที่เดิม ที่ไม่คิดว่า การใช้โซเชียลมีเดียจะมีประสิทธิภาพมากขนาดนี้ดังนั้นพรรคอนาคตใหม่ต้องใช้ทั้งโซเชียลมีเดียและทำความเข้าใจกับประชาชนให้มากขึ้น สร้างเครือข่ายและสายสัมพันธ์ในพื้นที่ ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ที่ใช้กันมาเนิ่นนานในการเลือกตั้งไทย.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เก๋งซิ่งแหกโค้งชนเสาเหล็ก ไฟลุกไหม้คลอกคนขับดับสลด

ลพบุรี 6 มิ.ย. – เก๋งหรูซิ่งเสียงดังลั่น หมุนโชว์กลางสี่แยก ก่อนแหกโค้งชนเสาเหล็กป้ายข้างทางไฟลุกไหม้เสียหายทั้งคัน คลอกคนขับดับสลด เมื่อเวลา 03.30 น.ที่ผ่านมา ร.ต.ท.ชาตรี ทรัพย์นิยมพงศ์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองลพบุรี รับแจ้งรถเก๋งชนเสาข้างถนน ไฟลุกไหม้ทั้งคัน บนถนนทางเข้าบ้านหนองน้ำทิพย์ หมู่ 7 ต.เขาพระงาม อ.เมืองลพบุรี พร้อมแจ้งรถน้ำดับเพลิงป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลเขาพระงาม รุดไปดับไฟ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบ จุดเกิดเหตุพบไฟกำลังลุกไหม้โหมทั่วไปทั้งคันรถ สังเกตดูเบื้องต้นคนขับติดอยู่ที่เบาะนั่งสภาพหมดสติ เจ้าหน้าที่เร่งระดมฉีดน้ำใช้เวลาประมาณ 15 นาที เพลิงสงบ จากการตรวจสอบด้านซ้ายรถชนอัดอยู่กับเสาเหล็กป้ายบอกทาง สภาพเหลือแต่ซาก เบื้องต้นพบเป็นรถเก๋งยี่ห้อยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู ไม่ทราบสี-ทะเบียน ถูกไฟไหม้ เหลืออยู่ครึ่งป้าย ภายในรถพบร่างชายถูกไฟไหม้เกรียม ยังไม่ทราบชื่อว่าเป็นใครมาจากไหน สอบถามนางเล็ก ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองนั่งเฝ้าเครื่องสูบน้ำใกล้จุดเกิดเหตุ ได้ยินเสียงรถเก๋งคันดังกล่าวขับซิ่งมาจากแยกเขาพระงาม มุ่งหน้าไปทางโคกสำโรง เสียงท่ออย่างดังลั่น พอมาถึงสามแยกบ้านหนองน้ำทิพย์ ได้หมุนโชว์กลางแยก 1 รอบ จากนั้นขับไปยูเทิร์นกลับมาอีกรอบ เลี้ยวเข้าทางแยกหนองน้ำทิพย์ได้ประมาณ 300 เมตร […]

ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงิน 12 ล้าน วางทิ้งข้างถังขยะ

นนทบุรี 6 มิ.ย. – ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงินสด 12 ล้าน ในกล่องพลาสติก วางทิ้งข้างถังขยะคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จากกรณีพลเมืองดีพบธนบัตรไทยจำนวนมาก ถูกซุกซ่อนอยู่ภายในกล่องพลาสติก บริเวณคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบเอกสารเกี่ยวกับหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายและซองจดหมาย ปรากฏชื่อบุคคลและหน่วยงานรัฐในเอกสาร จึงได้ยึดธนบัตรดังกล่าวมาที่ สภ.ปากเกร็ด เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นเงินอะไร ได้มาถูกต้องหรือไม่ และใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง เบื้องต้นพบเป็นเงินสดจำนวน 12 ล้านบาท และเมื่อเจ้าหน้าที่นำสายรัดของธนบัตรดังกล่าวไปตรวจสอบ พบว่ามีการจ่ายเงินออกมาจำนวนดังกล่าวตั้งแต่ปี 2563    พลเมืองดีเล่าว่า เวลาประมาณ 20.00 น. ของเมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.) ตนและเพื่อนเดินไปลิฟต์ที่ชั้น 4 ซึ่งข้างลิฟต์เป็นที่ทิ้งขยะ เห็นกล่องสภาพดีวางอยู่ ก็จะเก็บไปใช้ ซึ่งกล่องถูกเปิดแง้มเอาไว้และมีเสื้อผ้าวางทับด้านบน จึงเปิดดูพบเงินสดฉบับละ 1,000 บาท เป็นมัดๆ จำนวนมาก จึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ ความคืบหน้าในการติดตามหาตัวคนที่นำกล่องเงินมาทิ้ง ตำรวจสืบสวน สภ.ปากเกร็ด ได้ลงพื้นที่ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดที่พบเพื่อหาเบาะแสคนที่นำกล่องพลาสติกมาทิ้ง เบื้องต้นยังไม่พบผู้ต้องสงสัย นอกจากนี้ยังได้พยายามติดต่อกับ นายทวีวัฒน์ […]

