กรมการแพทย์ 22 ต.ค.-แพทย์เตือนการดื่มยาดองคางคก ให้ตระหนักถึงอันตรายต่อสุขภาพ และฤทธิ์รุนแรง อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
นพ.มานัส โพธาภรณ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า สุราออกฤทธิ์กดระบบประสาทส่วนกลาง เมื่อดื่มเข้าสู่ร่างกาย จะถูกดูดซึมและกระจายไปทุกส่วนของร่างกาย เข้าไปทำลายตับ เหยื่อบุกระเพาะ และลำไส้อักเสบ เป็นแผลในกระเพาะอาหาร การดื่มสุราปริมาณมากในระยะเวลาสั้นๆอาจทำให้เกิดภาวะแอลกอฮอล์เป็นพิษเฉียบพลัน อันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ และหากมีการนำสุราไปดองกับสัตว์มีพิษต่างๆ เช่น ตะขาบ แมงป่อง คางคก แล้วนำมาดื่ม ตามคำกล่าวอ้างในเรื่องสรรพคุณทางการรักษาโรคหรือเพื่อบำรุงร่างกาย บำรุงกำลัง อันตรายมาก ร่างกายจะได้รับพิษจากสัตว์เหล่านั้น เกิดอาการพิษทางร่างกายอย่างรุนแรงและอาจทำให้เสียชีวิตได้
นพ.สรายุทธ์ บุญชัยพานิชวัฒนา ผู้อำนวยการสถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี กล่าวเพิ่มเติมว่า คางคกมีต่อม ขับน้ำเมือกและผิวหนังที่มีพิษ ขับเมือกพิษออกมาที่ต่อมเล็ก ๆ ที่ผิวหนัง ใบหน้า ใต้ตา และระบบไหลเวียนเลือด ซึ่งเป็นสารกลุ่ม ดิจิทาลอยด์ มีลักษณะทางเคมีและการออกฤทธิ์คล้ายกับสารกลุ่ม คาร์ดิแอก ไกลโคไซด์ มีผลต่อหัวใจ ซึ่งมีกลไกออกฤทธิ์ทำให้หัวใจบีบตัวมากขึ้น หัวใจเต้น ผิดจังหวะ และเกลือแร่ในเลือดผิดปกติ นอกจากนี้ยังมีสารแอลคาลอยด์อื่นและสารระคายเคืองร่วมด้วย
“การบริโภคคางคก ทั้งนำมาทำเป็นอาหาร การให้ความร้อนหรือนำไปดองกับสุรา ไม่ทำให้พิษคางคกหายไป เมื่อนำมาบริโภคหรือดื่ม จะทำให้ได้รับพิษจากคางคก ช่วงแรกจะมีอาการคลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง ท้องร่วง หากบริโภคในปริมาณมาก จะทำให้รู้สึกสับสน เพ้อ ง่วงซึม มีอาการทางจิตประสาท ชัก และหมดสติ จำเป็นต้องพาผู้ป่วยมารักษาทันที เนื่องจากผู้ป่วยจะมีหัวใจเต้นช้าลงและหัวใจเต้นผิดจังหวะจนทำให้เสียชีวิตจากหัวใจล้มเหลวได้ และขณะนี้ในทางการแพทย์ยังไม่มีหลักฐานทางวิชาการ ยืนยันถึงประโยชน์และสรรพคุณทางยาของคางคก ย้ำเตือนกลุ่มที่กำลังจะทดลองดื่มสุราดองคางคก หรือสัตว์พิษอื่นๆ ให้ตระหนักถึงความอันตรายต่อสุขภาพให้มาก ฤทธิ์รุนแรงอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้” นพ.สรายุทธ์ กล่าว .-สำนักข่าวไทย