เกษตรกรเตรียมยื่นศาลปกครองขอคุ้มครองชั่วคราวใช้ 3 สารเคมีต่อ

กรุงเทพฯ 22 ต.ค. – เกษตรกรเตรียมยื่นศาลปกครองขอคุ้มครองชั่วคราว หากการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายวันนี้มีมติแบน 3 สารเคมีทางการเกษตร


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงเช้าวันนี้ (22 ต.ค.) ตั้งแต่เวลาประมาณ 09.30 น.ที่ผ่านมา คณะกรรมการวัตถุอันตราย เปิดประชุมที่กระทรวงอุตสาหกรรม ถนนพระราม 6 กรุงเทพฯ โดยมีวาระการประชุมที่สำคัญและกำลังอยู่ในความสนใจของประชาชนและเกษตรกรทั่วประเทศ คือ วาระการพิจารณาว่าจะห้ามการใช้หรือแบน 3 สารเคมีทางการทางการเกษตร คือ สารพาราควอต สารไกลโฟเซตและคลอร์ไพริฟอส หรือไม่  


ก่อนการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย บรรยากาศรอบตึกสำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นสถานที่จัดการประชุมมีกลุ่มตัวแทนเกษตรกรหลายกลุ่มที่คัดค้านการแบน 3 สารเคมี เช่น เครือข่ายเกษตรกรจากจังหวัดนครราชสีมา เกษตรกรจากอำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี นำโดยนางสาวอัญชุลี ลักษณ์อำนวยพร ประธานเครือข่ายอาสาคนรักแม่กลอง เกษตรกรชาวสวนภาคตะวันออก จากจันทบุรี  ซึ่งปลูก ทุเรียน มังคุ ลำไย และเงาะ เป็นต้น นำโดยนายกิตติ จันทวิสูตร ตัวแทนเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนภาคตะวันออก ได้เข้ามาให้กำลังใจคณะกรรมการวัตถุอันตราย พร้อมกับยื่นหนังสือคัดค้านการแบน 3 สารเคมีทางการเกษตรที่ขณะนี้ชาวสวนใช้ในการกำจัดวัชพืชและศัตรูพืช ซึ่งใช้มานาน 40-50 ปีในสวนผลไม้และพืชไร่ พร้อมนำรายชื่อเครือข่ายเฉพาะที่ร่วมประชุมกันก่อนหน้านี้ที่ลงลายมือชื่อสนับสนุนการใช้ 3 สารเคมีประมาณ 426 ราย ยื่นให้ประธานคณะกรรมการวัตถุอันตราย แต่บรรยากาศไม่ได้มีความรุนแรงหรือเกิดการกระทบกระทั่งเกิดขึ้น เนื่องจากไม่มีตัวแทนกลุ่มผู้สนับสนุนให้แบน 3 สารเคมีเดินทางมาที่กระทรวงอุตสาหกรรมซึ่งเป็นสถานที่จัดการประชุม 

สำหรับคณะกรรมการวัตถุอันตราย ประกอบด้วย ตัวแทนหน่วยงานต่าง ๆ 29 คน ตัวแทนกระทรวงอุตสาหกรรม 3 คน ประกอบด้วย นายภานุวัฒน์ ตริยางกูรศรี ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรมรักษาราชการแทนรองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย และอีก 2 คน คือ นายประกอบ วิวิธจินดา อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ทำหน้าที่เลขานุการคณะกรรมการวัตถุอันตราย และนายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(สมอ.) ซึ่งเมื่อวานนี้ (21 ต.ค.) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ระบุไว้ชัดเจนว่า กรรมการวัตถุอันตรายตัวแทนจากกระทรวงอุตสาหกรรมทั้ง 3 คน จะเสนอให้แบน 3 สารเคมีอย่างแน่นอน และเบื้องต้นทราบว่าในการประชุมวันนี้กรรมการวัตถุอันตรายที่เป็นตัวแทนจากกระทรวงสาธารณสุขจะร่วมออกเสียง แบน 3 สารเคมี อีก 1 เสียงด้วย 


