เกษตรกรเตรียมยื่นศาลปกครองขอคุ้มครองชั่วคราวใช้ 3 สารเคมีต่อ

กรุงเทพฯ 22 ต.ค. – เกษตรกรเตรียมยื่นศาลปกครองขอคุ้มครองชั่วคราว หากการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายวันนี้มีมติแบน 3 สารเคมีทางการเกษตร


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงเช้าวันนี้ (22 ต.ค.) ตั้งแต่เวลาประมาณ 09.30 น.ที่ผ่านมา คณะกรรมการวัตถุอันตราย เปิดประชุมที่กระทรวงอุตสาหกรรม ถนนพระราม 6 กรุงเทพฯ โดยมีวาระการประชุมที่สำคัญและกำลังอยู่ในความสนใจของประชาชนและเกษตรกรทั่วประเทศ คือ วาระการพิจารณาว่าจะห้ามการใช้หรือแบน 3 สารเคมีทางการทางการเกษตร คือ สารพาราควอต สารไกลโฟเซตและคลอร์ไพริฟอส หรือไม่  


ก่อนการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย บรรยากาศรอบตึกสำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นสถานที่จัดการประชุมมีกลุ่มตัวแทนเกษตรกรหลายกลุ่มที่คัดค้านการแบน 3 สารเคมี เช่น เครือข่ายเกษตรกรจากจังหวัดนครราชสีมา เกษตรกรจากอำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี นำโดยนางสาวอัญชุลี ลักษณ์อำนวยพร ประธานเครือข่ายอาสาคนรักแม่กลอง เกษตรกรชาวสวนภาคตะวันออก จากจันทบุรี  ซึ่งปลูก ทุเรียน มังคุ ลำไย และเงาะ เป็นต้น นำโดยนายกิตติ จันทวิสูตร ตัวแทนเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนภาคตะวันออก ได้เข้ามาให้กำลังใจคณะกรรมการวัตถุอันตราย พร้อมกับยื่นหนังสือคัดค้านการแบน 3 สารเคมีทางการเกษตรที่ขณะนี้ชาวสวนใช้ในการกำจัดวัชพืชและศัตรูพืช ซึ่งใช้มานาน 40-50 ปีในสวนผลไม้และพืชไร่ พร้อมนำรายชื่อเครือข่ายเฉพาะที่ร่วมประชุมกันก่อนหน้านี้ที่ลงลายมือชื่อสนับสนุนการใช้ 3 สารเคมีประมาณ 426 ราย ยื่นให้ประธานคณะกรรมการวัตถุอันตราย แต่บรรยากาศไม่ได้มีความรุนแรงหรือเกิดการกระทบกระทั่งเกิดขึ้น เนื่องจากไม่มีตัวแทนกลุ่มผู้สนับสนุนให้แบน 3 สารเคมีเดินทางมาที่กระทรวงอุตสาหกรรมซึ่งเป็นสถานที่จัดการประชุม 

สำหรับคณะกรรมการวัตถุอันตราย ประกอบด้วย ตัวแทนหน่วยงานต่าง ๆ 29 คน ตัวแทนกระทรวงอุตสาหกรรม 3 คน ประกอบด้วย นายภานุวัฒน์ ตริยางกูรศรี ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรมรักษาราชการแทนรองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย และอีก 2 คน คือ นายประกอบ วิวิธจินดา อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ทำหน้าที่เลขานุการคณะกรรมการวัตถุอันตราย และนายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(สมอ.) ซึ่งเมื่อวานนี้ (21 ต.ค.) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ระบุไว้ชัดเจนว่า กรรมการวัตถุอันตรายตัวแทนจากกระทรวงอุตสาหกรรมทั้ง 3 คน จะเสนอให้แบน 3 สารเคมีอย่างแน่นอน และเบื้องต้นทราบว่าในการประชุมวันนี้กรรมการวัตถุอันตรายที่เป็นตัวแทนจากกระทรวงสาธารณสุขจะร่วมออกเสียง แบน 3 สารเคมี อีก 1 เสียงด้วย 


สำหรับการลงมติจะแบนหรือไม่แบน 3 สารเคมีอันตราย จะเป็นแบบเปิดเผยว่าเป็นเสียงจากตัวแทนจากหน่วยงานใด หรือจะใช้การออกเสียงในแบบลับนั้น ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของประธานคณะกรรมการวัตถุอันตราย 

