กรุงเทพฯ 24 ต.ค.- “สิริพรรณ” มอง ผลเลือกตั้งซ่อม เขต5 นครปฐม “เผดิมชัย” แก้เกมถูกทาง ทวงคืนพื้นที่บ้านใหญ่ตระกูลสะสมทรัพย์ แนะอนาคตใหม่ปรับกลยุทธ์ สร้างเครือข่ายทำความเข้าใจกับคนพื้นที่ร่วมกับการใช้โซเชียลมีเดีย
น.ส.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี หัวหน้าภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มองผลการเลือกตั้งซ่อมส.ส. เขต5 จังหวัดนครปฐม ที่นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ ผู้สมัครจากพรรคชาติไทยพัฒนา ชนะการเลือกตั้ง ว่า นี่เป็นการแก้เกมของนายเผดิมชัย คนบ้านใหญ่นครปฐม ซึ่งพื้นที่เดิมก็เป็นของตระกูลสะสมทรัพย์มาอย่างยาวนาน หากครั้งนี้นายเผดิมชัย เพลี่ยงพล้ำก็คงไม่สามารถรักษาพื้นที่เขต 5 ของตนเองและพื้นที่ทั้งจังหวัดนครปฐมได้ ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้จะเห็นการทุ่มเทกันอย่างสุดตัว และหากมองย้อนไปในการเลือกตั้งปี 2554 นายเผดิมชัย ก็เคยชนะการเลือกตั้งมีคะแนนเป็นอันดับหนึ่ง ดังนั้นการชนะในการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ ก็มีความเป็นไปได้ไม่ใช่เรื่องที่เหนือความคาดหมายอะไรมากนัก
น.ส.สิริพรรณ กล่าวว่า ส่วนพรรคอนาคตใหม่คงต้องทบทวนเพราะเคยมีการวิเคราะห์กันว่า พื้นที่เขต 5 จังหวัดนครปฐม เป็นพื้นที่เขตเมือง คนได้รับข่าวสารผ่านโซเชียลมีเดีย มีเทคโนโลยีสมัยใหม่เป็นฐานเสียงของพรรคอนาคตใหม่ แต่คงต้องกลับมาพิจารณาว่า การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้เกิดอะไรขึ้น ต้องนำประสบการณ์ครั้งนี้ไปปรับใช้
น.ส.สิริพรรณ ยังกล่าวอีกว่า ผลการเลือกตั้งซ่อมเขต 5 นครปฐมครั้งนี้ คงไม่สามารถฟันธงได้ว่ากระแสของพรรคอนาคตใหม่เริ่มลดลงจนทำให้ไม่สามารถคงเก้าอี้เดิมไว้ได้ ซึ่งตัวแปรที่ต้องนำมาอธิบายร่วมกันคือ การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 เป็นการเลือกตั้งที่มีผลถึงการเลือกนายกรัฐมนตรีด้วย ดังนั้นกระแสของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ จึงมีผลต่อการเลือกตั้งในครั้งนั้น ที่ต้องอาศัยกระแสของคนที่เป็นหัวหน้าพรรค หรือผู้นำพรรคเพื่อให้คะแนนเสียงของเขตเพิ่มสูงขึ้นมาด้วย แต่การเลือกตั้งซ่อมในครั้งนี้ เป็นการแข่งขันระหว่างตัวบุคคลในพื้นที่ และอาจมีคำถามตามมาว่าพรรคอนาคตใหม่ก็ระดมหัวหน้าพรรคและแกนนำพรรคเพื่อลงพื้นที่หาเสียงบ่อยครั้งจะเป็นตัวชี้ได้หรือไม่ว่ากระแสของอนาคตใหม่ลดลง ก็ยังมองว่าไม่สามารถสรุปไปได้ขนาดนั้น แต่ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาพรรคอนาคตใหม่เจอมรสุมเป็นตำบลกระสุนตกมาโดยตลอด ซึ่งอาจมีหลายปัจจัยร่วมกัน ที่ทำให้มีผลต่อคะแนนการเลือกตั้งซ่อม
น.ส.สิริพรรณ กล่าวว่า ยังมองว่า ผลการเลือกตั้งซ่อมเขต 5 นครปฐม เป็นการแก้เกมที่ถูกทางของตระกูลสะสมทรัพย์ และเป็นการสะท้อนได้อย่างชัดเจนว่านักการเมืองในพื้นที่เดิมรู้จักประชาชนอย่างไร รู้จักเครือข่ายและสามารถใช้สายสัมพันธ์ไปสู่ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพแค่ไหน นี่จึงเป็นความท้าทายของการเลือกตั้งซ่อมและการเลือกตั้งครั้งหน้าว่าวัฒนธรรมหรือสายสัมพันธ์ดั้งเดิมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ และ โซเชียลมีเดีย จะต่อสู้กันอย่างเข้มข้นและแหลมคมมากขึ้น