สำหรับการลงมติจะแบนหรือไม่แบน 3 สารเคมีอันตราย จะเป็นแบบเปิดเผยว่าเป็นเสียงจากตัวแทนจากหน่วยงานใด หรือจะใช้การออกเสียงในแบบลับนั้น ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของประธานคณะกรรมการวัตถุอันตราย 

ก่อนหน้านี้นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระบุว่า ไม่ว่าผลการพิจารณาของคณะกรรมการวัตถุอันตรายวันนี้จะเป็นในทิศทางใด จะแบนหรือไม่แบนสารเคมีทางการเกษตร 3 ชนิด ย่อมมีผลกระทบต่อผู้ที่เกี่ยวข้องไม่มากก็น้อย ทางกระทรวงเกษตรฯ จึงเตรียมมาตรการและแนวทางที่เหมาะสมไว้รองรับไว้แล้ว หากมีมติออกมาว่าให้แบน  3 สาร ทางกรมวิชาการเกษตรได้รวบรวมสารชีวภัณฑ์ สารกำจัดวัชพืช และสารกำจัดแมลงอื่น รวมทั้งวิธีการต่าง ๆ ที่ใช้ทดแทนสารเคมีทั้ง 3 ชนิด โดยต้นทุนการผลิตของเกษตรกรต้องไม่สูงขึ้น ในส่วนประชาชนต้องได้บริโภคอาหารปลอดภัย จึงรอฟังผลที่ประชุม ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ มีหน้าที่แก้ปัญหา ไม่ใช่หนีปัญหา ต้องแก้ไข ให้เป็นสิ่งต้องทำเพื่อคนไทย

นางสาวอัญชุลี กล่าวภายหลังยื่นหนังสือให้ประธานคณะกรรมการวัตถุอันตรายว่า กลุ่มขอคัดค้านการตั้งคณะทำงาน 4 ฝ่าย เดินหน้าแบน 3 สารเคมีของนางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เนื่องจากผิดบัญชานายกรัฐมนตรีฉบับที่ 2 ให้กระทรวงเกษตรฯ ดำเนินการรับฟังความคิดเห็น 4 ภาคส่วน คือ ภาครัฐ ผู้นำเข้า เกษตรกร และผู้บริโภค  ซึ่งก่อนหน้านี้กลุ่มได้ทำหนังสือคัดค้านส่งให้นางสาวมนัญญาและปลัดกระทรวงเกษตรฯ แล้ว แต่ไม่ได้รับการพิจารณา จึงนำสำเนาพร้อมหนังสือคัดค้านส่งให้นายภานุวัฒน์  และขอให้นายภานุวัฒน์ ยืนหยัดตามบัญชาของนายกรัฐมนตรี เพื่อลดความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ซึ่งนายภานุวัฒน์รับทราบพร้อมนำหนังสือคัดค้านการแบน 3 สารเคมีเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย

นางสาวอัญชุลี กล่าวว่า หากวันนี้คณะกรรมการวัตถุอันตรายมีมติออกมาให้แบน 3 สารเคมีทางการเกษตรจริง วันที่ 28 ตุลาคมนี้ เวลาประมาณ 13.00 น. ทางกลุ่มเกษตรกรจะยื่นเรื่องต่อศาลปกครองกลางให้คุ้มครองชั่วคราว พร้อมยื่นถอดถอนมติคณะกรรมการขับเคลื่อนปัญหาการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชที่มีความเสี่ยงสูง ครั้งที่ 4/2560 ที่ให้ยกเลิกการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช ที่เป็นต้นเหตุของการแบน 3 สารเคมีทางการเกษตร โดยจะร้องต่อศาลว่า คณะกรรมการขับเคลื่อนฯ ใช้ข้อมูลอันเป็นเท็จในการนำมาสู่การแบน 3 สารเคมีทางการเกษตรในวันนี้ และผลเสียหายจากการพยายามยกเลิก 3 สารเคมีทางการเกษตรนี้ได้ทำให้ราคาสารเคมีปรับเพิ่มขึ้นสร้างความเสียหายให้เกษตรกรแล้วกว่า 3,000 ล้านบาท จากเดิมก่อนที่จะมีการเสนอแบนปี 2561 ราคาแพงขึ้นจากลิตรละ 80 บาท เป็นลิตรละกว่า 100 บาท และในอนาคตยังไม่ทราบสารใหม่ที่จะทดแทนที่ราคามักขยับขึ้นครั้งละ 50 บาท นับเป็นการทำร้ายเกษตรกร 