ก่อนหน้านี้นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระบุว่า ไม่ว่าผลการพิจารณาของคณะกรรมการวัตถุอันตรายวันนี้จะเป็นในทิศทางใด จะแบนหรือไม่แบนสารเคมีทางการเกษตร 3 ชนิด ย่อมมีผลกระทบต่อผู้ที่เกี่ยวข้องไม่มากก็น้อย ทางกระทรวงเกษตรฯ จึงเตรียมมาตรการและแนวทางที่เหมาะสมไว้รองรับไว้แล้ว หากมีมติออกมาว่าให้แบน  3 สาร ทางกรมวิชาการเกษตรได้รวบรวมสารชีวภัณฑ์ สารกำจัดวัชพืช และสารกำจัดแมลงอื่น รวมทั้งวิธีการต่าง ๆ ที่ใช้ทดแทนสารเคมีทั้ง 3 ชนิด โดยต้นทุนการผลิตของเกษตรกรต้องไม่สูงขึ้น ในส่วนประชาชนต้องได้บริโภคอาหารปลอดภัย จึงรอฟังผลที่ประชุม ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ มีหน้าที่แก้ปัญหา ไม่ใช่หนีปัญหา ต้องแก้ไข ให้เป็นสิ่งต้องทำเพื่อคนไทย

นางสาวอัญชุลี กล่าวภายหลังยื่นหนังสือให้ประธานคณะกรรมการวัตถุอันตรายว่า กลุ่มขอคัดค้านการตั้งคณะทำงาน 4 ฝ่าย เดินหน้าแบน 3 สารเคมีของนางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เนื่องจากผิดบัญชานายกรัฐมนตรีฉบับที่ 2 ให้กระทรวงเกษตรฯ ดำเนินการรับฟังความคิดเห็น 4 ภาคส่วน คือ ภาครัฐ ผู้นำเข้า เกษตรกร และผู้บริโภค  ซึ่งก่อนหน้านี้กลุ่มได้ทำหนังสือคัดค้านส่งให้นางสาวมนัญญาและปลัดกระทรวงเกษตรฯ แล้ว แต่ไม่ได้รับการพิจารณา จึงนำสำเนาพร้อมหนังสือคัดค้านส่งให้นายภานุวัฒน์  และขอให้นายภานุวัฒน์ ยืนหยัดตามบัญชาของนายกรัฐมนตรี เพื่อลดความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ซึ่งนายภานุวัฒน์รับทราบพร้อมนำหนังสือคัดค้านการแบน 3 สารเคมีเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย

นางสาวอัญชุลี กล่าวว่า หากวันนี้คณะกรรมการวัตถุอันตรายมีมติออกมาให้แบน 3 สารเคมีทางการเกษตรจริง วันที่ 28 ตุลาคมนี้ เวลาประมาณ 13.00 น. ทางกลุ่มเกษตรกรจะยื่นเรื่องต่อศาลปกครองกลางให้คุ้มครองชั่วคราว พร้อมยื่นถอดถอนมติคณะกรรมการขับเคลื่อนปัญหาการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชที่มีความเสี่ยงสูง ครั้งที่ 4/2560 ที่ให้ยกเลิกการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช ที่เป็นต้นเหตุของการแบน 3 สารเคมีทางการเกษตร โดยจะร้องต่อศาลว่า คณะกรรมการขับเคลื่อนฯ ใช้ข้อมูลอันเป็นเท็จในการนำมาสู่การแบน 3 สารเคมีทางการเกษตรในวันนี้ และผลเสียหายจากการพยายามยกเลิก 3 สารเคมีทางการเกษตรนี้ได้ทำให้ราคาสารเคมีปรับเพิ่มขึ้นสร้างความเสียหายให้เกษตรกรแล้วกว่า 3,000 ล้านบาท จากเดิมก่อนที่จะมีการเสนอแบนปี 2561 ราคาแพงขึ้นจากลิตรละ 80 บาท เป็นลิตรละกว่า 100 บาท และในอนาคตยังไม่ทราบสารใหม่ที่จะทดแทนที่ราคามักขยับขึ้นครั้งละ 50 บาท นับเป็นการทำร้ายเกษตรกร 