น้ำมันรั่วลงทะเล

สั่งเจ้าท่าระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar

ชลบุรี 6 มิ.ย.- “มนพร” สั่งการกรมเจ้าท่าตั้งศูนย์ประสานงานแก้ไขปัญหาและควบคุมสถานการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar บริเวณท่าเรือบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ศรีราชา จังหวัดชลบุรี นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งการให้ นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน เพื่อ ระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar ซึ่งเป็นเรือบรรทุกน้ำมันดิบสัญชาติสิงคโปร์ หมายเลข IMO 9828962 โดยเหตุเกิดบริเวณทุ่นรับน้ำมันกลางทะเล (SBM2) ของบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ในเขตพื้นที่ศรีราชา จังหวัดชลบุรี เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 00.54 น. โดยมีสาเหตุมาจากท่อส่งน้ำมันที่ชำรุด ส่งผลให้น้ำมันดิบรั่วไหลลงสู่ทะเลในปริมาณประมาณ 20 คิว หรือราว 20 ตัน กรมเจ้าท่าได้ดำเนินการประเมินสถานการณ์โดยเร่งดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานฯ ณ โรงกลั่นน้ำมันของบริษัทไทยออยล์ จังหวัดชลบุรี เพื่อเป็นศูนย์กลางในการควบคุมเหตุการณ์ ทั้งนี้กรมเจ้าท่าในฐานะเลขานุการศูนย์ประสานงาน ได้ประสานกองทัพเรือจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ในการขจัดคราบน้ำมัน จากการสำรวจพื้นที่ พบว่าลักษณะของคราบน้ำมันเป็นคราบสีดำหรือน้ำตาลบาง ๆ […]

นักศึกษาเจอคอลเซ็นเตอร์ปั่นหัวถือมีดบุกโรงพัก

เชียงใหม่ 5 มิ.ย. – แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกนักศึกษาเชียงใหม่ สูญกว่า 2 ล้านบาท พ่อแม่เครียดหมดเนื้อหมดตัว บางรายถูกปั่นหัวให้ถือมีดบุกโรงพักเย้ยตำรวจ พบเฉพาะ สภ.ภูพิงค์ฯ มีเหยื่อโดนหลอกลักษณะนี้แล้วกว่า 300 ราย กล้องวงจรปิดบันทึกภาพนักศึกษาสาว ชั้นปีที่ 4 ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดภายใน สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นเดินไปเข็นวีลแชร์ที่อยู่ตรงหัวมุมอาคาร แล้วก็เข็นไปเข็นมาอยู่อย่างนั้น ก่อนจะถือมีดไปที่บริเวณห้องรับแจ้งความ และอ้างว่า จะมาขอพบตำรวจนายหนึ่ง แต่ไม่มีชื่อนี้อยู่ที่โรงพัก จึงขอพบ พันตำรวจเอก มนัสชัย อินทร์เถื่อน ผู้กำกับ สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ เพราะไปฆ่าคนตายมา ขณะนั้น ตำรวจสืบสวนสังเกตเห็นว่า นักศึกษาสาวมีท่าทางหวาดระแวงใส่หูฟังเหมือนกับทำตามคำสั่งใครสักคนที่สั่งการจากปลายสาย ด้านตำรวจจึงชวนพูดคุยสอบถามสักพัก จนยอมวางมีดลง จากนั้น ตำรวจจึงขอให้ดึงหูฟังออก ปรากฏว่า นักศึกษาสาวกลับได้สติขึ้นมาว่า ชายที่สั่งการทางโทรศัพท์ไม่ใช่ตำรวจจริง เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สั่งให้มาป่วนตำรวจ เนื่องจากไม่มีเงินโอนให้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตำรวจจึงตรวจสอบพบว่า ในวันเดียวกัน […]

ข่าวแนะนำ

ลอบวางระเบิด 2 จุด กลางตลาดโต้รุ่งเมืองปัตตานี

ปัตตานี 8 มิ.ย. – คนร้ายลอบวางระเบิดกลางตลาดโต้รุ่ง เขตเทศบาลเมืองปัตตานี รถจักรยานยนต์เสียหาย 2 คัน เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต วันที่ 8 มิ.ย.68 เวลา 20.00 น. เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบกลุ่มจำนวน ลอบวางระเบิดแสวงเครื่อง จำนวน 2 ลูก โดยจุดแรก วางระเบิดในถังขยะ หน้าร้านทอง บริเวณตลาดโต้รุ่ง เขตเทศบาลเมืองปัตตานี เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต รถจักรยานยนต์ได้รับความเสียหาย จำนวน 2 คัน และจุดที่ 2 วางระเบิดในถังขยะ บริเวณในซอยข้างโรงแรม หลังตลาดโต้รุ่ง เขตเทศบาลเมืองปัตตานี เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต การก่อเหตุครั้งนี้ คาดว่าเป็นการก่อเหตุเพื่อสร้างสถานการณ์ให้เกิดขึ้นในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ตามข้อมูลข่าวสารที่หน่วย ส.จว.ปัตตานี ได้ออกข่าวแจ้งเตือนไปแล้ว เมื่อวันที่ 26 พ.ค.68 เวลา 15.00 น. ปรากฏข่าวสารว่า นายมะกอเซ็ง หม้าแอ สมาชิก ผกร.ระดับปฏิบัติการ และสมาชิกจำนวน […]