สำหรับเนื้อหาของหนังสือที่นายกิตติ จันทวิสูตร ตัวแทนเกษตรกรจากภาคตะวันออกยื่นต่อนายภานุวัฒน์  เป็นหนังสือ เรื่อง ขอคัดค้านการยกเลิก 3 สารเคมี โดยเป็นหนังสือที่แจ้งเรียนนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมแนบรายชื่อผู้ขอคัดค้านที้งหมดรวม 29 แผ่น จำนวน 426 รายชื่อ  เนื้อหาระบุว่าตามที่เครือข่ายเกษตรกรชาวสวนภาคตะวันออกได้มีการประชุมและหารือในเรื่องที่รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความคิดที่จะยกเลิกการใช้สารเคมี 3 ตัว คือ พาราควอต ไกลโฟเซต และคลอไพริฟอส  เมื่อเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2562  ที่องค์การบริหารนส่วนจังหวัดจันทบุรี ในที่ประชุมมีมติท้ังหมดว่า ให้ยับยั้งการยกเลิกการใช้สารเคมีดังกล่าว โดยให้เหตุผลพอสรุปได้ว่า 1.ภาครัฐในการหาสารทดแทนยังไม่มีความชัดเจนว่า จะใช้สารอะไรทดแทน ราคาของสารทดแทนใกล้เคียงกับของเดิมหรือไม่ ประสิทธิภาพอย่างไร 2. ความอันตรายที่กล่าวถึงดูแล้วไม่สมเหตุสมผล ถ้าหากใช้อย่างถูกวิธี เพราะเกษตรกรที่ใช้สารเคมีดังกล่าว มีการใช้กันมาหลายช่วงอายุคน ไม่มีครอบครัวไหน ได้รับอันตรายตามที่กล่าวอ้าง 3. ถ้าหากสาร “กูลโฟซิเนต” ซึ่งจะนำมาทดแทนสารพาราควอตและไกลโฟเซตจริง ตามที่เป็นข่าวจะทำให้ต้นทุนของเกษตรกรเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

จากข้อสรุปในที่ประชุมของ “เครือข่ายเกษตรกรชาวสวนภาคตะวันออก”  จึงมีมติตรงกันว่า เห็นควรให้ยับยั้งการยกเลิกการใช้สารเคมีดังกล่าวออกไปก่อน จนกว่าภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีมาตรการรองรับปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับเกษตรกรชาวสวนผลไม้ภาคตะวันออกและเครือข่ายต่าง ๆ

นายสุกรรณ์ สังขวรรณะ ผู้แทนกลุ่มเกษตรกร กล่าวว่า เตรียมดอกไม้จันทน์ไว้ หากคณะกรรมการมีมติแบนจะจุดดอกไม้จันทน์ไว้อาลัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรรมการที่มีความเห็นให้แบน ซึ่งจากคำสัมภาษณ์ที่ปรากฎก่อนหน้านี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยืนยัน กรรมการซึ่งเป็นผู้แทนของกระทรวง 3 คนจะลงความเห็นแบน เช่นเดียวกับนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ยืนยันว่ากรรมการซึ่งเป็นผู้แทนของกระทรวง 3 คนจะแบน สำหรับกรรมการ 5 คน ซึ่งเป็นผู้แทนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์นั้น กลุ่มเกษตรกรจะติดตามว่า ลงความเห็นให้แบนตามคำสั่งของนางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรหรือไม่ ดังนั้น จึงฝากความหวังไว้กับกรรมการจากกระทรวงเกษตรฯ ซึ่งมีหน้าที่ดูแลเกษตรกรว่า จะพิจารณาตามข้อมูลทางวิชาการและเข้าใจวิถีการทำเกษตรของเกษตรกร อีกทั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอีก 10 คน หากมีความเห็นให้เกษตรกรมีเครื่องมือในการประกอบอาชีพใช้ต่อไป เกษตรกรจะขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]