นครปฐม 22 ต.ค.- วันพรุ่งนี้จะมีการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 5 จ.นครปฐม แทนนางจุมพิตา จันทรขจร จากพรรคอนาคตใหม่ ที่ลาออก เนื่องจากประสบอุบัติเหตุ และต้องเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ศึกเลือกตั้งครั้งนี้น่าจับตามอง เพราะแต่ละพรรคต่างงัดกลยุทธ์เพื่อจะคว้า 1 เสียงสำคัญในสภาฯ ให้ได้
ศึกเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 5 นครปฐม ชิงชัยกัน 7 คน จาก 7 พรรคการเมือง นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ พรรคชาติไทยพัฒนา น.ส.สิริขวัญ แย้มมูล พรรคพลังสังคม นายสุรชัย อนุตธโต พรรคประชาธิปัตย์ นางลาวัลย์ สิงห์สถิต พรรคเสรีรวมไทย น.ส.ปริมปรางค์ แสงสว่าง พรรคไทยศรีวิไลย์ นายไพรัฎฐโชติก์ จันทรขจร พรรคอนาคตใหม่ และนายเพชร จันทร์ดา พรรคเพื่อชีวิตใหม่
เขตนี้ครอบคลุมพื้นที่ อ.สามพราน ยกเว้น ต.บางช้าง ต.ตลาดจินดา และ ต.คลองจินดา มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งรวม 143,542 คน สำหรับการเลือกตั้งที่ผ่านมา มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 109,038 คน คิดเป็นร้อยละ 77 มีบัตรเสีย 4,770 ใบ และบัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน 2,387 คน
ผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา สร้างการเปลี่ยนแปลงในสนามเลือกตั้งนครปฐมเป็นอย่างมาก เมื่อนางจุมพิตา จันทรขจร จากพรรคอนาคตใหม่ คว้าชัยกวาดคะแนนเสียงมากที่สุด 34,164 คะแนน รองลงมาคือ นายสุรชัย อนุตธโต พรรคประชาธิปัตย์ ได้ 18,970 คะแนน นายระวัง เนตรโพธิ์แก้ว พรรคพลังประชารัฐ 18,741 คะแนน และนายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ จากพรรคชาติไทยพัฒนา 12,279 คะแนน
เลือกตั้งซ่อมครั้งนี้จึงถูกจับตามองเป็นพิเศษ แต่ละพรรคต่างส่งขุนพลลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครหาเสียง หวังเพิ่มจำนวนเก้าอี้ ส.ส.ของพรรค ซึ่งอาจช่วยเติมเต็มศักยภาพของรัฐบาล หรือเพิ่มกำลังให้พรรคฝ่ายค้าน หรืออาจหมายถึงศักดิ์ศรี โดยเฉพาะผู้สมัครจากตระกูลสะสมทรัพย์ จากพรรคชาติไทยพัฒนา ที่หลายคนรู้จักกันในนามของบ้านใหญ่ อดีต ส.ส.หลายสมัย อดีตรัฐมนตรี 3 กระทรวง
ส่วนผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ที่ทำงานอยู่กับพื้นที่มานานกว่า 10 ปี จนหลายคนเรียกติดปากว่า “ส.จ.สุรชัย” การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ได้คะแนนมาเป็นอันดับ 2 จึงมั่นใจว่าเลือกตั้งครั้งนี้จะสามารถคว้าชัยชนะได้
ขณะที่พรรคอนาคตใหม่ เจ้าของเก้าอี้เดิม ลงพื้นที่ตั้งแต่ก่อน กกต.จะประกาศเลือกตั้งซ่อม โดยส่งสามีของนางจุมพิตา ผู้ที่ประชาชนชาวสามพรานเคยให้คะแนนมากที่สุดในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา และการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคอนาคตใหม่เป็นพรรคการเมืองเดียวที่ส่งผู้แทนเข้าร่วมสังเกตการณ์
อย่างไรก็ตาม ผลการเลือกตั้งเป็นไปได้ทุกทาง ผู้สมัครทุกคนมีโอกาส วัดกันที่คะแนนเสียง แต่หากครั้งนี้มีผู้ไม่ประสงค์ลงคะแนนมากผิดปกติ อาจหมายถึงสัญญาณการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง มีผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง แต่ไม่มีคนที่ถูกใจให้เลือก 23 ตุลาคมนี้ ชี้ชะตาพรรคใดจะคว้า 1 เสียงสำคัญในสภาผู้แทนราษฎร.-สำนักข่าวไทย