สำหรับเนื้อหาของหนังสือที่นายกิตติ จันทวิสูตร ตัวแทนเกษตรกรจากภาคตะวันออกยื่นต่อนายภานุวัฒน์  เป็นหนังสือ เรื่อง ขอคัดค้านการยกเลิก 3 สารเคมี โดยเป็นหนังสือที่แจ้งเรียนนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมแนบรายชื่อผู้ขอคัดค้านที้งหมดรวม 29 แผ่น จำนวน 426 รายชื่อ  เนื้อหาระบุว่าตามที่เครือข่ายเกษตรกรชาวสวนภาคตะวันออกได้มีการประชุมและหารือในเรื่องที่รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความคิดที่จะยกเลิกการใช้สารเคมี 3 ตัว คือ พาราควอต ไกลโฟเซต และคลอไพริฟอส  เมื่อเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2562  ที่องค์การบริหารนส่วนจังหวัดจันทบุรี ในที่ประชุมมีมติท้ังหมดว่า ให้ยับยั้งการยกเลิกการใช้สารเคมีดังกล่าว โดยให้เหตุผลพอสรุปได้ว่า 1.ภาครัฐในการหาสารทดแทนยังไม่มีความชัดเจนว่า จะใช้สารอะไรทดแทน ราคาของสารทดแทนใกล้เคียงกับของเดิมหรือไม่ ประสิทธิภาพอย่างไร 2. ความอันตรายที่กล่าวถึงดูแล้วไม่สมเหตุสมผล ถ้าหากใช้อย่างถูกวิธี เพราะเกษตรกรที่ใช้สารเคมีดังกล่าว มีการใช้กันมาหลายช่วงอายุคน ไม่มีครอบครัวไหน ได้รับอันตรายตามที่กล่าวอ้าง 3. ถ้าหากสาร “กูลโฟซิเนต” ซึ่งจะนำมาทดแทนสารพาราควอตและไกลโฟเซตจริง ตามที่เป็นข่าวจะทำให้ต้นทุนของเกษตรกรเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

จากข้อสรุปในที่ประชุมของ “เครือข่ายเกษตรกรชาวสวนภาคตะวันออก”  จึงมีมติตรงกันว่า เห็นควรให้ยับยั้งการยกเลิกการใช้สารเคมีดังกล่าวออกไปก่อน จนกว่าภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีมาตรการรองรับปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับเกษตรกรชาวสวนผลไม้ภาคตะวันออกและเครือข่ายต่าง ๆ

นายสุกรรณ์ สังขวรรณะ ผู้แทนกลุ่มเกษตรกร กล่าวว่า เตรียมดอกไม้จันทน์ไว้ หากคณะกรรมการมีมติแบนจะจุดดอกไม้จันทน์ไว้อาลัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรรมการที่มีความเห็นให้แบน ซึ่งจากคำสัมภาษณ์ที่ปรากฎก่อนหน้านี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยืนยัน กรรมการซึ่งเป็นผู้แทนของกระทรวง 3 คนจะลงความเห็นแบน เช่นเดียวกับนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ยืนยันว่ากรรมการซึ่งเป็นผู้แทนของกระทรวง 3 คนจะแบน สำหรับกรรมการ 5 คน ซึ่งเป็นผู้แทนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์นั้น กลุ่มเกษตรกรจะติดตามว่า ลงความเห็นให้แบนตามคำสั่งของนางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรหรือไม่ ดังนั้น จึงฝากความหวังไว้กับกรรมการจากกระทรวงเกษตรฯ ซึ่งมีหน้าที่ดูแลเกษตรกรว่า จะพิจารณาตามข้อมูลทางวิชาการและเข้าใจวิถีการทำเกษตรของเกษตรกร อีกทั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอีก 10 คน หากมีความเห็นให้เกษตรกรมีเครื่องมือในการประกอบอาชีพใช้ต่อไป เกษตรกรจะขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ชาวบ้าน-พระ เดือดร้อน

สุโขทัย 28 ส.ค. – หลายพื้นที่เมืองสุโขทัย จมอยู่ใต้น้ำและขยายวงกว้าง แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ด้านหลังวัดปากแคว พระและชาวบ้าน ช่วยกันขนสิ่งของหนีน้ำ ภาพมุมสูง เผยให้เห็นสภาพน้ำท่วมสูงภายในวัดปากแคว และบริเวณโดยรอบ ทหารนำกำลังพล 22 นาย ลงพื้นที่ช่วยเหลือ พระวัดปากแคว ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 2 หมู่ 4 ต.ปากแคว 4 ชุมชน ในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ถูกน้ำท่วมขยายวงกว้าง รถยนต์จมน้ำหลายคัน ด้านหลังวัดปากแคว อำเภอเมือง แม่น้ำยมผนังกั้นน้ำล้นตลิ่ง มวลน้ำมหาศาล ทะลักเข้าท่วมเต็มพื้นที่ ระดับน้ำสูงรอบวัดเกือบ 2 เมตร ทะลักเข้าท่วม ไหลข้ามถนนจรดวิถีถ่อง ระยะทางกว่า 500 เมตร ต้องปิดกั้นถนนห้ามสัญจรไปมา พระครูปลัดสุวัฒนสาธุคุณ (พระอาจารย์นาค) เจ้าคณะตำบลบ้านกล้วย เจ้าอาวาสวัดพายชุมพล หลังทราบข่าว ระดับน้ำท่วม ในวัดปากแคว รีบนำอาหารกล่องพร้อมทั้งถุงยังชีพ เข้าไปถวายพระสงฆ์ 18 รูป ที่จำพรรษาอยู่ในวัดปากแคว เร่งหาผู้สูญหายที่แม่ฮ่องสอน […]