นายกฯ เผยหารือกัมพูชา ตกลงปรับกำลังทหารทั้ง 2 ฝ่าย ลดเผชิญหน้า

ทำเนียบรัฐบาล 8 มิ.ย. – นายกฯ เผยหารือกับรัฐบาลกัมพูชา ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงจะร่วมกันปรับกำลังทหาร จุดที่มีการกระทบกระทั่ง เพื่อลดการเผชิญหน้า เดินหน้าใช้กลไก JBC 14 มิ.ย.นี้ นำพาความสัมพันธ์เข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า ความพยายามคลี่คลายสถานการณ์ความขัดแย้งตามแนวชายแดน โดยการปฏิบัติงานของทั้งระดับนโยบาย โดยรัฐบาล ฝ่ายความมั่นคง กองทัพ กระทรวงการต่างประเทศ และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีพัฒนาการในทางที่ดีขึ้นเป็นลำดับค่ะ ดิฉันได้หารือกับรัฐบาลกัมพูชา มีข้อสรุปที่ส่งผลดีต่อสถานการณ์ โดยทั้ง 2 ฝ่ายตกลงจะร่วมกันปรับกำลังทหาร ณ จุดที่มีการกระทบกระทั่ง เพื่อลดบรรยากาศการเผชิญหน้า และจะพัฒนาความร่วมมือโดยใช้กลไก JBC ในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ และจะมีการพูดคุยกันในทุกระดับ เพื่อนำพาความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วค่ะ ขอให้พี่น้องประชาชนติดตามสถานการณ์และข้อเท็จจริงจากรัฐบาล พร้อมทั้งเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานจนประสบผลสำเร็จต่อไป สุดท้ายนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนได้โปรดคลายความกังวล และมีความมั่นใจในการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลว่า จะไม่มีเหตุกระทบกระทั่งที่รุนแรงเกิดขึ้นแน่นอนค่ะ.-316-สำนักข่าวไทย

โฆษก ทบ. ยันทหารกัมพูชายอมถอนกำลัง-กลบคูเลต ลดตึงเครียด

8 มิ.ย. – โฆษก ทบ. ยืนยันทหารกัมพูชายอมถอนกำลังกลับไปอยู่จุดเดิม พร้อมกลบคูเลตให้คืนสู่สภาพเดิม หลังบรรลุข้อตกลงการหารือ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก ลดความตึงเครียด วันนี้ (8 มิ.ย.68)​ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ฝ่ายกัมพูชา นำโดย พล.ท.สรัย ดึก รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ได้เชิญฝ่ายทหารไทย โดย พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เข้าร่วมหารือ เพื่อเจรจาเกี่ยวกับกรณีปัญหาการรุกล้ำดินแดนในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก จากการหารือเบื้องต้น ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงในประเด็นสำคัญ คือ ฝ่ายทหารกัมพูชายินยอมถอนกำลังกลับไปยังจุดที่เคยประจำการอยู่เดิม ซึ่งอยู่ห่างจากบริเวณที่เกิดเหตุปะทะ หรือแนวต้นพญาสัตบรรณ ลึกเข้าไปในเขตแดนของประเทศกัมพูชา จุดดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายกัมพูชาเคยใช้เป็นแนววางกำลังฐานมาโดยตลอดในอดีต นอกจากนี้ ฝ่ายกัมพูชายังแสดงความยินยอมที่จะดำเนินการกลบคูเลตให้กลับคืนสู่สภาพธรรมชาติตามเดิม ตามข้อเสนอของฝ่ายไทย เพื่อเป็นการลดความตึงเครียด และสร้างบรรยากาศแห่งความร่วมมือ ภายหลังจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันที่จะใช้กลไกระดับคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น เป็นช่องทางในการหารือแนวทางบริหารจัดการพื้นที่อย่างเหมาะสมและยั่งยืนต่อไป.-313-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งกองกำลังสุรนารี ปรับเวลาเปิด-ปิด จุดผ่านแดนกัมพูชา 

8 มิ.ย.- เกาะติดสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา แม่ทัพภาค 2 ลงนามคำสั่งให้อำนาจผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี พิจารณาปรับเวลาเปิด-ปิด ด่านถาวรและจุดผ่อนปรนการค้า 4 ด่าน มีผลทันทีเมื่อคืนนี้ กองทัพภาคที่ 2 ออกหนังสือคำสั่ง การควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี ตามคำสั่งกองทัพบก เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ให้กองทัพภาคที่ 2 โดยกองกำลังกำลังสุรนารีมีอำนาจการควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี วิธีการและเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลา ที่จำเป็นเหมาะสม ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี ดังนี้