ส่วนข้อสงสัยเรื่องการเลือกตั้งซ่อมในวันที่ 23 ต.ค. ซึ่งตรงกับวันพุธ นั้น น.ส.สิริพรรณ บอกว่า การเลือกตั้งวันพุธ อาจเป็นปัจจัยส่วนหนึ่งที่มีผลต่อคะแนนและการออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง แต่ไม่ใช่คำอธิบายทั้งหมด และไม่สามารถใช้เป็นข้ออ้างว่าแพ้การเลือกตั้งเพราะจัดเลือกตั้งวันพุธ ดังนั้นต้องนำประสบการณ์ที่ผ่านมามาทบทวนด้วย
น.ส.สิริพรรณ กล่าวอีกว่า ผลคะแนนเลือกตั้งซ่อมระหว่างอันดับหนึ่ง และอันดับสอง มีความห่างพอสมควร นั้น ส่วนตัวมองตั้งแต่แรกว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นเพียงตัวประกอบในการลงเลือกตั้งซ่อม เพราะ พื้นที่นี้เป็นของนายเผดิมชัย มายาวนานตั้งแต่สมัยอยู่พรรคเพื่อไทย แต่การเลือกตั้งครั้งที่แล้วไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น จึงทำให้พรรคประชาธิปัตย์มีคะแนนเป็นอันดับ 2 ทำให้พรรคประชาธิปัตย์เข้าใจว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มีสิทธิ์ลุ้น ขณะที่พรรคอนาคตใหม่ ก็ถือว่าเป็นเจ้าของเก้าอี้ที่ชนะการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ซึ่งผลคะแนนการเลือกตั้งซ่อมปรากฏว่า พรรคอนาคตใหม่คะแนนเสียงหายไปเยอะ ส่วนหนึ่งเพราะคนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งน้อย อาจเป็นปัจจัยจากการเลือกตั้ง วันพุธ แต่สิ่งที่ต้องถาม คำถามใหญ่คือคนที่เคยลงคะแนนให้กับพรรคอนาคตใหม่เขต5 นครปฐม หายไปไหนเกือบ 10,000 คะแนน เป็นไปได้ที่อาจจะกระจายไปลงคะแนนให้กับนายเผดิมชัย หากนึกย้อนไปการเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม 62 พรรคฝ่ายค้านปัจจุบัน เช่น พรรคเศรษฐกิจใหม่ พรรคเสรีรวมไทย รวมไปแล้วอีกกว่า 10,000 คะแนน ซึ่งปรากฏว่าคะแนนในส่วนนี้ก็หายไปด้วย
ส่วนพรรคอนาคตใหม่ต้องปรับกลยุทธ์หรือไม่ โดยเฉพาะเขตเลือกตั้งที่มีฐานเสียงเดิมเข้มแข็ง รวมถึงการเลือกตั้งท้องถิ่นที่กำลังจะเกิดขึ้น นั้น น.ส.สิริพรรณ กล่าวว่า พรรคอนาคตใหม่ ต้องปรับกลยุทธ์ ต้องทำความเข้าใจกับเครือข่าย และคนในพื้นที่ให้มากขึ้น การปรับยุทธศาสตร์คิดว่าการใช้โซเชียลมีเดีย และมีกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นคนรุ่นใหม่เป็นยุทธศาสตร์หลักและเป็นยุทธศาสตร์ที่ใช้ได้ดีกับพรรคอนาคตใหม่ แต่ความสำเร็จอาจจะไม่ล้นหลามเหมือนการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีหลายปัจจัยที่ต้องนำมาวิเคราะห์ โดยเฉพาะการปรับตัวของกลุ่มเครือข่ายในพื้นที่เดิม ที่ไม่คิดว่า การใช้โซเชียลมีเดียจะมีประสิทธิภาพมากขนาดนี้ดังนั้นพรรคอนาคตใหม่ต้องใช้ทั้งโซเชียลมีเดียและทำความเข้าใจกับประชาชนให้มากขึ้น สร้างเครือข่ายและสายสัมพันธ์ในพื้นที่ ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ที่ใช้กันมาเนิ่นนานในการเลือกตั้งไทย.-สำนักข่าวไทย