เร่งค้นหาอีก 3 ผู้สูญหายดินถล่มปางอุ๋ง ท่ามกลางความหวังของญาติ

28 ส.ค. – เข้าสู่วันที่ 2 ของเหตุดินโคลนถล่มบ้านปางอุ๋ง หมู่บ้านกลางหุบเขา อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายอีก 3 ราย โดยระดมกำลังนับร้อยนายพร้อมเครื่องจักรเดินหน้าค้นหา ท่ามกลางบรรดาญาติที่เฝ้ารอด้วยความหวัง ล่าสุดวันนี้พบร่างผู้เสียชีวิตอีก 2 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เพิ่มเป็น 6 ราย และยังสูญหายอีก 3 คน ขณะที่หลายครอบครัวต้องสูญเสียบ้านที่อยู่มาหลายสิบปีและยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นสร้างขึ้นใหม่ได้อย่างไร.-สำนักข่าวไทย

ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. โผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด

กทม. 28 ส.ค.-ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. หลัง “ภูมิธรรม” ถกลับ ผบ.ตร. นานหลายชั่วโมง เหตุมีหนังสือร้องเรียนจำนวนมาก ทำโผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. เป็นประธานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 7/2568 ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 มีระเบียบวาระการประชุม 5 วาระ ประกอบด้วย วาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ /วาระที่ 2 รับรองรายงานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 6/2568 /วาระที่ 3 เรื่องที่เสนอเพื่อทราบ เรื่องที่ 1 รายงานการดำเนินการของ อ.ก.ตร.สืบสวนสอบสวน ที่ ก.ตร. มอบหมายให้ทำการแทน […]

กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา เขต อ.อรัญประเทศ

สระแก้ว 23 ส.ค.-กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา จุดแรกบริเวณหลักเขตที่ 50-51 เขต อ.อรัญประเทศ ระยะทาง 10 กม. เชื่อเริ่มดำเนินการได้เป็นรูปธรรมภายในปีนี้ พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทยพร้อมคณะลงพื้นที่เพื่อสำรวจแนวชายแดนตั้งแต่หลักเขตที่สี่ 48 ต่อเนื่องถึง 51 บริเวณพื้นที่บ้านป่าไร่ ถึงบ้านท่าข้าม ในเขต อ.อรัญประเทศ โดยการสำรวจดังกล่าวเพื่อเตรียมสร้างแนวกำแพงแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้นบริเวณหลักเกณฑ์ที่ห้า 50 และ 51 ซึ่งไทยและกัมพูชาเห็นตรงกันแล้วในเรื่องเขตแดน จะสร้างเป็นรั้วถาวรเป็นจุดแรกระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ขณะบริเวณอื่นๆ ซึ่งยังมีการอ้างสิทธิ และยังไม่มีข้อสรุปเรื่องเขตแดนที่ชัดเจน เบื้องต้นก็จะสร้างเป็นแนวรั้วชั่วคราวด้วยวิธีการตัดถนนเลียบตลอดแนวชายแดนและวางรั้วลวดหนามหีบเพลงสามชั้น พร้อมติดกล้องวงจรปิดในจุดที่สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ในการเคลื่อนย้ายกำลัง รวมไปถึงการลาดตระเวนตรวจตรา นอกจากนี้การปรับพื้นที่ให้โล่งก็จะทำให้การลักลอบผ่านแดนตามช่องทางธรรมชาติยากขึ้น ซึ่งถือเป็นการสกัดกั้นทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์และปัญหาสแกมเมอร์ ได้ โดยการดำเนินการจะเริ่มต้นทันทีที่นำเรื่องเข้าขออนุมัติจากสภาความมั่นคงแห่งชาติและไม่ได้ติดขัดในเรื่องงบประมาณแต่อย่างใด เชื่อว่าภายในปีนี้น่าจะเห็นแนวรั้วกำแพงชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มต้นเกิดขึ้นได้ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้จะมีการลงในรายละเอียดพื้นที่ต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนตามแนวชายแดนที่บางส่วนอาจได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็เชื่อว่าประชาชนพร้อมที่จะเสียสละเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของส่วนรวม พลตรี วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำรั้วตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชาเกิดขึ้นจากข้อเรียกร้องของประชาชน […]