“สุริยะ” ยัน ก.อุตฯ พร้อมโหวตแบน 3 สาร

กรุงเทพฯ 21 ต.ค. – “สุริยะ” ยัน 3 เสียง ก.อุตฯ พร้อมโหวตแบน 3 สาร สมาพันธ์เกษตรฯ ฮือกดดัน คกก.วัตถุอันตราย 22 ต.ค. ปลดล็อกใช้สาร 3 ชนิดจนกว่าจะมีสารอื่นทดแทน


นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงฯ ยืนยันในการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายวันพรุ่งนี้ (22 ต.ค.) ซึ่งมีวาระพิจารณาเรื่องการยกเลิกใช้สาร 3 ชนิดในภาคเกษตรกรรม ได้แก่ สารคลอร์ไฟริฟอส พาราควอต และไกลโฟเซต ในส่วนของกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นกรรมการ 3 คน จากทั้งหมด 29 คน จะลงคะแนนให้มีการยกเลิกการใช้สาร 3 ชนิดแน่นอน และเบื้องต้นทราบว่ากระทรวงสาธารณสุขก็จะโหวตยกเลิกเช่นกัน ขณะที่กรรมการคนอื่นก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจ

ทั้งนี้ เนื่องจากกระทรวงอุตสาหกรรมห่วงใยสุขภาพประชาชนตามข้อมูลที่ผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ ออกมาระบุว่าสาร 3 ชนิดเป็นมลพิษ โดยทางกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีข้อมูลยืนยันชัดเจนว่ามีแนวทางการใช้สารอื่นทดแทนสาร 3 ชนิดที่จะยกเลิก เพื่อบรรเทาผลกระทบให้กับเกษตรกร รวมทั้งมีแนวทางเยียวยาผลกระทบราคาสารทดแทนที่อาจทำให้ต้นทุนเกษตรกรสูงขึ้น


ส่วนการเปิดเผยผลการลงมติแบนสาร 3 ชนิดจะเป็นที่เปิดเผยต่อสาธารณะหรือไม่ เป็นสิทธิ์ของที่ประชุม แต่ปกติการประชุมต่าง ๆ ก็รับทราบกันภายในอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่ได้ออกมาบอกว่ากรรมการคนไหนโหวตอย่างไร

อย่างไรก็ตาม หลังจากพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย ฉบับที่ 4 พ.ศ.2562 มีผลบังคับใช้วันที่ 27 ตุลาคมนี้ ส่วนตัวพร้อมที่จะนั่งเป็นประธานกรรมการวัตถุอันตรายโดยตำแหน่งตามกฎหมายกำหนด จากปัจจุบันนายภานุวัฒน์ ตริยางกูรศรี ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม รักษาราชการแทน รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธาน และมีผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม 2 คนร่วมเป็นกรรมการ คือ นายประกอบ วิวิธจินดา ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม รักษาราชการแทนอธิบดีกรมโรงงาน และนายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.)

นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ตามกฎหมายปลัดฯ ไม่มีสิทธิ์ในการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย เพราะระเบียบเขียนไว้ชัดเจนว่าให้รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมที่ดูแลคลัสเตอร์ทำหน้าที่ประชุมตามภารกิจ อย่างไรก็ตาม ได้รวบรวมข้อเสนอของหน่วยงานต่าง ๆ ที่ส่งมากระทรวงอุตสาหกรรม ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกใช้ 3 สาร เพื่อนำมาหารือกันในที่ประชุมต่อไป


นายเลียบ บุญเชื่อง ประธานชมรมสถาบันชาวไร่อ้อยภาคอีสาน กล่าวว่า ชมรมฯ ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เพื่อขอให้ทบทวนการยกเลิกใช้สารเคมี พาราควอต ไกลโฟเซต ที่จำเป็นต่อเกษตรกรชาวไร่อ้อยกว่า 200,000 ราย เพราะขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่าส่งผลกระทบต่อรางกายตามที่มีการกล่าวอ้าง และหากงดหรือยกเลิกต้องมีสารชนิดอื่นสามารถทดแทนกันได้ราคาที่ถูกกว่า แต่คุณภาพเท่าเทียมกับสารปัจจุบันที่ใช้อยู่ ซึ่งเรื่องนี้ต้องให้เวลาชาวไร่อ้อยทำความเข้าใจและปรับตัวอย่างน้อย 2-3 ปี . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ใบประกอบวิชาชีพครู

เตือนคุณครูเปิดเทอมนี้ ต้องมี “ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู”

เตือนคุณครูเปิดเทอมนี้ ต้องมี “ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู” แนะรีบต่ออายุใบอนุญาต หลังคุรุสภาออกมาตรการ 5 ต. คุมเข้มทุกโรงเรียนทั่วไทย

เริ่ม 1 พ.ค.นี้ นักท่องเที่ยวเข้าไทย ต้องลงทะเบียนบัตร ตม.6 แบบดิจิทัล

เริ่ม 1 พ.ค.นี้ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้าไทย ต้องลงทะเบียนบัตร ตม.6 แบบดิจิทัล หรือ TDAC ล่วงหน้า อย่างน้อย 3 วันก่อนเดินทาง ตามกฎใหม่ ตม.

พีชเรียกอาต่าย

ผบ.ตร.ไม่ปลื้ม “พีช” โอ้อวดเรียก “อาต่าย” ลั่นไม่ใช่ญาติ

ผบ.ตร.ไม่ปลื้ม “พีช” คู่กรณีรถกระบะ โอ้อวดเรียก “อาต่าย” รู้จักคนในรัฐบาล หวังผลคดี ลั่นไม่ใช่ญาติ สอนลูกเสมออย่าทำตัวเป็นขยะสังคม บอกประชาชนใช้วิจารณญาณเลือกตั้ง

“นายกเบี้ยว” ยอมรับลูกขับรถหวาดเสียว พร้อมชดใช้-ดูแลลุงคู่กรณี

“นายกเบี้ยว” รับจบแทนลูก ยอมรับลูกขับรถหวาดเสียว พร้อมชดใช้ ดูแลลุงคู่กรณี ระบุสอนลูกไม่ดี ไม่มีเวลาให้ลูก ปฏิเสธไม่สนิทกับ ผบ.ตร. อย่าเอาท่านมาแปดเปื้อน ส่วนที่ลูกชายยังไม่ไปเยี่ยมลุงคู่กรณี เนื่องจากกลัวโดนถูกโวยวาย

ข่าวแนะนำ

ลุยรื้อถอนต่อเนื่องเข้าวันที่ 24 จนท.ทำงานหนักตลอด 24 ชม.

เดินหน้ารื้อถอนอาคาร สตง. เข้าสู่วันที่ 24 แล้ว เจ้าหน้าที่ทำงานตลอด 24 ชม. เพื่อให้เสร็จตามแผน ขณะที่ภารกิจค้นหาผู้ติดค้างยังคงดำเนินต่อเนื่อง

ปล่องลิฟต์ตึกถล่ม

กทม.เดินหน้าเจาะปล่องลิฟต์ ค้นหาผู้สูญหายตึก สตง.

ผู้ว่าฯ กทม. เผยปฏิการค้นหาร่างผู้สูญหายจากเหตุตึก สตง.ถล่ม วันนี้เน้นเจาะปล่องลิฟต์-บันไดหนีไฟ หลังวานนี้ (18 เม.ย.) พบผู้เสียชีวิตในจุดดังกล่าวเพิ่มอีก 6 ราย ยืนยัน กทม. ให้ความร่วมมือกับทุกหน่วยงานในการเข้า เก็บพยานหลักฐาน เพื่อหาตัวผู้รับผิดชอบกับเหตุการณ์ดังกล่าว